หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 333 ภาพจิตรกรรมฝาผนังสี่ภาพ

บทที่ 333 ภาพจิตรกรรมฝาผนังสี่ภาพ

บทที่ 333 ภาพจิตรกรรมฝาผนังสี่ภาพ

ด้านในถ้ำน้ำแข็งมีรูปทรงคล้ายกับครึ่งวงกลม บนกำแพงน้ำแข็งเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สีสันสดใส

ถูกต้อง

ท่านไม่ได้ฟังผิด

บนกำแพงน้ำแข็งมีรูปภาพ ในภาพนั้นมีสีสันมากมาย ภาพวาดเหมือนจริง ราวกับว่ามีชีวิตจริง ภาพเหล่านี้มีทั้งหมดสี่ภาพ

สองภาพในนี้ ก่อนหน้านี้หลานเยาเยารู้สึกเหมือนกับว่าคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ตอนนี้เมื่อได้ดูอย่างละเอียด ก็ยิ่งคุ้นเคยมากขึ้น

หลานเยาเยาก็ยืนอยู่ด้านหน้าของหนึ่งในรูปภาพจิตรกรรมฝาผนังที่คุ้นเคย ชี้ไปที่หนึ่งในนั้น พูดอย่างไม่น่าเชื่อว่า

“เย่แจ๋หยิ่ง ข้าไม่ได้ดูผิดใช่ไหม! ที่นี่คือทุ่งทะเลดอกกระดูกขาวในหุบเขาจิ้นที่ภูเขาเห้าของชนเผ่าหยินไห่ ชนเผ่าหยินไห่กับหุบเขาจิ้นทำไมถึงได้ปรากฏอยู่บนภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้?”

อีกทั้ง ทุ่งทะเลดอกกระดูกขาวสีแดงไม่ใช่ราชครูของราชวงศ์เก่าทำออกมาหรือ?”

นี่เรื่องเป็นมายังไงกันแน่?

หรือว่าที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่ราชครูผู้นั้นทำขึ้นมา?

เป็นไปไม่ได้!

หากว่าเขาสร้างขึ้นมา ก็ต้องเข้ามาไล่ล่านานแล้ว

ดังนั้น สมองของหลานเยาเยาสับสนไปหมด

เห็นเย่แจ๋หยิ่งทำเพียงยิ้มให้นางบางๆ และไม่มีการอธิบาย นางก็รีบก้าวไปอีกสองสามก้าวไปอยู่ด้านหน้าภาพจิตรกรรมฝาผนังที่คุ้นเคยอีกภาพหนึ่งทันที

มองดูภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นงานวัดที่มีคนมากมาย รวมถึงต้นบุพเพที่เต็มไปด้วยโบแดง ดวงตาแสดงความสงสัยยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

“แม้แต่ทางเชื่อมใต้ต้นบุพเพกับวังหิมะก็วาดออกมาแล้ว นี่ต้องมีความหมายซ่อนอยู่เป็นแน่”

หลานเยาเยาพูดเองเออเองไปได้สองสามประโยค

ก็รีบมาด้านหน้าของภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพที่สามทันที ภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพที่สามนี้นางกลับไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับว่าเป็นทะเลทรายแห่งหนึ่งที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ

แต่กลับมีดอกไม้ที่แปลกประหลาด

รูปปั้นที่ลึกลับ

ทรายที่ไหลอย่างลี้ลับซ่อนอยู่

รวมถึงการสร้างปราสาทขนาดใหญ่บนโอเอซิส……

นี่ นี่ก็ชั่งน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วมั้ง?

แต่ว่า!

จากการที่นางได้เผชิญกับด่านแต่ละชั้นในหุบเขาจิ้น ผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง พอที่จะอธิบายได้ วิกฤตกาลในภาพวาดล้วนน่าจะมีอยู่จริง

ดังนั้น หลังจากที่นางดูภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพที่สามอย่างละเอียดเสร็จแล้ว ก็รีบไปที่ด้านหน้าของภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพที่สี่ทันที

เมื่อเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพที่สี่ หลานเยาเยาเบิกตากว้างโพลง มองดูภาพที่รูปร่างแปลกประหลาด นางคนทั้งคนงงงันไปหมด

ภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพนี้ชั่งน่าแปลกนัก มองภูเขาไม่เป็นภูเขา มองน้ำไม่เป็นน้ำ คนไม่ใช่คน สิ่งต่างๆไม่ใช่หมอก เป็นสิ่งของบ้าอะไรกันแน่?

ยังมีอีกที่หนึ่งที่ชั่งน่าพิสดารยิ่งนัก

ก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งสามก่อนหน้านี้ตรงด้านบนสุดล้วนมีก้อนหินรูปร่างแปลกประหลาดอยู่ และยังส่องแสงสว่าง

แต่ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สี่ กลับมีหินประหลาดอยู่สามก้อน

นี่เป็นเพราะอะไร?

“เย่แจ๋หยิ่ง ไม่ใช่ว่าท่านมีความทรงจำเกี่ยวกับชายชุดขาวผู้นั้นหรือ? น่าจะรู้ว่าเหล่านี้คืออะไรสิ?”

หลานเยาเยาหันหน้ามามองที่เย่แจ๋หยิ่ง แต่กลับพบว่าเย่แจ๋หยิ่งได้มายืนอยู่ด้านหลังของนางนานแล้ว

สายตาของเย่แจ๋หยิ่งเคลื่อนจากร่างหลานเยาเยาไปยังภาพจิตรกรรมฝาผนัง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“รู้นิดหน่อย!”

เห็นว่าความทรงจำของคนผู้นั้นไม่ได้มีมาก มากที่สุดก็คือความทรงจำในวังหิมะ สำหรับอย่างอื่น ความทรงจำที่เขารู้เลือนรางมาก

“รู้เรื่องไหนบ้าง?”

รู้ก็ยังดีกว่าไม่รู้

รู้นิดหน่อยก็พูดนิดหน่อย นางมีความสงสัยต่อภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้เป็นอย่างมาก

ในเวลานี้ เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือไปชี้ที่หนึ่งบนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ราวกับว่าได้กอดหลานเยาเยาไว้ครึ่งหนึ่ง น้ำเสียงทุ้มต่ำและมีความดึงดูดมาก

“ภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งสี่นี้มีความเกี่ยวข้องกันกับก้อนหินก้อนนี้ หินมีชื่อเรียกว่าหินสยบมังกร เล่ากันว่า เป็นหินเปิดฟ้าปิดพื้นดินที่เหลืออยู่ ยังมีประสิทธิผลในการสยบสิ่งชั่วร้าย

ความจริงแล้วไม่ใช่!

ที่มันสยบไม่ใช่ผีปีศาจที่ชั่วร้าย แต่เพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นมังกร ว่ากันว่ามังกรทิพย์วนเวียนอยู่ในแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ตัวหนึ่ง หินสยบมังกรในภาพจิตรกรรมฝาผนังสี่ภาพนี้ก็ต่างแยกกันสยบศีรษะของมังกรทิพย์ ส่วนกลางกับส่วนหางสามส่วน”

เมื่อเย่แจ๋หยิ่งพูดเช่นนี้

หลานเยาเยาก็เหมือนกับว่าคิดออกแล้วส่วนหนึ่ง เพียงแต่ยังมีความสงสัยอีกมาก

“หากว่าตำนานเป็นจริง เช่นนั้นทำไมคนที่ถือหินสยบมังกรไว้จึงต้องสยบมังกรทิพย์ตัวนี้ล่ะ? หากว่าเอาหินสยบมังกรไปแล้วจะเป็นเช่นไร?”

ในเมื่อเป็นมังกรทิพย์ เช่นนั้นก็น่าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นมังกร เอาหินสยบมังกรไป กลิ่นมังกรกระจายไปทั่ว มังกรทิพย์จะคืนชีพได้หรือไม่?

เวลานี้!

ในสมองของเย่แจ๋หยิ่งก็ปรากฏภาพหนึ่งที่โฉมหน้างามเลิศเหมือนหลานเยาเยาขึ้นอย่างฉับพลัน เฉกเช่นกับเทพเซียนในตำนาน โบกหินสยบมังกรที่ส่องแสงสว่างไสวไปทั่ว……

เขามองหลานเยาเยาที่อยู่ในระยะใกล้มาก กะพริบตาเล็กน้อย

“ไม่รู้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับยาวิเศษ”

“ยาอายุวัฒนะ?” ยาวิเศษก็ไม่ใช่สิ่งของที่ราชครูเทียนเวิงกับพวกคนอื่นอีกบางคนอยากได้หรอกหรือ?

“……” เย่แจ๋หยิ่งมุมปากกระตุกเล็กน้อย กลั้นยิ้มแล้วถาม : “เจ้าเรียกยาฉางตานว่าเป็นยาอายุวัฒนะ?”

“ยาฉางตาน? ! เอ่อแฮ่แฮ่แฮ่ ที่แท้สิ่งของที่พวกเขาอยากได้แย่งชิงกันจนหัวล้านข้างแตกเรียกว่ายาฉางตานหรอ?”

นางรู้ที่ไหนว่ายาวิเศษนั่นมีชื่อเรียกว่าอะไร รู้เพียงสามารถทำให้อายุยืนไม่แก่ โฉมหน้าไม่เปลี่ยน ดังนั้นก็เรียกไปชื่อหนึ่งตามใจไปเช่นนั้น

แม้ว่าจะเชยไปหน่อย แต่ความหมายก็ชัดเจนอย่างมาก

“เรื่องเหล่านี้ ท่านรู้มาจากความทรงจำของชายชุดขาวหมดเลยหรือ?”

เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้า

“ไม่น่าล่ะ! เขาเป็นใครกันแน่นะ? รู้เยอะขนาดนั้น คงไม่ใช่เทพเซียนหรอกนะ? ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ จากนี้ไปก็เรียกเขาว่าเซียนชุดขาวแล้วกัน”

บนโลกนี้มีผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีขาวเยอะขนาดนั้น และเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของเทพเซียน สูงส่งจนทำให้คนเอื้อมไม่ถึง ทั้งยังเป็นเพียงผู้เดียวที่มีโฉมหน้าดั่งเทพเซียนเหมือนเย่แจ๋หยิ่ง

ไม่เรียกเขาว่าเซียนชุดขาวจะเรียกว่าอะไร?

อีกทั้งชื่อนี้ก็น่าฟังมาก!

“เซียนชุดขาว?” เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาไม่ชอบให้หลานเยาเยาเรียกชายอื่นเช่นนี้ รู้สึกว่าสนิทสนมกันเกินไปหน่อย

“ถูกแล้ว! น่าฟังมากล่ะสิ? ที่สำคัญคือหน้าตาของเขาเหมือนกับท่าน ไม่เช่นนั้นข้าก็จะเรียกว่าคนผู้นั้นไปส่งๆแล้วกัน”

เมื่อได้ยินหลานเยาเยาพูดเช่นนี้ คิ้วที่ขมวดอยู่ของเขาก็คลายออกทันที

“ก็สามารถถูๆไถๆไปได้”

“ถูกแล้ว ยาฉางตานมีอยู่จริงหรือ?”

มีคนมากมายขนาดนั้นอยากได้ ก็เพียงแค่อยากมีชีวิตอมตะไม่แก่ชรา บำเพ็ญฌานเป็นเซียน

สมองของคนปกติ ก็ควรจะเข้าใจว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องไร้สาระ

แต่ว่า……

เช่นเดียวกับราชครูเทียนเวิง ไทเฮาคนเหล่านี้ ก็ล้วนผ่านเรื่องราวอุปสรรคเรื่องจริงเท็จมาตั้งนานแล้ว วิธีการกับการมองการณ์ไกล คนปกติก็ไม่สามารถเทียบทันได้

ทำไมพวกเขาถึงได้ไม่มีความสงสัยและเชื่อต่อสิ่งนั้นเป็นอย่างมาก ทั้งยังสืบหามาโดยตลอด?

หรือว่ามีอยู่จริงๆ?

“หากว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นความจริง ยาฉางตานก็มีตัวตน”

“จากที่ท่านพูดเช่นนี้ ภาพจิตรกรรมฝาผนังสี่ภาพ ก็มีสองภาพที่นางได้พบเห็นด้วยตาของตัวเอง เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่ายาฉางตานก็มีตัวตนอยู่จริงแล้ว”

แต่ว่าที่นี่ไม่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังของยาฉางตาน

บางทียาฉางตานอาจจะโดนทำลายไปแล้วจริงๆ ไม่ว่ายังไง ในจินตนาการของนางที่เกิดจากต้นบุพเพ ได้เห็นกับตาว่ายาฉางตานโดนทำลายแล้ว

ดังนั้น…….

บนโลกนี้ไม่มียาฉางตานอีก!

เย่แจ๋หยิ่งสัมผัสภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านั้นเบาๆ หลับตาลงเงียบๆ ไปค้นหาความทรงจำของเซียนชุดขาว

แต่ว่า ณ ตอนนี้ ความทรงจำของเซียนชุดขาวกลับว่างเปล่า

เมื่อเขาเปิดตาขึ้น หลานเยาเยาก็ได้กลับมายืนอยู่หน้าจิตรกรรมฝาผนังของวังหิมะอีกครั้ง ค้นหาอยู่นาน ในที่สุดก็ส่งเสียงดีใจออกมา

“ฮ่าฮ่า ที่แท้ทางออกก็เกี่ยวข้องกับเตียงหยก!” หลานเยาเยาหันหน้ากลับมา ตะโกนเรียกเขาอย่างดีใจ “เย่แจ๋หยิ่ง พวกเราสามารถออกไปได้แล้ว”

“อืม!”

จุดนี้ ขณะที่เขาเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งครั้งแรก ก็รู้อยู่แล้ว……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท