หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 334 เตียงหยกที่ดูดเลือด

บทที่ 334 เตียงหยกที่ดูดเลือด

บทที่ 334 เตียงหยกที่ดูดเลือด

ก่อนหน้านี้ที่อยู่บนเตียงหยก เขาก็ได้คลำหามาตลอดว่าเปิดออกอย่างไร ใครจะรู้ว่าเมื่อหลานเยาเยามา ก็ทำให้เขาตกใจก่อน จากนั้นก็ทำให้เขาประหลาดใจปนดีใจเป็นที่สุดขนาดนั้น

สำหรับความดีใจ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังติดตราตรึงใจอยู่!

“เช่นนั้นยังจะรออะไร? พวกเรารีบไปหาทางออก”

ในความดีใจเป็นที่สุด

หลานเยาเยารีบลากเย่แจ๋หยิ่งเดินออกไปนอกถ้ำทันที เมื่อมาถึงเตียงหยก พวกเขากลับประหลาดใจที่พบเจอ

เตียงหยกทั้งเตียงมีแสงสีฟ้าอ่อนสาดส่องออกมาจากด้านในสู้ด้านนอก และเลือดพรหมจารีที่เดิมทีไหลอยู่บนเตียงหยกก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ท่านเช็ดออกหรือ?”

เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งส่ายศีรษะ หลานเยาเยามีแววตาครุ่นคิด

ก่อนหน้านี้ตอนที่นางตื่นนอน เลือดพรหมจารียังอยู่บนเตียง หากว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่ได้เช็ดทำความสะอาด เช่นนั้นก็เป็นเตียงหยกมีความประหลาด

“น่าแปลกแล้ว เตียงหยกยังจะสามารถดูดกินเลือดได้ด้วยหรือ?”

หลานเยาเยาสงสัยไปพลาง พร้อมกับตรวจสอบดูทั่วทั้งเตียงหยกไปพลาง

เวลานี้!

เย่แจ๋หยิ่งกระแอมออกมาเบาๆทีหนึ่ง บนใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้มบางๆ พูดอย่างแผ่วเบา :

“น่าจะเป็นเลือดแห่งพรหมจารีทำให้เตียงหยกทำงาน”

ได้ยินดังนั้นหลานเยาเยาก็รีบหันไปมองทางเขา สีหน้าค่อนข้างประหลาดใจ

“ท่านรู้มาตั้งนานแล้วใช่หรือไม่ว่าเลือดสามารถทำให้เตียงหยกทำงานได้? มองที่ข้า ต้องพูดความจริง”

มองดูท่าทางที่เหมือนกับว่าเสียเปรียบอย่างที่สุดของหลานเยาเยา สีหน้าแววตาของเย่แจ๋หยิ่งแฝงไปด้วยความรักความเอ็นดู พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“บนผนังถ้ำน้ำแข็งมีเขียนไว้”

“บนผนังถ้ำน้ำแข็ง? ไม่ใช่มีเพียงภาพจิตรกรรมฝาผนังสี่ภาพหรือ? หรือว่ายังมีอักษรอีก? แล้วเขียนว่าอะไร?”

หลานเยาเยางงงันเล็กน้อย

ที่สุดแล้วมีเขียนไว้หรือไม่นางไม่รู้นี่! เมื่อครู่ใจของนางหมกมุ่นอยู่ที่การศึกษาสืบหาสังเกตภาพจิตรกรรมบนฝาผนัง ไหนเลยจะมองดูที่อื่น

“เข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ อุทิศด้วยเลือด ดีชั่วแยกแยะด้วยตัวเอง ทางออกทำงานเองได้”

เย่แจ๋หยิ่งพูดคำที่สลักไว้บนผนังน้ำแข็งออกมา หลานเยาเยาฟังจนตะลึง

“ง่ายขนาดนี้เชียว? ให้เลือดก็ได้แล้ว?”

เป็นไปไม่ได้หรอก?

จะมีเรื่องง่ายดายขนาดนั้นที่ไหนกัน!

เป็นดังคาด!

เย่แจ๋หยิ่งอธิบายความสงสัยของนาง “ข้าได้อุทิศเลือดแล้ว แต่ก็ไม่มีความผิดปกติใดๆ”

“ดังนั้นที่พูดมา เลือดที่บนผนังพูดถึงก็คือเลือดแห่งพรหมจารี พวกเราเช่นนี้คือลองผิดลองถูก? หรือว่าท่านเป็นผู้วางแผนขึ้นมา?”

จุดนี้หลานเยาเยามีความสงสัยหนักมาก

ดังนั้น แววตาที่มองเย่แจ๋หยิ่งอยู่ตอนนี้ล้วนเคลือบไปด้วยการวิเคราะห์ นี่ทำให้เย่แจ๋หยิ่งส่ายหัวอย่างจนปัญญา

จากนั้นก็ป้องหูนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส :

“เยาเยา เจ้าลืมแล้วหรือ? เรื่องเมื่อคืน เป็นเจ้าที่เริ่มก่อน ข้าไม่ยอมเจ้าก็ยังคิดจะบังคับขืนใจอีก!

ข้าจะสามารถทำเช่นไรได้? ทำได้เพียงยอมจำนนต่อความลามกของเจ้าแล้ว

เฮ้อ! เรื่องเช่นนี้ เจ้าจะต้องถนัดมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต และสามารถทำกับข้าได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น เข้าใจหรือไม่?”

“……”

ตู้ม……

หลานเยาเยาเหมือนกับถูกฟ้าผ่าก็ไม่ปาน ผ่าลงมาจนหน้านางเหมือนกับกุ้งที่โดนต้มสุก ที่มีสีแดงฉาน

เย่แจ๋หยิ่งคนนี้ เวลาเช่นนี้ยังจะพูดแบบนี้ออกมาได้อีก

และนางก็ทำได้เพียงโกรธจนเอามือทั้งสองข้างค้ำไว้บนเตียงหยก จ้องมองเขาอย่างดุดันแวบหนึ่ง มองเขายิ้มเย้าแหย่มองเขาอวดดี

เพียงแต่เมื่อมือทั้งสองของนางสัมผัสเตียงหยก ก็เหมือนถูกเตียงหยกดูดไว้ ดึงก็ดึงไม่ออก

เห็นดังนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้วทันที รีบไปดึงนางไว้ กลับพบว่าเขาก็โดนดูดไว้แล้ว และพร้อมกับที่แสงสีฟ้าที่ส่องออกมาจากเตียงหยกสว่างเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ

สุดท้าย

ในเวลาที่พวกเขาจมลงไปในเตียงหยกแล้ว ลำแสงสีขาวสาดแวบผ่าน ทำให้พวกเขาหมดสติไปโดยสิ้นเชิง

“ตึกตึกตึก……”

“ตึกตึกตึก……”

“ตึกตึกตึก……”

“เพี้ย……ย๊ะ……”

“เพี้ย……ย๊ะ……”

“……”

เสียงกีบม้าที่ควบไปอย่างรวดเร็ว กับเสียงแส้ฟาดม้าอย่างแรงดังขึ้น

ทันใดนั้นเสียงก็ดังมาก

และหลังจากนั้นก็กลับคืนสู้ความเงียบสงบอีก

หลานเยาเยาที่ค่อยๆได้สติ ยังไม่ทันจะได้เปิดตาขึ้น ก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนเป็นระยะๆ

“สวรรค์ ยังหาไม่พบอีกหรือ? นี่ก็วันที่เก้าแล้ว เทพธิดากับอ๋องเย่หายไปนานขนาดนี้แล้ว คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆหรอกนะ?”

“ใครจะรู้ล่ะ? ตอนนี้ผู้คนตื่นกลัว ฮ่องเต้ก็ได้เรียกรวมพลทหารม้าจำนวนมาก ออกหาเบาะแสของเทพธิดาและอ๋องเย่ไปทั่วทุกที่

แม้แต่ราชครูเทียนเวิงทันทีที่กลับมาเมืองหลวง ก็รีบมาที่งานวัดที่นี่แล้ว

ผู้ที่อยู่ค้างแรมที่วัดในวันที่จัดงานวัด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีฐานะใด ก็ล้วนถูกควบคุมตัวไว้ในวัดทั้งหมดแล้ว”

“ข้าได้ยินมาอีกว่า วันที่สองที่เทพธิดาและอ๋องเย่หายตัวไป ท้องฟ้าสลัวเริ่มสว่าง มีคนเห็นกับตาว่าองครักษ์วังหลวงแบกศพลงมาจากภูเขาหลายสิบศพ เกรงว่าเทพธิดาและอ๋องเย่ประสบโชคร้ายเข้าแล้ว”

“อย่าพูดมั่วซั่ว หากว่าโชคร้ายจริง เมืองหลวงก็คงจะต้องวุ่นวายมาก”

“ไปไปไป คนมากมายหลายหน้า พวกเราวิจารณ์เรื่องเหล่านี้จะโดนตัดหัวได้”

คำวิพากษ์วิจารณ์ยังดังแว่วมาเป็นระยะระยะ เพียงแต่เสียงนั้นยิ่งไกลไปเรื่อยๆ……

หลานเยาเยาเปิดตาขึ้นอย่างช้าๆ เงาที่อยู่ในสายตาคือใบไม้ที่โบกพลิ้วตามลม ลำแสงของพระอาทิตย์จากใบไม้สาดส่องลงมา

แสงที่สว่างจ้าสาดส่องกระจายอยู่บนตัวของนาง

เห้ย!

มีแสงอาทิตย์ ออกมาแล้ว

ในที่สุดก็ออกมาแล้ว

เพียงแต่……

ทั้งๆที่ต้นไม้เยอะแยะ เต็มไปด้วยต้นหญ้า อากาศควรจะบริสุทธิ์มากๆถึงจะถูก

ทำไมนางกลับรู้สึกว่าอากาศขุ่นมัวมากๆล่ะ?

ในวังหิมะอากาศยังดีกว่าที่เป็นร้อยเท่าแหนะ? ขณะที่อยู่ที่วังหิมะก่อนหน้านี้ ยังสังเกตไม่ได้ ตอนนี้พอได้ออกมา การเปรียบเทียบชั่งเห็นได้ชัดเจนนัก

หรือว่าเป็นเพราะกลิ่นมังกรของมังกรทิพย์?

หลานเยาเยาทั้งคิดไปพลางแล้วลุกขึ้นพลาง เมื่อมองดูไปรอบแล้ว ก็พบว่านางอยู่ในกลางป่าไม้ที่เขียวชอุ่มสมบูรณ์ ในที่ไม่ไกลยังมีเส้นทางเล็กๆ

เมื่อสักครู่เสียงของกีบม้าและคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น ล้วนแว่วมาจากทิศทางนั้น

เมื่อหยุดยืนอยู่นิ่งๆ ในสมองก็ยังคิดอยู่ว่าทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ สายตาสอดส่ายไปทั่วมองหาเบาะแสของเย่แจ๋หยิ่ง

คนล่ะ?

คงไม่ใช่ยังไม่ออกมาหรอกนะ?

“ช่าช่าช่า……”

เป็นเสียงฝีเท้าเหยียบบนใบไม้แห้ง เข้ามาใกล้นางทีละก้าวทีละก้าว

นางสีหน้ามีความสุข

ยังคิดว่าเป็นเย่แจ๋หยิ่ง ขณะหันหน้าไปกลับพบว่า เป็นพระที่มีแผลจี้ธูปเก้าจุดบนหัวที่ไร้เส้นผมผู้หนึ่ง

นี่ไม่ใช่พระธรรมดาธรรมดาผู้หนึ่ง

แต่เป็นพระผู้หนึ่งที่คุ้นเคย ดวงตาของเขาเป็นมิตร บนปากมีรอยยิ้มบางๆอยู่ พูดอย่างแผ่วเบา :

“อมิตาภพุทธะโยมฟื้นแล้ว?”

“ทำไมเจ้าอาวาสเห็นข้าแล้วถึงไม่ได้แปลกใจ?”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง!

นางและเย่แจ๋หยิ่งหายตัวไปนานขนาดนั้น ตอนนี้ปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน แม้ว่านางไม่รู้ว่านอนอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นคนก็คงจะต้องแปลกใจสิ?

เมื่อเห็นเจ้าอาวาสไม่แปลกใจเลยสักนิด หลานเยาเยาก็เกิดความคิดขึ้นในสมองทันที

บางทีเขาอาจจะไม่ได้พบเจอเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรกแล้ว

อืม ก็อธิบายได้เพียงเท่านี้แล้ว!

“ใต้ต้นบุพเพปรากฏบุพเพสันนิวาส ในผลขมขื่นออกผลเป็นความรักที่ขมขื่น มีคนรักกันสุดท้ายก็จะได้รับผลที่ถูกต้อง ขอแสดงความยินดีกับโยม”

“……”

บ้าอะไร?

โพล่งประโยคเช่นนี้ออกมาอย่างฉับพลันคิดอยากจะก่อเรื่องแบบไหน?

“ท่านรู้ไม่น้อยเลย ก่อนหน้านี้ปีนหลังคาบ้านสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันมาไม่น้อยล่ะสิ!” หลังจากที่เห็นเจ้าอาวาสมุมปากกระตุกขึ้นมาอย่างหนักตามความตั้งใจ หลานเยาเยาก็ถามต่อ : “อ๋องเย่ล่ะ?”

“โยมวางใจ อ๋องเย่ปลอดภัยมาก”

มีคำพูดนี้ของเขา หลานเยาเยาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เดินไปทางถนนเล็กๆทีละก้าวทีละก้าว

หากเมื่อครู่นางไม่ได้มองผิด

ที่นี่คือด้านล่างเชิงเขาของวัด ในเมื่อเย่แจ๋หยิ่งปลอดภัย เช่นนั้นตอนนี้ที่ทำให้นางเป็นห่วงที่สุดก็คือจื่อซีและจื่อเฟิงกับพวกตาแก่กลุ่มนั้นแล้ว…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน