หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 398 ราวกับว่าโดนหลอก

บทที่ 398 ราวกับว่าโดนหลอก

บทที่ 398 ราวกับว่าโดนหลอก

ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในการรวบรวมกองกำลังอำนาจ แล้วเทพธิดานั้นคงตัดสินใจที่จะโค่นมันลง

ฮิฮิ!เห็นท่าทางที่แน่วแน่นี้ของเทพธิดาแล้ว ผู้ที่อยู่ในกองกำลังนี้กำลังจะพบกับความโชคร้ายแล้ว ส่วนผู้บงการนั้นก็ยิ่งโชคร้ายเข้าไปอีก

“คุณหนู แล้วนี่เป็นกองกำลังของผู้ใดกัน?”ถิงเมี่ยนรวบรวมความกล้าถามออกไป

ถึงขนาดที่สามารถทำให้เทพธิดาออกโรงด้วยตัวเอง แสดงว่าผู้บงการเบื้องหลังต้องไม่ใช่คนธรรมดาเพียงคนหนึ่งแน่นอน

“ฮ้องเตองค์ปัจจุบัน!”

หลานเยาเยาตอบกลับอย่างเฉยเมย แต่กลับทำให้ยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนตกใจไม่เบา

ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน!

เทพธิดาไม่ใช่อยู่ฝ่ายเดียวกับฮ่องเต้หรอกหรือ?

เหตุใดจู่ๆถึงได้คิดโจมตีกองกำลังที่ฮ่องเต้แอบรวมรวมฝึกฝนไว้ด้วย?

ทว่าเมื่อพวกเขาขยับสายตาไปเห็นรอยแผลที่ยังฟกช้ำบนหน้าผากของเทพธิดา รวมทั้งไม่กี่วันมานี้ สาวใช้ทั้งสองคนของเทพธิดาก็เกิดเรื่องขึ้นตามๆกันไป จากนั้นพวกเขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

“มีคนในหมู่บ้านนี้จำนวนเท่าไหร่กัน?”ยู่หลิวซูถาม

ในเมื่อเทพธิดารู้ชัดเจนขนาดนี้ คิดว่านางก็คงจะมาสำรวจหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ที่พาคนมาครั้งนี้เพียงแค่โจมตีก็เพียงพอแล้ว

ผู้ใดจะรู้ว่า……

“ไม่แน่ใจ ดังนั้นจึงเรียกให้พวกเจ้าสองคนมา?”ไม่อย่างนั้นจะเรียกให้พวกเจ้ามาทำไมเล่า?

ยู่หลิวซู:“······”

ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในนั้นมีเท่าใด?

เทพธิดาก็กล้าพาทหารมาโจมตีแล้ว?

นี่มันจะดีจริงหรือ?

ยู่หลิววูและถิงเมี่ยนหันมาสบตากัน ด้วยความรู้สึกว่ากำลังได้เจอเรื่องใหญ่แล้ว หลังจากที่ได้ยินงานที่หลานเยาเยาจัดเตรียมให้พวกเขาไปทำแล้ว ทั้งสองก็ถึงกับร้องไห้อย่างไร้น้ำตา

งานของพวกเขาก็คือให้พวกเขาทั้งสองแสร้งทำเป็นเข้าไปอยู่ในหมู่บ้าน ตรวจนับจำนวนคนที่อยู่ในนั้นว่ามีเท่าไหร่กันแน่ จากนั้นรอให้พวกเขาออกมาแล้วค่อยคิดแผนโจมตีหมู่บ้านอีกที

เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา หลานเยาเยาก็กระแอมออกมาเบาๆ จากนั้นก็ลูบจมูกตัวเองแล้วยิ้มบางๆ

“แค่กๆ กลัวอะไรกัน?ก็แค่ให้พวกเจ้าเข้าไปสำรวจความจริงในนั้นเองไม่ใช่หรือไร?ไม่ได้ส่งพวกเจ้าไปลานประหารเสียหน่อย อีกอย่างนี่คือภารกิจอย่างหนึ่งที่พวกเจ้าต้องทำเมื่อเข้าสู่สำนักหงอี ฟังให้ดี ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแค่ทำให้สำเร็จก็พอแล้ว”

น้ำเสียงราวกับกำลังเล้าโลมเด็กน้อยเสียอย่างนั้น

ยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนก็ยิ่งใจไม่นิ่งขึ้นมา

พูดจบ หลานเยาเยาก็เห็นคนที่อยู่ด้านหลังของยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนกำลังปิดปากหัวเราะ ให้ความรู้สึกราวกับเป็นที่เคยเจอประสบการณ์นี้มาก่อน นางจึงรีบถลึงตาใส่พวกเขา พวกเขาจึงหันหลังไปอย่างว่าง่ายแล้วแบหัวเราะต่อไป

ยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนที่ไม่เข้าใจ รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกๆไปอย่างกะทันหัน แต่ก็พูดไม่ออกมามันแปลกตรงไหน พอหันหลังกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลัง คนที่อยู่ข้างหลังก็รีบหันหน้ากลับมาแล้วจ้องมองพวกเขาอย่างจริงจัง

ราวกับว่างานที่เทพธิดามอบหมายให้กับพวกเขานั้นไม่มีอะไรผิดปกติ

เมื่อเห็นดังนั้น

พวกเขาก็ค่อยๆยอมรับงานที่ได้มา งานที่เทพธิดามอบหมาให้พวกเขานั้นเป็นการทดสอบความสามารถของพวกเขา อีกทั้งเทพธิดาก็หวังที่จะเอาชนะหมู่บ้านแห่งนี้ พวกเขาจะต้องทำมันออกมาอย่างสุดความสามารถถึงจะถูก

จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ลงจากเขามาพร้อมกัน วางแผนว่าจะทำการแต่งตัวให้ดีเสียก่อนแล้วจึงค่อยแฝงตัวเข้าไปในหมู่บ้าน

พวกเขาเดินไปพลันพูดคุยกันไปด้วย

“รู้สึกว่ายังมีบางอย่างไม่ปกติ……”

“ความรู้สึกเหมือนกำลังจะตกหลุมพรางอย่างนั้นใช่หรือไม่?”

“อืม มีความรู้สึกนี้จริงๆ”

“มีก็ถูกแล้ว หมู่บ้านแห่งนั้นก็คือหลุมอันใหญ่นั่นเอง พวกเราจะต้องกระโดดลงไปในหลุมนั้นสำรวจหนทางให้กับเทพธิดา จากนั้นก็ร่วมมือกับเทพธิดาที่อยู่ด้านนอกทำลายศัตรูที่อยู่ด้านใน ”

“ใช่ความรู้สึกนี้หรือไม่?”ยู่หลิวซูแสดงออกถึงความสงสัยอันลึกซึ้ง

หลังจากที่จ้องมองพวกเขาลงเขาไป

แววตาของหลานเยาเยาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

ในเมื่อนางสามารถตรวจหาถึงความเป็นมาของหมู่บ้านแห่งนี้ได้ มีหรือที่นางจะไม่รู้จำนวนคนที่อยู่ในหมู่บ้าน?

ที่ส่งให้ยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนเข้าไป เพราะมีประโยชน์อย่างอื่น

“เจ้าสำนัก แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?”หนึ่งในหัวหน้าคุมกล่าวขึ้นมา

“รอให้ถึงตอนค่ำแล้วค่อยลงมือ พวกเจ้าทั้งสี่แต่ละคนนำกองกำลังหนึ่งกอง ซุ่มรออยู่ทั้งสี่ด้านของหมู่บ้าน รอจนตกเย็นให้ถึงเวลาทำอาหาร จากนั้นก็ปล่อยควันสลบให้คละเคล้าไปกับหมอกควันและควันไฟอาหาร”

เมื่อเป็นเช่นนี้เรื่องก็จะได้ง่ายขึ้น

“รับทราบ!”

ผู้คุมทั้งสี่ลงเขาไปพร้อมกับกองกำลังของแต่ละคน หลานเยาเยาจึงให้เหลือเพียงคนติดตามนางคนเดียวเท่านั้น

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยม หลานเยาเยาก็ยังคงอยู่บนเขานั้นทั้งครึ่งชั่วยาม

ในเวลานั้นเอง สายลับก็ขึ้นมารายงาน

“เจ้าสำนัก ในศาลาชีลีที่อยู่ใกล้ๆนี้พบเจอตัวของจ้าวสู้จือ”

ได้ยินเช่นนั้น!ดวงตาของหลานเยาเยาก็หรี่ลง อุณหภูมิบนร่างกายเยือกเย็นลงไปมาก

จ้าวสู้จือจ้าวซื่อก็คือมารดาของหลานจิ่นเอ๋อ และเป็นฆาตกรที่สังหารแม่ของนางด้วย ตั้งแต่หลังจากที่หลานจิ่นเอ๋อถูกตัดสินประหารชีวิต หลานเฉินมู๋ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จ้าวซื่อก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

หลานเยาเยาพายามหาตัวนางมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาก็หาตัวไม่เคยพบ คิดไม่ถึงว่าจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้

“นำทางไป!”

——

ศาลาชีลี。

ศาลาชีลีไม่ได้ถูกสร้างขึ้นบนทางราชการ แต่สร้างขึ้นบนเนินเขา นอกจากศาลาชีลี แล้ว ข้างๆของศาลาชีลีเป็นวัดชีตั้งอยู่ เนื่องจากวัดชีแห่งนี้ชื่อค่างไร้ชื่อเสียง ด้านในจึงแม่ชีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

แล้วบริเวณโดยรอบของศาลาชีลีนั้นล้วนปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและหินรูปทรงแปลกประหลาด ตรงหลังคาของศาลามีการยกสันสูง เป็นรูปหกเหลี่ยมสูงตระหง่าน บนสันหลังคามีการแกะสลักมังกรและสัตว์ประหลาดที่ทำท่าทางแปลกๆบางตัวเอาไว้

ดังนั้นศาลาเล็กๆแห่งนี้จึงดูมีบรรยากาศที่ดีมากว่าวัดชีอย่างมาก อีกทั้งศาลานี้ก็มีระยะห่างจากเมืองหลวงเจ็ดลี้พอดี จึงได้ถูกขนานนามว่าศาลาชีลี

มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอยู่ในศาลา สภาพผมยุ่งเหยิง สวมด้วยชุดผ้าสีเทา สวมรองเท้าเอาไว้และมีผ้าคลุมโพกหัวเอาไว้ ซึ่งมีเพียงหญิงชราในครอบครัวยากจนถึงจะแต่งกายเช่นนี้

ผิวที่เผยออกมาด้านนอก ได้จงใจทาวัตถุสีเหลืองคล้ายขี้ผึ้งเอาไว้ ซึ่งนั่นทำให้นางดูแก่มากยิ่งขึ้น

หญิงวัยกลางคนถือถุงสัมภาระสีดำเอาไว้ สีหน้าลุกลี้ลุกลน เท้าขยับไปมาอยู่กับพื้น สายตาจ้องมองไปยังทางเดินขึ้นเขาเป็นครั้งคราว

นางกำลังรอใครบางคนอยู่

แต่ก็ไม่พบเขาเสียที

ในตอนนั้นเอง!

มีคุณชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีแดง พร้อมเสน่ห์อันเย้ายวนราวกับหยกเลือด เดินเข้ามาภายในศาลา นั่งลงตรงข้ามกับหญิงวัยกลางคน

คนผู้นี้ก็คือหลานเยาเยาที่แต่งกายเป็นบุรุษ ในมือของนางถือเข้มเงินสามเล่มเอาไว้ พร้อมกับสะบัดมันไปมาราวกับพัดบนมือตัวเอง

หลานเยาเยามองไปยังหญิงวัยกลางคน ก็รับรู้ได้เลยว่านางก็คือจ้าวซื่อไม่ผิดแน่นอน

ส่วนจ้าวซื่อที่เมื่อเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาในศาลาก็ยิ่งระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น และเมื่อได้เห็นรอยประทับลายดอกไม้บนหน้าของหลานเยาเยา สีหน้าของนางก็ซีดขึ้นมาทันที จึงลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกไป

เสียง“ชืบ”ดังขึ้น เข็มเงินเล่มหนึ่งก็ลอยผ่านหน้าจ้าวซื่อไป สุดท้ายก็ปักลงไปยังเสาไม้แดง

จ้าวซื่อตัวสั่นเทา กลับมานั่งยังที่เดิมอย่างว่าง่ายก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างสั่นๆ

“ตัวข้านั้นเพียงเมื่อล้าจึงหยุดพัก ไม่รู้ว่าไปทำสิ่งใดให้คุณชายขุ่นเคืองใจ แต่ข้าหวังว่าคุณชายจะให้อภัย ถ้าหากที่นี่เป็นเขตของท่านข้าที่ทั้งตัวมีแต่ผ้าขี้ริ้วก็จะไปนั่งที่อื่นแทน เพื่อไม่ให้เคืองสายตาของคุณชาย”จ้าวซื่อพูดอย่างระมัดระวัง

หลานเยาเยากระตุกริมฝีปากแดงระเรื่อขึ้น โดยไม่สนใจคำพูดของนางแม้แต่น้อย แต่กลับพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“หลานเฉินมู๋ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จวนแม่ทัพถูกตรวจค้น หลานจิ่นเอ๋อเองถูกทรมานจนตาย ท่านในฐานะผู้เป็นมารดา ไม่คิดที่จะแก้แค้นให้ลูกสาว แต่กลับถือหางวิ่งหนีไป ท่านคิดว่าท่านจะสามารถหนีพ้นหรือ?”

“คุณชายพูดสิ่งใดกัน ข้าไม่เข้าใจ ข้าเป็นเพียงสามัญชนเท่านั้น มีได้มีความเกี่ยวข้องใดกับจวนแม่ทัพ เกรงว่าคุณชายจะจำคนผิดแล้ว”

เมื่อถูกเปิดเผยตัวตน จ้าวซื่อ(จ้าวซื่อ หมายถึงคนที่แซ่จ้าว)ก็ร้อนรนไปไม่ถูก หน้าผากก็มีเม็ดเหงื่อออกมาเต็มไปหมด

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท