หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 390 โต้เถียงกับราชครูเทียนเวิง

บทที่ 390 โต้เถียงกับราชครูเทียนเวิง

บทที่ 390 โต้เถียงราชครูเทียนเวิง

นางเพียงพูดออกมาคำเดียว ก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งที่มีสีหน้าเฉยเมยขัดจังหวะเข้า

“เข้าไปกันเถอะ!”

“ได้!”

หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่พักหน้าเบาๆ

เมื่อองครักษ์ที่เฝ้าประตูวังหลวงมองเห็นพวกเขาจึงได้เข้าไปรายงานก่อนแล้ว เดิมทียังมีขันทีท่านหนึ่งคอยนำทางให้พวกเขา

หลังจากถูกเย่แจ๋หยิ่งเหลือบมองอย่างเย็นชา จึงรีบหลบสายตาจากพวกเขาทันที

ระหว่างทาง พวกเขาไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย

ในไม่ช้าก็มาถึงห้องอักษร เย่แจ๋หยิ่งก็ได้หยุดฝีเท้าลง แล้วเดินตรงไปยังอีกทางหนึ่ง

ตรงนั้นเป็นทางไปห้องบรรทมของไทเฮา……

เพิ่งจะมาถึงห้องอักษร

ก่อนที่ขันทีเฝ้าประตูจะเข้าไปรายงานได้ทัน หลานเยาเยาก็ได้โบกมือให้เขาออกไปก่อน

ขันทีคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ภายใต้สายตาที่แหลมคมของหลานเยาเยา เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังทันที จึงได้จำใจออกไปอย่างรวดเร็ว

หลานเยาเยาไม่ได้รีบเดินเข้าไป เป็นเพราะในตอนนี้มีเสียงสนทนาดังมาจากด้านในของห้องอักษร

“ราชครูใหญ่ ที่เจ้าบอกว่ามีข่าวคราวเกี่ยวกับยาฉางตานซ่อนอยู่ในทะเลทรายของแดนจี๋เป่ยถูกเผยแพร่ออกไปโดยเทพธิดาอย่างนั้นหรือ

แต่ ทำไมนางจงต้องทำเช่นนี้ ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ข้าก็ปฏิบัติอย่างสุภาพมาตลอด มีความเคารพต่อนาง มีข่าวสำคัญแบบนี้ทำไมจึงไม่มาบอกข้าก่อน”

น้ำเสียงของฮ่องเต้มีความเกรี้ยวกราดอย่างมาก เต็มไปด้วยความสับสน

“ฮ่องเต้ ท่านลองคิดดู ยาฉางตานมีสรรพคุณทำให้เป็นอมตะ ใครจะไม่ต้องการมัน เทพธิดาต้องการครอบครองยาฉางตานเป็นของตนเองนะสิ!”

“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ในเมื่อเทพธิดารู้เบาะแสของยาฉางตานอยู่แล้ว นางสามารถที่จะไม่บอกใครๆก็ได้ และสามารถจะไปค้นหายาฉางตานได้อีก แต่นางกับไม่ทำ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเทพธิดาไม่ได้ต้องการยาฉางตาน”

“นี่……”

ทันทีราชครูเทียนเวิงเอ่ยปาก ประตูของห้องอักษรก็ถูกผลักออก หลานเยาเยาที่อยู่ในชุดสีแดงก็เดินเข้ามาอย่างสบายๆ

“ฮ่องเต้พูดถูก ข้าอายุยังน้อย จริงๆ ไม่จำเป็นใช้ยาฉางตาน ตอนที่ตกไปยังวังใต้ต้นบุพเพที่อยู่กลางวัด ข้าก็พบว่าสถานที่เก็บยาฉางตานก็คือกลางทะเลทรายของแดนจี๋เป่ย

เหตุที่ข้าต้องนำข่าวออกไปเผนแพร่ ก็เป็นเพราะรู้ว่าทะเลทรายที่กว้างใหญ่ของแดนจี๋เป่ยมีความน่ากลัวอยู่ ที่นั่นอันตรายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตรงกลางของทะเล ในนั้นไม่เคยมีใครย่างกรายเข้าไป

และผู้ที่พยายามเข้าไปกลางทะเลทรายแห่งนั้น ต่างก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ยังไม่เคยมีใครรอดชีวิตออกมาแม้แต่คนเดียว

การเผยข่าวสถานที่อยู่ของยาฉางตานออกไป ก็เพื่อให้คนที่ต้องการจะได้ยาฉางตานไปสำรวจเส้นทางเสียก่อน เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ที่ไปตามหลัง

ราชครูเทียนเวิงเจ้าให้ร้ายข้าเช่นนี้ หรือต้องการจะกำจัดข้า เพื่อไม่ให้ฮ่องเต้มีโอกาสดึงข้าไปเป็นพวก จากนั้นจะได้ตักตวงผลประโยชน์ให้ตนเองใช่หรือไม่”

เมื่อพูดออกมาแบบนี้

ประการแรกเห็นได้ชัดว่า นางมีเจตนาที่จะยืนอยู่ข้างฮ่องเต้

ประการที่สองเพื่อให้ฮ่องเต้รู้ว่า ราชครูเทียนเวิงมีเจตนาที่ไม่ดี และต้องการที่จะได้ยาฉางตานเช่นกัน

“เทพธิดา ข้าวสามารถกินได้ตามอำเภอใจ แต่คำพูดไม่อาจพูดส่งเดชได้ กระหม่อมมีความภักดีต่อฮ่องเต้ ไม่เคยทรยศ”

ราชครูเทียนเวิงหรี่ตาลง สายตาก็มองไปยังหลานเยาเยาอย่างเยือกเย็น ราวกับต้องการจะกระชากนางออกมาจากหลุม

ดวงตาที่มีเจตนาฆ่าอันเยือกเย็นเปล่งประกายออกมา และหายลับไป

แต่หลานเยาเยายิ้มเบาๆ ไม่ได้สนใจท่าทีของเขา

จากนั้น แง้มปากเบาๆ

หากข้าเดาไม่ผิดละก็ ราชครูเทียนเวิงมีอายุใกล้จะร้อยปีแล้วใช่ไหม อายุมากขนาดนี้แล้ว ดินก็คงจะฝังไปถึงศีรษะแล้วสินะ

หากไม่มียาฉางตาน ราชครูเทียนเวิงที่แก่ชราขนาดนี้ ยังจะมีชีวิตอยู่สักกี่ปี”

อยากจะสร้างข่าวลือหรือ

อย่างนั้นก็ทำเลยสิ!

ดูสิว่าใครจะทำใครได้ อย่างไรก็ตามอายุของเขาก็คงจะมีอยู่แค่นั้นแล้ว เขาต้องการที่จะได้ยาฉางตานก็คือเรื่องจริง

หลานเยาเยาไม่เชื่อ คำพูดของนางที่เอ่ยออกไป ฮ่องเต้จะไม่สงสัยเขาเลยหรือ

ได้ยินดังนั้น!

ราชครูเทียนเวิงดูเหมือนจะตกอยู่ในความคิดและส่งเสียงร้องอันเยือกเย็นในทันที แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องตะลึง

“เทพธิดา เจ้าคิดมากเกินไป! ต้องการจะยุแหย่ความภักดีที่กระหม่อมมีต่อฮ่องเต้หรือ เจ้าลองคิดดูดีๆ กระหม่อมสามารถปรุงยาได้ด้วยตนเองก็สามารถจะยืดอายุได้ จะต้องการยาฉางตานไปทำไม

อีกทั้งฮ่องเต้คือมังกรกลับชาติมาเกิด คนที่สามารถจะครอบครองยาฉางตานได้ ก็มีเพียงฮ่องเต้”

พูดอย่างมีเหตุผลและจริงจัง

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้

“คำพูดนี่ช่างตลกจริงๆ ไม่รู้ว่าราชครูใหญ่จะขยะแขยงตัวเองบ้างหรือไม่” ได้แต่เพียงมองราชครูเทียนเวิงด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

ราชครูเทียนเวิงโกรธมาก แต่อดกลั้นไว้เป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่จ้องมองนางด้วยใบหน้าที่เย็นชา

บรรยากาศภายในห้องอักษรเยือกเย็นลงทันที

สงครามกำลังจะเริ่มขึ้น

ฮ่องเต้เฝ้าดูพวกเขาทั้งสองคนถกเถียงกัน จากนั้นก็มองสงครามเย็นระหว่างพวกเขาอีกครั้ง ดูเหมือนไม่สามารถจะพูดแทรกได้สักคำ

ดูจากลักษณะท่าทางตอนนี้แล้ว

หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าพวกเขาคงจะต้องตบตีกันเป็นแน่

ฮ่องเต้ที่ลำบากใจเป็นอย่างมากได้รีบพูดไกล่เกลี่ยขึ้นมา

“เทพธิดา ราชครูใหญ่ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าต่างก็ดีต่อข้า ราชครูใหญ่เป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง จงรักภักดี ข้าก็รู้มาโดยตลอด

และเทพธิดาเป็นผู้ที่ข้าเคารพมากที่สุด คำพูดที่พูดมาทั้งหมด ข้ามิได้มีความสงสัยเลย

พวกเจ้าทั้งสอง คนหนึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านชาติบ้านเมืองของข้า อีกคนหนึ่งล้วนทำเพื่อประชาราษฎร ข้าก็รู้เห็นชัดเจน

อันที่จริงเทพธิดาก็พูดถูก ทะเลทรายของแดนจี๋เป่ย อันตรายยิ่งนัก น่ากลัวเป็นอย่างมาก หากไม่มีผู้ใดไปสำรวจเส้นทางล่วงหน้าละก็ ถ้ารีบเข้าไปพวกเราอาจจะต้องเจ็บหนักแน่นอน

ดูเหมือนว่าการจะให้ผู้คนในยุทธภพพวกนั้นไปสำรวจเส้นทางก่อนจะเป็นเรื่องดี เพียงแต่……

ตอนนี้พวกเขาได้ออกเดินทางแล้ว ดังนั้นพวกเราควรจะออกเดินทางเมื่อใดจึงเป็นการดี”

หากไปเร็ว ก็จะเป็นเหมือนกับจอมยุทธในยุทธภพพวกนั้น จะกลายเป็นหินที่ผู้อื่นเหยียบขึ้นไป

หากไปช้า เหล่าจอมยุทธในยุทธภพฝ่าฟันอันตรายอันมากมายไปได้ แล้วชิงยาฉางตานไปก่อนก็จะไม่เป็นการดีแล้ว

เห็นได้ชัดว่าคำถามสุดท้ายของฮ่องเต้เป็นการถามหลานเยาเยา

หลานเยาเยาแง้มริมฝีปาก ค่อยๆ สะบัดแขนเสื้อ จากเอามือไขว้หลัง เดินไปยังหน้าต่างและพูดว่า

“สิบวันหลังจากนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุด เมื่อพวกเราไปถึงแดนจี๋เป่ย จอมยุทธในยุทธภพที่ไปถึงก่อนพวกเรา คาดว่าคงจะตายกันเกือบหมดแล้ว

และความอันตรายของเขตทะเลทรายแดนจี๋เป่ย ก็คงถูกพวกเขาทำลายไปเยอะแล้ว และความอันตรายที่แท้จริงอยู่ตรงกลาง

เพียงแค่อยู่ให้ห่างจากศูนย์กลางทะเลทราย พวกเราก็จะยิ่งเข้าใกล้ยาฉางตานมากขึ้น ถึงเวลานั้นจะต้องป้องกันไม่ให้จอมยุทธในยุทธภพนำพวกเราไปได้ อีกทั้งสามารถใช้ได้แค่คนของตนเอง

ท้ายที่สุด ใครจะไปรู้ว่ายาฉางตานแท้จริงแล้วถูกซ่อนไว้ที่มุมใด หากไม่ระวังปล่อยให้จอมยุทธในยุทธภพถึงจุดหมายได้ก่อน อย่างนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสีย”

ฮ่องเต้พอใจกับคำพูดขอเทพธิดา จึงรีบพูดว่า

“ใช่แล้ว เทพธิดาพูดถูกต้อง อย่างนั้นสิบวันหลังจากนี้พวกเราจึงออกเดินทาง เมื่อถึงตอนนั้นขอเชิญเทพธิดาและราชครูใหญ่ไปกับข้า หากได้ยาฉางตานแล้ว ข้าก็จะแบ่งโลกให้กับเจ้าทั้งสองคน”

ฮ่องเต้พูดอย่างภาคภูมิใจมาก

ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะต้องปลื้มใจที่ได้รับสิ่งนี้แน่นอน จนถึงกับดีใจเป็นอย่างมาก

แต่หลานเยาเยาและราชครูเทียนเวิงต่างมีสีหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนจะไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย

“อะแฮ่ม……”

ฮ่องเต้กระแอมด้วยความเก้อเขินอย่างเบาๆ สายตาเปล่งประกายอย่างแปลกประหลาด จากนั้นมองไปที่หน้าผากของหลานเยาเยาด้วยความประหลาดใจและถามว่า

“เทพธิดา หน้าผากของเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ” เทพธิดายังไม่ทันตอบคำถาม ฮ่องเต้ก็พูดกับคนข้างนอกทันที “เข้ามานี่หน่อย ไปเอายารักษาอาการบาดเจ็บที่ดีที่สุดมาให้ข้า”

หลานเยาเยาลูบรอยแผลขีดข่วนบนหน้าผาก ยิ้มและไม่พูดอะไร

จนกระทั่งนางออกจากวังไปกับราชครูเทียนเวิง เขาจึงส่งคนไปยังจวนเฉิงเสี้ยงทันที……

เมื่อออกมาถึงประตูวัง ราชครูเทียนเวิงก็ชำเลืองมองหลานเยาเยาอย่างเยือกเย็น ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา และเดินจากไป

“เหอะ!”

หลุมพรางถูกขุดไว้แล้ว ไม่รู้ว่าราชครูเทียนเวิงจะกระโดดเข้าไปท่าไห

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท