หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 392 มีความเป็นไปได้ที่ข้าจะเป็นบรรพบุรุษของเขา

บทที่ 392 มีความเป็นไปได้ที่ข้าจะเป็นบรรพบุรุษของเขา

บทที่ 392 มีความเป็นไปได้ที่ข้าจะเป็นบรรพบุรุษของเขา

เมื่อคิดจุดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาจางๆ ก่อนจะขยับปากพูด

“เช่นนั้นก็เริ่มด้วยเรื่องความสัมพันธ์ของราชครูก่อน!”

เดิมทีหลานเยาเยาคิดว่า ความสัมพันธ์ของเย่แจ๋หยิ่งและราชครูแห่งราชวงศ์เก่านั้นดีมาก ดังนั้นเย่แจ๋หยิ่งถึงได้เชื่อฟังคำพูดของเขามาก

กลับคิดไม่ถึงว่า······

การเริ่มต้นรู้จักกันของทั้งสองนั้น น่าตกใจมากยิ่งนัก

หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งฝ่าฝันการสู้รบมาแล้วหลายครั้งหลายครา เขาก็มีชื่อเสียงขึ้นมา และกลายเป็นองค์ชายเก้านักรบผู้กล้าหาญและดุร้าย หลังจากที่เลื่องลือมาถึงพระราชวัง ในตอนนั้นฮ่องเต้จึงได้ยกย่องเขาโดยการราชทานตำแหน่งอ๋องเย่ให้กับเขา

โดยจุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ใช่เพื่อที่จะยกย่องเขา แต่เพราะอยากมองดูว่าเมื่อไหร่เขาจะตายในสนามรบเสียที

มีครั้งหนึ่งที่ได้นำกองกำลังเข้าไปซุ่มโจมตีค่ายของศัตรู แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกองกำลังของศัตรูถึงได้รู้ข่าวคราวเรื่องการซุ่มโจมตีก่อน ดังนั้นเขาถึงได้เข้าไปในกับดักของอีกฝ่าย

ซึ่งกว่าเขาจะหนีออกมาจากกับดักนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็ยังกลับถูกทำร้ายโดยทหารในกองทัพตัวเอง เขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปถูกทิ้งลงไปในหลุมคนตาย จากนั้นราชครูก็ปรากฏตัว

ในตอนนั้นราชครูได้พาคนมาขนศพของผู้ที่ตายในสนามรบ ราชครูที่คิดว่าเขาตายแล้วจึงได้พาเขาขนไปพร้อมกับศพเหล่านั้น ขนไปยังหุบเขาจิ้นที่อยู่ชาวหยินไห่ ก่อนจะพบว่าเขายังไม่ตาย ทั้งยังได้เห็นว่าเลือดของเขาสามารถทำให้หญ้าที่แห้งเหี่ยวไปแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ ดังนั้นจึงได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

หลังจากนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็ค่อยๆเติบโตภายใต้การจับจ้องของราชครู

จากนั้นยิ่งนานวันเข้าเขาก็ยิ่งค่อยๆพบความลับบางอย่างของราชครู

ราชครูอยากจะใช้หนอนพิษกู่ในการควบคุมคน สร้างกองทัพนับล้าน รวบรวมทั้งทวีปเข้าหากัน แล้วยังแอบเสาะหายายาฉางตานที่ซ่อนอยู่ เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่เป็นอมตะ แล้วครอบงำทุกสิ่ง

เพื่อที่จะเข้าใจถึงอำนาจของราชครู

เพื่อเลือดของเขาราชครูจึงตัดสินใจจะเก็บเขาเอาไว้เป็นศิษย์ เขาจึงได้ยกย่องเทิดทูนราชครูให้เป็นอาจารย์ จนได้กลายเป็นลูกศิษย์

แม้จะถูกขนานนามว่าเป็นศิษย์ แต่ก็ยังไม่เท่ากับการเป็นผู้ให้เลือดแก่ราชครูในการกลั่นยา

ดังนั้นการหายตัวไปเมื่อหลายปีมานี้ของราชครูนั้น มันก็เป็นเพียงการปิดบังเท่านั้น

อีกทั้ง!สถานที่ในการปลูกดอกกระดูกขาวของราชครูก็ไม่ได้มีเพียงในหุบเขาจิ้นในหมู่บ้านชนเผ่าหยินไห่ที่เดียวเท่านั้น เขายังแอบลักลอบเพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่ในสถานที่อื่นอีกด้วย เมื่อได้รับรู้เรื่องเหล่านี้ หลานเยาเยาก็ถึงกับอึ้งเป็นอย่างมาก

เดิมทีเข้าใจว่าเย่แจ๋หยิ่งที่มีอำนาจคับฟ้า เติบโตมาด้วยสุขสบายและได้รับการเอาอกเอาใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเติบโตมาเช่นนี้

ในขณะที่อยู่ยังชายแดนก็ต้องฝึกปรือตัวเอง รวบรวมอำนาจของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกลอุบายของคนในพระราชวัง

แล้วยังจะต้องคอยมอบเลือดแก่ราชครูในการกลั่นยา ทั้งยังต้องเสาะหาอำนาจที่ราชครูมีอยู่ทั้งหมด

เขาไม่เคยใช้ชีวิตนี้เพื่อตัวเองเลย······

“เย่แจ๋หยิ่ง สถานที่ใช้เพาะปลูกดอกกระดูกขาวมีมากเพียงใดกัน?”

“เท่าที่ข้าหาเจอนั้นยังมีอีกสี่ที่ แบ่งไปตามประเทศเชียนหลิง ประเทศผึงไหล ซีเม่าแล้วก็สวนว่างฮัวของก่วงส้า”

ไม่นึกเลยว่ายังมีมากมายขนาดนี้

หลานเยาเยาเก็บความตกใจอยู่เงียบๆ ถึงจะรู้ว่าการที่ราชครูเทียนเวิงจะใช้หนอนพิษกู่ในการควบคุมกองทัพคนจำนวนมาก จะไม่ใช่เพียงการเพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่เพียงที่เดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังมีเยอะถึงเพียงนี้

และที่เหล่านี้เป็นเพียงพื้นที่ที่เย่แจ๋หยิ่งค้นหาเจอเท่านั้น ยังจะมีสถานที่อื่นที่ยังหาไม่พบอีกหรือไม่?

ยังมีอีกมากเท่าไหร่นั้น?

ก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้?

เพียงแต่······

“พิษกู่จิ้นเยอะขนาดนี้ ราชครูเทียนเวิงไปหามาแต่ไหนกัน?”

นี่ยังมีสถานที่ที่ให้กำเนิดหนอนพิษกู่อย่างไม่หยุดหย่อนอยู่อีก?

“ดังนั้น หลานเยาเยา และนี่ก็คือสิ่งที่ข้าอยากจะได้คำตอบจากตัวเจ้า หลังจากที่ได้รู้ว่าเจ้าและราชครูมาจากอีกโลก แต่น่าเสียดายที่หาไม่พบ เพราะเจ้ากับเขาไม่เหมือนกัน”

“เจ้ากำลังสงสัยว่า ราชครูเทียนเวิงกับข้า ต่างก็มาพร้อมกับระบบเช่นกัน สิ่งที่ข้ามีคือระบบรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนเขานั้นมาพร้อมกับระบบเกี่ยวกับหนอนพิษกู่เช่นนั้นหรือ?”

หลานเยาเยารู้สึกอึ้งอย่างเหลือเชื่อ

เพียงทว่าสิ่งนี้ความเป็นไปได้ที่น้อยเกินไป

ผู้ใดจะหารู้ว่า……

เย่แจ๋หยิ่งใช้สมองคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองไปยังนางอย่างหมดปัญญา

“หากเป็นเช่นนั้น เขาก็คงไม่จำเป็นต้องเลือกที่ซ่อนในการเพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่”

“อ๋อ เช่นนั้นก็จริง !หากเขามีช่องว่างเช่นเดียวกับข้า เหตุใดจะต้องเพาะเลี้ยงด้วย ทั้งที่สามารถปล่อยหนอนพิษกู่ใส่ผู้คนได้ทันที !แล้วสิ่งที่เจ้าสงสัยคือสิ่งใดกัน?”

“บางทีรูปแบบการมาของเขาต่างจากของเจ้า”

เย่แจ๋หยิ่งเคยคิดว่าราชครูนั้นมีความลึกลับผิดปกติ เพราะเคยเสาะหาความเป็นมาของเขาแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดทราบถึงความเป็นมาที่แน่นอนของเขาเลย

การบันทึกแรกสุดก็คืออยู่ในหนังสือทำเนียบบรรพชนของชนเผ่าหยินไห่

ซึ่งในบันทึกนั้นกล่าวเพียงแต่ว่าเขาเป็นผู้ที่มาจากดินแดนอื่น แล้วมาพักอาศัยอยู่ในชนเผ่าหยินไห่ จากนั้นก็ได้ขึ้นตำแหน่งกลายเป็นราชครูแห่งราชวงศ์เก่า โดยไม่ได้มีการกล่าวบันทึกรายละเอียดเลยแม้แต่นิด

เย่แจ๋หยิ่งเองก็ไม่เคยได้ยินราชครูกล่าวถึงสิ่งนี้เลยสักนิด

ทุกคนกล่าวเพียงว่าเขาเป็นคนจากดินแดนอื่น ซึ่งถูกกล่าวว่ามันเป็นดินแดนที่อยู่อีกฟากหนึ่ง ที่ผู้คนไม่มีผู้ใดเคยไปเท่านั้น

แต่ทว่า!

เย่แจ๋หยิ่งกลับเชื่อมั่นว่า คนที่อยู่จากแดนอื่นที่ผู้อื่นเข้าใจกับสิ่งที่ตัวเขาเข้าใจเกี่ยวกับคนจากดินแดนอื่นนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เขาคิดว่าราชครูไม่เพียงแค่ไม่ใช่คนในดินแดนแห่งนี้ แต่เขายังไม่ใช่ผู้คนในโลกนี้อีกด้วย

เพราะเขาเคยเห็นและได้ยินสิ่งที่ราชครูกล่าวถึงหรือกระทำนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้คนในดินแดนนี้ทำหรือเข้าใจ

จนหลานเยาเยาปรากฏตัว

เขาถึงได้ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมากขึ้น

เพียงทว่า……

สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจคือ หลานเยาเยาเป็นวิญญาณที่เข้าสิงร่าง แต่ดูเหมือนว่าราชครูจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น

“เจ้าจะบอกว่า……เขาเป็นคนทะลุมิติมาไม่ใช่วิญญาณข้ามภพ?”หลานเยาเยาค่อยพูดอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเร่งความเร็วคำพูดอย่างกะทันหัน

เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เข้าใจของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาก็อดยิ้มไม่ได้

เย่แจ๋หยิ่งถึงแม้จะสุดยอดเพียงไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ ดังนั้นนางจึงค่อยๆอธิบายออกมา

“การข้ามภพนี้นั้น ถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ รูปแบบที่หนึ่งก็คือแบบของข้า ที่ตายโดยไม่ทันได้รู้ตัว วิญญาณจึงได้ล่องลอยข้ามภพมาอยู่ในร่างของหลานเยาเยาคนนี้ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งก็คือในคนที่อยู่ในอีกโลกหนึ่งยังไม่ตาย แต่ร่างกายและวิญญาณได้บังเอิญผ่านเข้าไปยังทางเชื่อมต่อแห่งประตูมิติหรือผ่านอุโมงค์กาลเวลาข้ามเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ ดังนั้นที่เจ้าสงสัยก็คือราชครูเทียนเวิงเป็นคนทะลุมิติใช่หรือไม่?”

เมื่ออธิบายเช่นนี้

เย่แจ๋หยิ่งถึงได้ค่อยพยักหน้า พร้อมตอบ“อืม”เบาๆ

จากนั้นดวงตาของนางก็ประกายแสงออกมา:“ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ในเมื่อราชครูสามารถใช้ร่างทะลุมิติมาที่นี่ได้ เช่นนั้นข้าก็สามารถที่ใช้ร่างทะลุมิติกลับไปได้ด้วยเช่นกันนั้นสิ?”

หากว่าเหล่าพองเพื่อนรู้ว่านางยังไม่ตาย ทุกคนจะมีความสุขขนาดไหนกัน!

เดิมทีนาเพียงพูดออกไปเท่านั้น ไม่ได้คาดหวังสิ่งใดมากมาย แต่กลับถูกเย่แจ๋หยิ่งบีบมือจนรู้สึกเจ็บ

ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญหน้ากับดวงตาอันลึกล้ำของเย่แจ๋หยิ่ง

“เป็น เป็นอันใดไป?”

จู่ๆก็ใช้สายตาเช่นนี้มองนาง หลานเยาเยาก็มีความรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก

“พวกเรากำลังพูดคุยเรื่องของราชครูอยู่ เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็อย่าเพิ่งไปคิดฟุ้งซ่านเลย”เย่แจ๋หยิ่งพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ

“อ๋อ!”

นางคิดฟุ้งซ่านอะไรกัน?

ไม่ได้คิดอะไรเลย!ไม่ใช่ว่ากำลังคุยเรื่องของราชครูอยู่ไม่ใช่หรือไร เจ้าคนนี้ ช่างจริงๆเสียเลย

“ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น แต่ราชครูเทียนเวิงสามารถมีหนอนพิษกู่จำนวนมากขนาดนั้นได้ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นก็คือการที่เขาสามารถนำพิษที่เกี่ยวข้องกับซอมบี้เข้าสู่พิษกู่จิ้นได้นั้น ก็เพียงพอที่จะเข้าใจได้เลยว่าถึงแม้ข้าและเขาจะมาจากโลกเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงยุคเวลาเดียวกัน”

“พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?”เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้ว

“อืม บางทีข้าอาจจะเป็นบรรพบุรุษของเขา”

“……”

นี่เป็นการอธิบายอย่างหนึ่ง

ถึงแม้นางจะอยู่ในยุคปัจจุบัน ซึ่งก็นับว่ามีความทันสมัยมากแล้ว แต่ดูเหมือนคนที่สามารถฝังระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บไว้ในสมอง และสามารถเชื่อมต่อสื่อสารกับความคิดได้ จะเพียงนางแค่คนเดียว

และในยุคที่นางอยู่นั้น ก็ยังไม่มีซอมบี้ด้วย

ทั้งสองคนนั่งคุยกันต่ออยู่ในรถม้าสักพัก จนใกล้จะถึงตำหนักเทพธิดา ทันใดนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็เปลี่ยนหัวข้อจากเรื่องของราชครูเทียนเวิงมายังเรื่องของเขา

“เยาเยา ตอนนี้ก็กลับมาถึงตัวตนของข้าแล้ว”

“จะต้องพูดจริงงั้นหรือ?”

ถึงแม้นางอยากจะรู้ แต่ก็ยังมีความกลัวที่จะรู้เช่นกัน

“เจ้าไม่อยากฟัง?”เย่แจ๋หยิ่งจ้องไปยังนางทันที

“เปล่า ไม่ใช่แน่นอน”ล้อเล่นหน่า นางกล้าไม่ฟังงั้นหรือ?ดูจากท่าทางของเย่แจ๋หยิ่งถึงนางจะไม่ฟัง นางคิดว่ายังไงเสียเขาก็ต้องพยายามพูดกรอกเข้าหูนางอยู่ดี

เพียงแค่เห็นเย่แจ๋หยิ่งโน้มตัวเข้ามา แล้วขยับริมฝีปากอันเยือกเย็นไว้ข้างหูของนาง ก่อนจะพูดออกมาด้วยความเรียบเฉย ที่ทำให้หลานเยาเยาถึงกับเบิกตากว้าง

อะไรนะ?

ตัวตนนี้น่าสยองขวัญเกินไปหรือเปล่า?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท