หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 449 กลิ่นเหม็นในสระบัว

บทที่ 449 กลิ่นเหม็นในสระบัว

บทที่ 449 กลิ่นเหม็นในสระบัว

“สิ่งที่ข้าต้องทำก็ได้สำเร็จไปแล้ว ถึงแม้ราชครูใหญ่จะไม่รู้จักสถานะของเจ้า แต่ก็ต้องสงสัยแน่นอน และจะต้องหาวิธีคลายความสงสัยให้ตนเอง!”

อย่างไรก็ตามเมื่อตัดชื่อของหานแสซึ่งเป็นท่านชายของตระกูลหานออกไป เมื่อราชครูใหญ่ต้องการตรวจสอบอะไรในตัวเขาก็ตรวจสอบไม่พบ

มองไปยังหลานเยาเยาและขมวดคิ้วเล็กน้อย

หานแสจึงพูดออกไปตรงๆ “ช่างเถอะ ข้ายังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำ ขอตัวก่อน”

พูดจบ เขาก็พาทุกคนออกไป

ก่อนจะออกไป ป่ายเม่ยเซิงได้ขยิบตาให้หลานเยาเยา และพูดอะไรบางอย่างที่เข้าใจยาก

“เทพธิดา วันนี้ข้าได้พบกับคนงามคนหนึ่ง งดงามเหมือนดอกไม้ แต่ก็ต้องระงับจิตใจตนเองไว้ เพราะในใจของข้ามีเพียงแต่เจ้า

อ้อ ใช่สิ ทางนั้นยังมีคนโดนมนต์ดำ ตายอยู่อีกสองคน ไม่รู้ว่าคนขององค์ชายรัชทายาทจะจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยหรือยัง เจ้าลองให้คนไปดูหน่อย”

เมื่อได้ยินคำพูดประโยคแรกนั้น

หลานเยาเยาก็ถึงกับพูดไม่ออก จนถึงตอนนี้แล้ว ยังมามีจงใจมาพูดเรื่องนี้อีกหรือ?

แต่ประโยคหลัง ทำให้นางรู้สึกอารมณ์ไม่ดี

จนกระทั่งพวกเขาจากไป จื่อซี ก้าวออกมาอย่างสงสัย “คุณหนู ตอนนี้พวกเราต้องไปไหม”

หลานเยาเยาส่ายหน้า

“ถึงอย่างไรราชครูเทียนเวิงน่าจะรู้เรื่องที่ข้าทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ดอกกระดูกขาวได้โดยไม่ต้องสืบ ตอนนี้จะไปหรือไม่ไปก็ไม่ต้องสนใจแล้วล่ะ เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ คือการตรวจสอบว่ามีพวกผู้ทำผิดหนีรอดไปได้บ้างหรือไม่”

ก่อนที่เย่หลีเฉินจะออกไป นางก็ได้อธิบายให้อย่างชัดเจนแล้ว

เพียงแต่หลังจากทำให้ฮ่องเต้และพวกเสนาบดี เชื่อได้แล้ว ก็จะต้องกำจัดศพของคนโดนมนต์ดำมิเช่นนั้นอาจจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ

เย่หลีเฉินรู้ดีถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงได้ตอบตกลงอย่างเคร่งขรึม

หลังจากนั้นไม่นาน

จื่อซีจื่อเฟิงมารายงาน

“คุณหนู ข้าได้ตรวจสอบสวนว่างฮัวจนทั่วแล้ว แม้แต่พุ่มดอกไม้ก็ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบร่างของคนโดนมนต์ดำ

ตามรายชื่อคนที่ถูกเชิญของถังมู่หวั่น มีจำนวนทั้งหมดแปดสิบคนที่มาร่วมงานเลี้ยงดอกไม้ กลายเป็นคนโดนมนต์ดำเป็นจำนวนสิบเจ็ดคน จัดการกับศพของคนโดนมนต์ดำไปแล้วสิบสองศพ มีอีกสี่ศพของคนโดนมนต์ดำและที่มีชีวิตอยู่อีกหนึ่งได้ขอให้องค์ชายรัชทายาทนำกลับไปยังเมืองหลวง จำนวนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ตรงกัน”

“อืม!”

หลานเยาเยาตอบเบาๆ

ดูแล้วเหมือนจะไม่มีสิ่งผิดปกติ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เป็นเพราะเมื่อตอนที่ได้พบพวกองครักษ์มาส่งถังมู่หวั่นออกจากสวนว่างฮัว สายตาของนางมีความผิดปกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

“เอารายชื่อมาให้ข้า พวกเจ้าไปตรวจดูให้ละเอียดอีกครั้ง”

“ขอรับ!”

หลังจากหลานเยาเยาได้รับรายชื่อ เปิดออกดูทีละหน้า จนกระทั่งถึงหน้าสุดท้าย แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ

มีคนรวมทั้งหมดแปดสิบคนจริงๆ แน่นอนว่าไม่รวมองครักษ์ที่ เย่หลีเฉินพามา และไม่รวมคนที่นางและหานแสแอบพามาด้วย เป็นเพียงรายชื่อของแขกที่ได้รับเชิญเท่านั้น

แต่!

จำนวนคนที่นางและหานแสรวมทั้งเย่หลีเฉินได้พามานั้นถูกนับดูหมดแล้ว ไม่พบปัญหาใด ๆ

ดังนั้น!

นางจึงถอนหายใจออกมา

บางทีนางอาจจะคิดมากเกินไป

“ข้าจะพาคนสองสามคนไปยังสระบัว พวกเจ้าไปยังสวนว่างฮัวอีกครั้งลองซุ่มดูอยู่สักหน่อย จากนั้นไปพบกันที่สระบัว”

สระบัวที่นั่นดูแปลกมาก

น้ำที่อยู่ในสระนั้นแห้งไปหมดแล้ว บ่อน้ำก็ถูกทิ้งร้างเช่นกัน ดอกบัวก็บานสะพรั่งกว่าดอกไม้ที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อีกทั้งหานแสบอกว่าที่นั่นมีพลังด้านมืดอยู่หนาแน่น เมื่อไปดูก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ยากที่จะบอกว่าจะได้พบกับอะไร

ดังนั้น!

หลานเยาเยาได้สั่งการองครักษ์ทั้งสอง เพื่อเป็นการสะดวกให้พวกของจื่อซีแยกกันออกไป

ต้นหญ้าเขียมชอุ่ม กิ่งไม้รกรุงรัง แมลงส่งเสียงร้องยามกลางวัน ดอกบัวงดงามโดดเด่น ไม่ว่าจะมองอย่างไรภาพฉากของสระบัวแห่งนี้ก็ดูจะวังเวงและเศร้าหมอง

ริมสระบัว

หญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีแดง กำลังยืนอยู่ตรงนั้น สายตาที่เย็นชาและสดใสนั้นมองไปยังดอกบัวบานขนาดใหญ่ที่อยู่ในสระ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

ในไม่ช้า สายตาของนางก็ขยับเล็กน้อย ก้าวขาลงไปในสระบัว แต่ขณะที่กำลังหย่อนขาลงไปนั้น ก็หยุดลงทันเวลา

แม้ว่าสระบัวจะแห้งไปนานแล้ว บนพื้นผิวไร้น้ำ ดูเหมือนว่าจะแตกระแหงไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ไปทั่วทั้งสระบัว

ดังนั้นนางจึงมองไปยังเสื้อผ้าของตนเอง

ผู้หญิงที่ดูสวยงามอย่างนาง ไม่ควรจะมาสัมผัสกับแสงแดดหรืออะไรเช่นนี้ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ควรปล่อยให้คนอื่นเป็นคนทำ

องครักษ์ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังยังคงสงสัยว่าทำไมเทพธิดาจึงต้องยกเท้าขึ้น เมื่อเห็นว่านางหันกลับมา สายตาก็เต็มไปด้วยเจตนาที่ดูมุ่งร้าย

“พวกเจ้าลองลงไปดูในสระบัว ค้นให้ละเอียด หาอย่างรอบคอบ ขุดสระลงไปสามฟุตจะต้องพบจุดที่น่าสงสัย หลังจากทำสำเร็จจะมีรางวัลให้อย่างหนักแน่นอน”

โชคดีที่ยังมีทั้งสองคนติดตามอยู่ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องลงไปด้วยตนเอง อาจจะทำให้เสื้อผ้าต้องสกปรกไม่ว่า แต่ยังต้องขัดขวางการรับประทานอาหารของตนเองอีก

สำหรับรางวัลมากมาย หากได้ยินสี่คำนี้จากตำหนักอื่น พวกเขาก็คงจะดีใจกระโดดโลดเต้น แต่นี่คือตำหนักเทพธิดา……

โธ่!

อย่าไปพูดถึงดีกว่า

เมื่อทำงานที่สั่งสำเร็จแล้ว รางวัลที่จะได้รับอย่างมากมายนั่นคือการเพิ่มขาไก่สองชิ้น ขาหมู ส่วนเรื่องเงินนั้นไม่ต้องไปคิดเลย…

หลังจากองครักษ์ทั้งสองทำความเคารพ จากนั้นก็ลงไปยังสระบัว

เป็นเพราะเรื่องภาพลักษณ์ ในตอนแรกหลานเยาเยาได้นั่งยองอยู่ริมสระบัว หลังจากนั้นไม่นาน นางจึงขยับฝีเท้า จากนั้นก็หยิบขาหมูออกมาจากช่องว่างที่ระบบรักษา อาศัยพุ่มดอกไม้ปิดบังตนเองไว้จากนั้นก็นั่งกินอยู่ตรงนั้น

รสชาติของขาหมู กลิ่นหอมฉุย อร่อยและไม่เลี่ยน ได้กินแล้วก็อยากกินอีก ขณะกำลังกินเลยทีเดียว

เดิมทีอากาศบริสุทธิ์ ดอกไม้ใบหญ้าส่งกลิ่นหอม เป็นกลิ่นหอมของธรรมชาติ แต่ในวินาทีถัดมา กลิ่นกลับเปลี่ยนไป กลายเป็นความเหม็นฉุน ซึ่งอาจสามารถฆ่าคนได้ทันทีเพียงสูดดมเข้าไป

“อ้วก…”

หลานเยาเยาอาเจียนสิ่งที่กินเข้าไปออกมาจนหมด แต่ก็แอบเสียดายอยู่ในใจ กินไปเปล่าๆเสียแล้ว

ทันใดนั้นจมูกและปากก็ทำอะไรไม่ถูก จึงไปตรวจสอบหาที่มาของกลิ่น

“นี่มันเรื่องอะไรกัน” นางถามขึ้น

กลิ่นเหม็นอันน่าขยะแขยงนั้นโชยมาจากสระบัว จะต้องพบอะไรบางอย่างแล้วแน่นอน นางรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปาก เสี้ยววินาทีเดียวนางก็กลับคืนสู่ภาพลักษณ์ของเทพธิดาผู้เยือกเย็น

แต่น่าเสียดายคำตอบที่นางได้รับคือความเงียบสงัด

แย่แล้ว!

หลังจากแอบส่งเสียงออกมา นางก็เสียดายที่จะโยนขาหมูที่กินเหลือเอาไว้ครึ่งหนึ่งทิ้งไป ลุกขึ้นไปดูที่สระบัว รูม่านตาของนางก็ลดลงทันที

ในสระบัว องครักษ์ทั้งสองคนที่สั่งให้ไปทำการค้นหาได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว อีกทั้งพวกเขายังเอาศีรษะปักลงในหลุมที่ขุดไว้ ดูเหมือนกับถูกคนปักเอาไว้ข้างใน

แต่!

สิ่งที่แปลกคือ…

ศีรษะที่ติดอยู่ในดินของพวกเขา มีกระดูกเปื้อนโคลนอยู่สองชิ้น เมื่อดูลักษณะของกระดูกโดยตรง น่าจะเป็นกระดูกขาที่ขาวมากของขาทั้งสองข้าง

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่แท้กลิ่นเหม็นนั้นคือกลิ่นของศพที่ถูกขุดขึ้นมา

เพียงแต่กลิ่นเน่าของกระดูกนี้ มีจุดแปลกประหลาดอยู่ ไม่เช่นนั้นในฐานะที่นางเป็นหมอที่มีความคุ้นเคยกับศพคนหนึ่ง กลิ่นที่เหม็นที่สุดก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้กลิ่น แต่กลับไม่เคยได้กลิ่นของศพที่น่าขยะแขยงชวนคลื่นไส้เช่นนี้มาก่อน

บางทีองครักษ์ทั้งสองคนนั้นอาจจะต้องการดึงศพออกมา แต่กลับไม่คิดว่าจะทำให้ถึงกับวิงเวียนจนหมดสติ

การที่ศีรษะปักลงไปในดินแบบนั้น ทำให้หายใจไม่สะดวก ดังนั้นหลานเยาเยาจึงเหาะไป พาพวกเขากลับมาริมสระบัวทีละคน

แน่นอน!

ในมือของนางยังกำขาหมูเอาไว้แน่น

หลังจากพาทั้งสองมาไว้ที่ข้างหนึ่งแล้ว นางก็รีบถอยห่างจากพวกเขาทันที แต่ก็ไม่สามารถหยุดกลิ่นเหม็นนั้นได้ นางจึงทำได้เพียงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปราศจากเชื้อออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเพื่อปิดปากและจมูกของนางอย่างหมดหนทาง

เมื่อจื่อซีและจื่อเฟิงมาถึง พวกเขาก็ยิ่งมีการแสดงออกมากกว่านาง แต่ละคนปิดปากปิดจมูกไว้แน่น ดูเหมือนแทบจะกลั้นหายใจ

หลานเยาเยาถามพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขา พวกเขาได้แต่ส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดีย

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท