หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 330 กลยุทธ์ลอกคราบจั๊กจั่นอันแนบเนียน

บทที่ 330 กลยุทธ์ลอกคราบจั๊กจั่นอันแนบเนียน

บทที่ 330 กลยุทธ์ลอกคราบจั๊กจั่นอันแนบเนียน

นางต้องคิดหาวิธีแก้ไข

แล้วดวงตาก็ประกายขึ้นมา นางคิดได้ว่าในตอนที่นางหายาต้นกำเนิดตัวสุดท้าย ในทุ่งดอกไม้ มีฟอสฟอรัสขาวจำนวนมากอยู่ด้วย

ฟอสฟอรรัสขาว!

ใช่แล้วฟอสฟอรัสขาว!

ความคิดผุดขึ้นมา

ดังนั้นนางจึงปล่อยเปลวไฟออกมา เพื่อเผาไหม้ฟอสฟอรัสขาวบนทุ่งดอกไม้ ในไม่ช้าไฟก็ลุกโชน แล้วเปลวไฟก็ยิ่งลุกมากขึ้นเรื่อย จำเปลี่ยนจากทะเลดอกไม้กลายเป็นทะเลเพลิง ……

ส่วนตอนนี้ราชครูแห่งราชวงศ์เก่าที่กำลังใช้วิชาควบคุมหนอนพิษกู่ เพราะดอกกระดูกขาวที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่จิ้นถูกทำลาย และเหล่าหนอนพิษกู่จิ้นก็เผาไปด้วย จึงทำให้วิชาของเขาย้อนเข้าหาตัว จนเกือบจะระเบิดตัวเขาเอง

ส่วนหนอนพิษกู่จิ้นและคนโดนมนต์ดำที่โดนควบคุมจนเสียการทรางตัวของตัวเอง ก็เข้าไปทำร้ายผู้คนในหมู่บ้านชนเผ่าหยินไห่ ……

จนที่สุดเหล่าคนโดนมนต์ดำก็ถูกจัดการจนหมด และศพของชาวบ้านชนเผ่าหยินไห่ก็ถูกกองเป็นภูเขา ส่วนราชครูแห่งราชวงศ์เก่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนฝั่งของหลานเยาเยาในตอนนี้

หลังจากทำยาถอนพิษสำเร็จ นางก็ค่อยๆป้อนยาให้กับทีละคนๆ

และนางก็ป้อนยาให้กับเย่แจ๋หยิ่งเป็นคนสุดท้าย นางป้อนยาใส่ปากของเขา แล้วยกคอของเขาขึ้นเพื่อที่จะให้ยาลงคอไปเข้าสู่ร่างกาย

ยาถอนพิษก็ถือว่าป้อนให้หมดแล้ว

หลานเยาเยาจึงกวาดตาไปมองหานแสที่นอนอยู่ข้างๆดวงตาก็ประกายขึ้นมา ก่อนจะลากเย่แจ๋หยิ่งไปซ่อนยังสถานที่ที่ค่อนข้างลับ

ก่อนที่จะจากไป

นางก็จดจ้องไปยังเย่แจ๋หยิ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“เย่แจ๋หยิ่ง ยาถอนพิษนี้จะผลข้างเคืองตามมา มันอาจจะทำให้ท่านลืมเรื่องราวบางสิ่งที่ท่านไม่อยากจะลืม ถ้าหากท่านลืมข้า ข้าเองก็จะลืมท่านเสีย เช่นนั้นพวกเราก็จะได้ลืมเลือนกันและกัน!เป็นเช่นนี้จะดีกับพวกเราทั้งสองคน!ถ้าหากไม่ใช่ เช่นน้นก็จะยิ่งดี อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่า ในใจของท่านนั้นข้าไม่ได้สำคัญอะไรเลย”

พอพูดจบนางก็หันหลังจากไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า นางยังไม่ทันได้จากไป เย่แจ๋หยิ่งก็ลืมตาขึ้น มองไปยังทิศทางที่นางเดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย

“เยาเยา……”

“ข้าจะพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อจะจำเจ้าไว้ให้ได้……”

แล้ว!เขาก็ดึงปิ่นปักผมบนหัวลงมา พลางเปิดแขนเสื้อ แล้วใช้ปิ่นปักผมสลักแขนตัวเองด้วยคำสามคำ——หลานเยาเยา

ไม่ว่าเลือดที่แขนจะไหลออกมามากเพียงใด เขาก็ไร้ความรู้สึก และทำเพียงบีบแขนตรงที่สลักชื่อของหลานเยาเยาเอาไว้แน่น ก่อนที่ดวงตาจะแดงก่ำด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นอีกครา ……

“เยาเยา เจ้าเกลียดชังข้าหรือไม่?”

“แต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องเกลียดข้า แต่ข้ากลับยังทำเช่นนี้”

“เพราะเขาแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งถึงขนาดตัวข้าอย่างสามารถต่อกรด้วยได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงให้เขาเห็นกับตาว่าเจ้า 'ตาย'แล้ว เป้าหมายของเขาถึงจะเปลี่ยนได้”

หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะ

เย่แจ๋หยิ่งมองไปยังขนของตัวเองอย่างจดจ่อ จึงค่อยๆลุกขึ้น แล้วพยุงร่างอันหนักอึ้งของตัวเดินก้าวไปข้างหน้า

แผ่นหลังของเขาดูอ่อนล้าและหม่นหมอง แม้แต่ทุกสิ่งที่อยู่ข้างกายของเขาก็กลายเป็นหดหู่เยือกเย็นไปหมด ……

แล้วในเวลานั้นเองหลานเยาเยาก็ปรากฏตัวมาทางด้านหลังของเขา

เมื่อมองดูแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆหายไปจากสายตาของนาง นางก็เอื้อมมือออกไปลูบหลังเขากลางอากาศ เพียงแต่มันกลับไม่สัมผัสถึงตัวเขา

ในที่สุด

หยดน้ำตาก็ไหลผ่านลงมา นางทรุดลงไปกับกับพื้น ด้วยร่างกายที่แสนจะทรุดโทรม

“จะกลุ้มใจไปทำไม?”

……

“จื้งๆๆๆๆ……”

กู่ฉินยังคงบรรเลงต่อไป

ภาพลวงตายังไม่สิ้นสุด แต่เย่แจ๋หยิ่งที่เจ็บแปลบในหัวใจ จึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากภาพลวงตาทันที

หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา เขาก็เห็นหลานเยาเยาที่น้ำตาไหลเป็นสองทางบนใบหน้า

พวกเขาเห็นภาพลวงตาเดียวกันงั้นหรือ?

ไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างเดียวกันหรือไม่ เขาก็ต้องหยุดไม่ให้นางบรรเลงกู่ฉินต่อไป

ดังนั้น!เขาจึงเอื้อมือออกไปกดสาย เพื่อที่จะบังคับให้นางหยุดบรรเลง

พอกู่ฉินเงียบลง คนที่ฟื้นคืนสติออกมาจากภาพลวงตาอย่างหลานเยาเยา ก็ราวกับโดนมนต์สะกด เอาแต่จ้องมองไปยังสายกู่ฉินโดยไม่พูดจาสิ่งใด

“เยาเยา……”

เย่แจ๋หยิ่งเรียกนาง แล้วนางจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองไปยังเขาอย่างไม่คลายด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ

“เยาเยา เจ้าเป็นอะไรไป?”เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกกังวลเล็กน้อย

ที่เขาหยุดการบรรเลงกู่ฉินของนาง ทำให้นางเกิดปัญหาขึ้นงั้นหรือ?

หลานเยาเยาไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับยื่นมือออกไปจับแขนของเขาเอาไว้ ก่อนจะเปิดแขนเสื้อออก แล้วคำสลักสามคำก็ปรากฏขึ้นมามือของนางถึงกับนิ่ง จากนั้นค่อยๆใช้มือลูบมันอย่างเบาเบาไปยัง‘หลานเยาเยา’สามคำนี้

เย่แจ๋หยิ่งอยากที่จะชักมือกลับ แต่หลานเยาเยากลับไม่ให้ เมื่อหมดหนทาง เขาจึงทำได้เพียงให้นางดูแล้ว

“เจ็บอยู่หรือไม่?”นางถาม

“ไม่เจ็บ!”เขาตอบ

“เหตุใดในร่างของท่านถึงมีหนอนพิษกู่?”สำหรับเรื่องนี้ นางได้รู้ตั้งแต่คราวที่แล้วที่นางจับชีพจรของเขา

“ไม่มี!”เย่แจ๋หยิ่งปฏิเสธ

“ข้าเป็นหมอ ท่านหลอกข้าไม่ได้หรอก พูดมา เหตุใดถึงยังมีหนอนพิษกู่?”

ใบหน้าของหลานเยาเยาเย็นชา เย็นชาถึงขั้นที่ทำให้เย่แจ๋หยิ่งต้องขยับ

แต่เขาไม่อยากพูด เพราะว่ามันไม่มีสิ่งใดน่าพูดออกมา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ

“จะไม่พูดใช่หรือไม่?”

หลานเยาเยายิ้มเยาะออกมา ก่อนจะหยิบกริชอันแหลมคมมาแล้วแทงไปบนแขนโดยไม่พูดกล่าวสิ่งใด

บาดแผลยาวๆปรากฏขึ้นมาบนแขนอันขาวเนียนและบอบบางของนางทันที และเลือดที่ราวกับเจอทางออก ก็ไหลออกมา

เมื่อเห็นเช่นนั้น!ใจของเย่แจ๋หยิ่งก็ถึงกับหล่นวูบ

ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วก้นบึ้งหัวใจของเขา แต่เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก เขาที่คิดอยากจะหยิบกรีชในมือของหลานเยาเยาโยนทิ้งไป แต่กลับถูกหลานเยาเยาต่อต้านอย่างไม่สนใจ

“แคร๊ก……”

เมื่อหยิบไม่ได้กริช เขาจึงฉีกเสื้อของตัวเองออกมาหนึ่งชิ้น พลางดึงมือของนั้นมาแล้วจะพันแผลให้

แต่ว่า……

หลานเยาเยาก็ยังคงดึงมือออก

ใจของเย่แจ๋หยิ่งร้อนรน พลันพูดด้วยเสียงเยือกเย็น“เยาเยา เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร?”

“บ้า?ข้าบ้างั้นรึ?คนที่บ้าคือท่านต่างหากล่ะ เย่แจ๋หยิ่ง”

เย่แจ๋หยิ่งตะลึง!

หลังจากตกใจไม่นาน เขาก็พยายามที่จะพันแผลให้นางอีกครั้ง แต่นางก็ยังคงสะบัดมือออกอีกครั้ง

เลือดที่ไหลออกมาจึงกระเด็นไปบนพื้น และเลือดก็ยังคงไหลรินออกมาไม่ยอมหยุด

เมื่อดูมือที่มีเลือดไหลออกมาของนาง สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งก็ยิ่งเยือกเย็นมากขึ้น

“หยุดโวยวาย แล้วให้ข้าพันแผลให้เจ้าซะ”

ใครจะรู้ว่า……

หลานเยาเยาจะยิ้มออกมา แล้วหยิบกริชขึ้นมาจ่อไว้ที่แขนตัวเองอีกครั้ง

“หลานเยาเยา!”สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งหม่นหมอง หลังจากคำรามออกมา เขาก็ถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำ

“อยากถามสิ่งใดก็ถามมาเถอะ!อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย”

สำหรับสิ่งนี้ หลานเยาเยายิ้มออกมาด้วยความไม่แยแส แล้วเริ่มถามอีกครั้ง

“เหตุใดในตัวท่านถึงมีหนอนพิษกู่?”

“หนอนพิษกู่ที่อยู่ในร่างไม่ใช่พิษกู่จิ้น”

“สิ่งนี้ข้ารู้แล้ว ท่านเพียงตอบคำถามข้ามาก็พอแล้ว”ใช่ไม่ใช่พิษกู่จิ้นมีหรือนางจะไม่รู้?

อีกอย่าง!

นางยังรู้ว่าอะไรคือพิษกู่ ใช้เวลาเพาะนานเท่าไหร่ สามารถฆ่าคนได้หรือไม่อีกด้วย

“เพื่อที่จะรู้สึกแบบเดียวกัน”

“เกิดขึ้นเมื่อเวลาใด?”

แท้จริงแล้วหลานเยาเยาได้เดาคำตอบเอาไว้แล้ว เพียงแต่นางอยากที่จะให้เขาพูดกับนางด้วยตัวเอง ถึงแม้จะต้องใช้วิธีการที่รุนแรง ก็ต้องบังคับให้เขาพูดออกมาให้ได้

“สามปีก่อน”

“ก่อนหรือหลังจากเข้าไปในหุบเขาจิ้น?”

“ก่อนหน้านั้น!”

เช่นนี้นี่เอง ถ้าเกิดเป็นหลังจากที่เข้าไปในหุบเขาจิ้น เขาก็คงจะไม่มีเวลาที่จะเอาพิษกู่นั้นให้ตัวเองแน่

“ดังนั้นทั้งหมดนี้ท่านได้วางแผนไว้หมดแล้ว?ท่านทราบว่าเป้าหมายของราชครูคือข้า และท่านก็ทราบด้วยว่าราชครูเป็นคนประเภทเดียวกับข้าด้วย ทั้งยังรู้ถึงความพิเศษของข้าอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องการฆ่าข้าเสีย เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง!”

เย่แจ๋หยิ่งมองนางพลันพยักหน้า

“ดังนั้นตอนที่อยู่ในชนเผ่าหยินไห่ ท่านถึงได้บอกกับข้าว่าให้พวกเราตัดสัมพันธ์ซะ จากนั้นถึงได้วางแผนตลบหลัง เพื่อที่จะหลอกราชครูของท่าน และเพื่อที่จะหลอกข้าด้วย

เป็นกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบที่แนบเนียนมาก!ทำให้ทุกคนเชื่อจนสนิทใจ…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท