หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 448 เรื่องราวไม่สามารถปิดบังได้แล้ว

บทที่ 448 เรื่องราวไม่สามารถปิดบังได้แล้ว

บทที่ 448 เรื่องราวไม่สามารถปิดบังได้แล้ว

เป็นพวกคนโดนมนต์ดำ

เป็นท่านชายคนนั้นที่ถูกพิษงูก่อนหน้านี้ที่กลายเป็นคนโดนมนต์ดำ

คนโดนมนต์ดำก็จู่โจมเข้ามาในทันที ทำให้หัวใจของถังมู่หวั่นเต้นแรงขึ้น พุ่งออกไป ดึงท่านชายคนนั้นที่ต้องการจะลากนางไปมาขวางเอาไว้หน้าตนเอง ดังนั้นคนโดนมนต์ดำจึงจู่โจมตรงไปยังร่างของท่านชายคนนั้น

“เจ้า…”

ท่านชายคนนั้นมีปฏิกิริยากลับมา ก็ถูกคนโดนมนต์ดำกัดเข้าไปที่คอ ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมา จนไม่สามารถพูดได้

คนที่เหลืออยู่สองสามคน รวมทั้งถังมู่หวั่น ทันใดนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างสยดสยอง สีหน้าซีดเซียวอย่างยากจะหาอะไรเปรียบ ขาทั้งสองสั่นอย่างรุนแรง

แต่ในเวลานี้ จะไปพูดอะไรมากได้

กระโดดออกไปแล้ววิ่งทันที แม้ว่าจะวิ่งอย่างสั่นเทา แต่ก็ใช้พลังทั้งหมดช่วยให้วิ่งออกไปข้างหน้า แต่นางจะไปวิ่งเร็วกว่าคนโดนมนต์ดำได้อย่างไร

หลังจากคนโดนมนต์ดำได้ยินเสียงนั้น จึงหยุดกินคน และรีบลุกขึ้นวิ่งไปตามทิศทางของเสียง

เป็นเพราะความกลัว ถังมู่หวั่นจึงตื่นตระหนก และไม่ทันระวังไปสะดุดพุ่มดอกไม้ที่อยู่ใต้เท้า นางต้องการจะลุกขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่มันก็สายเกินไปแล้ว ในตอนนี้พวกมันได้ตามมาถึงตัวแล้ว และยังจู่โจมเข้ามาทันที

“โอ๊ย…”

นางตกใจกลัวมากจนกรีดร้องขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ในขณะที่คนโดนมนต์ดำกำลังจู่โจมเข้ามาหานางนั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงพุ่มดอกไม้ด้านข้าง จากนั้นจึงใช้ขาข้างหนึ่งเตะไปยังคนโดนมนต์ดำ

เมื่อถังมู่หวั่นลืมตาขึ้น ก็ได้เห็นชายสวมหน้ากากคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านาง เขายื่นมือออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์และนุ่มนวล

“แม่นาง ข้ามาช้าไปหน่อย จึงทำให้เจ้าต้องตกใจเป็นความผิดของข้า ตอนนี้พ้นภัยอันตรายแล้ว ข้าประคองเจ้าขึ้นเอง”

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ป่ายเม่ยเซิงก็อดไม่ได้ที่จะคลายเสื้อผ้าของตน และดึงมันอีกครั้ง เผยให้เห็นผิวสีดังข้าวสาลีและดูแข็งแรง

“เวลานี้ยังกล้าจะกะล่อนอีกหรือ ข้าว่าเจ้าคงไม่ต้องการชีวิตแล้วล่ะ”

“เพียะ” เสีบงตบดังขึ้น ป่ายเม่ยเซิงถูกตบไปยังท้ายทอย เขาไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร จึงรีบหันกลับไปและมองซาหมั่นเฉิงอย่างไม่พอใจ

น่าเสียดาย ที่เสียงตอบกลับมาของซาหมั่นเฉิงกลับไม่ค่อยดีนัก

“รีบไปเร็วเข้า ที่ตำหนักเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”

“โอ้ ได้ๆ”

ป่ายเม่ยเซิงมีปฏิกิริยาตอบกลับทันที และแอบเสียดายอยู่ในใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้อวดโฉมตนเองต่อหน้าเหล่าสาวงามได้ เขาไม่นึกเลยว่ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำขึ้นมาอีก ดังนั้นจึงได้แต่พูดกับถังมู่หวั่นว่า

“คนสวย หากมีวาสนาขอให้พบกันอีก โอ้ ไม่สิ ในหัวใจของพี่ชายมีคนอยู่ในใจแล้ว คงจะพบกับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว ช่างมันเถอะนะ!”

พูดจบ สีหน้าของเขาก็เศร้าเล็กน้อย จากนั้นจึงได้แต่ทำหน้าบูด แล้วรีบตามซาหมั่นเฉิงออกไป

เมื่อป่ายเม่ยเซิงและซาหมั่นเฉิงขึ้นมาจากใต้ดิน จื่อซีและจื่อเฟิงก็ได้ออกมาก่อนแล้ว ทันทีที่พวกเขาออกมาก็เดินตามคราบเลือดไปและตรงไปยังตำหนัก จนกระทั่งพวกเขาออกมา ก็ต้องการจะรีบไปที่นั่น แต่กลับพบคราบเลือดที่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นจึงตามไล่ไปดู ก็ได้เห็นคนโดนมนต์ดำกำลังล่าเหยื่ออย่างดุเดือด

ดังนั้น!

พวกเขาตามไล่ล่ามาตลอดทางจนถึงตรงนี้

ก่อนที่ป่ายเม่ยเซิงจะตามซาหมั่นเฉิง ก็ตั้งใจมองลงไปยังคนโดนมนต์ดำ และตอนที่ผ่านท่านชายคนนั้นที่ถูกกัด ก็ได้พบว่ามือของเขาค่อยๆมีปฏิกิริยาตอบสนอง เริ่มมีการขยับมือขึ้นลง จัดการฟันเข้าไปที่ศีรษะของท่านชายที่กลายเป็นคนโดนมนต์ดำทันทีเลย เพื่อจะได้ไม่เกิดเป็นคนโดนมนต์ดำอีกหนึ่งคน

ศพของคนโดนมนต์ดำทั้งสองคนได้แต่วางไว้ที่นี่ชั่วคราว จะต้องรีบจัดการกับคนโดนมนต์ดำคนอื่นเสียก่อน

มองดูพวกเขาสองคนจากไป

ถังมู่หวั่นยืนขึ้นอย่างสั่นเทา ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสับสน จากนั้นจึงมองไปยังร่างของคนโดนมนต์ดำที่ถูกฟัน ดวงตาเป็นประกายอย่างแปลกประหลาด…

นี่คือประตูใหญ่ของสวนว่างฮัว

คนโดนมนต์ดำได้เปลี่ยนจากหนึ่งคนกลายเป็นสอง และเปลี่ยนจากสองกลายเป็นสี่

องครักษ์ที่เฝ้าประตูต่างหวาดกลัว เมื่อได้เห็นว่าเพื่อนของตนต่างกลายเป็นคนโดนมนต์ดำ พวกเขาจึงวางแผนที่จะปล่อยคนที่เหลือออกไป จากนั้นตนเองก็จะหนีเอาชีวิตรอด

โชคดีที่ได้เห็นว่าข้างกายเทพธิดายังมียอดฝีมืออยู่ด้วยถึงสองคน จึงล้มเลิกความคิดในใจ และยังคงป้องกันไม่ให้คนโดนมนต์ดำเข้ามาใกล้ต่อไป

“ต้องเพ่งเล็งไปที่ศีรษะของพวกเขา!”

จื่อซีได้เตือนพวกเขาขึ้นมาเมื่อเห็นว่ากำลังฟันพวกคนโดนมนต์ดำกันตามอำเภอใจ

หลังจากรู้วิธี พวกองครักษ์จึงรีบระงับขาของตนเอง ขณะที่ต่อสู้กับคนโดนมนต์ดำอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้พวกคุณชายคุณหนูและที่เสียสติไปแล้ววิ่งออกไปนอกประตู

หลังจากนั้นไม่นาน

เมื่อมีจื่อซีและจื่อเฟิงเพิ่มเข้ามา และไม่นานหลังจากที่ซาหมั่นเฉิงและป่ายเม่ยเซิงก็มาแล้ว คนโดนมนต์ดำจึงถูกตัดศีรษะจนตายไปอย่างรวดเร็ว

คุณหนูและคุณชายที่รอดชีวิตต่างทรุดตัวลงไปกับพื้นทีละคน ขวัญของพวกเขาต่างไม่มีอยู่แล้ว มีความขี้ขลาดอยู่เล็กน้อย จึงต่างเป็นลมหมดสติไปแล้ว

จนกระทั่งพวกหลานเยาเยามาถึง คนโดนมนต์ดำหลักๆที่มีอยู่ได้ถูกกำจัดไปสิ้นแล้ว

เย่หลีเฉินขมวดคิ้ว มองดูสภาพความรุนแรงที่วุ่นวาย ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าประตู ดวงตาก็แดงก่ำ มือที่จับดาบก็ไม่สามารถกำแน่นได้อีกต่อไป

“ก่อนที่คนโดนมนต์ดำเหล่านี้จะโดนมนต์ดำ ก็ล้วนแต่เป็นคุณชายคุณหนูซึ่งเป็นที่ภูมิใจของแต่ละเมือง เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะแพร่กระจายออกไป เมื่อเรื่องถูกแพร่ออกไป จึงทำให้รัฐและประชาชนทั่วไปต้องตกใจจนวุ่นวาย และยังเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วเมือง ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล”

หลานเยาเยาพยักหน้า

เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ มีคนตายมากมายเช่นนี้ อีกทั้งล้วนแต่เป็นคนมีชื่อเสียงจากแต่ละเมือง เมื่อเรื่องไปถึงแต่ละพื้นที่ ก็ไม่อาจจะปิดซ่อนได้อีกแล้ว

“เรื่องของคนโดนมนต์ดำไม่อาจจะปกปิดไว้ได้ อย่างนั้นก็นำเรื่องนี้ไปอธิบายให้ละเอียดอย่าให้ขาดตกบกพร่อง แน่นอน สำหรับเรื่องของราชครูใหญ่ของราชวงศ์เก่า ก็พยายามปิดมันไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นราชวงศ์ของพวกเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย”

เมื่อตอนพูดเรื่องนี้ออกไป พวกเขาได้พูดกันเป็นการส่วนตัว

เรื่องคนโดนมนต์ดำไม่สามารถจะปกปิดได้เพราะได้เผยออกไปแล้ว แต่สถานะที่แท้จริงของราชครูเทียนเวิงสามารถนำไปเปิดเผยภายหลังได้

ในที่สุด!

ราชครูเทียนเวิงอยู่ในฐานะของราชครูใหญ่ในปัจจุบัน เห็นชัดว่ายังคงฟังคำพูดของฮ่องเต้ แต่หากสถานะของราชครูเทียนเวยถูกเปิดเผย กลัวว่าราชครูเทียนเวิงคงจะทำการยึดเมืองหลวงไว้ในมือแน่นอน

สำหรับกรณีนี้

กลัวว่าเมื่อเย่หลีเฉินนำเรื่องของคนโดนมนต์ดำไปรายงานจะไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นหลานเยาเยาจึงจงใจให้จื่อเฟิงเก็บตัวคนโดนมนต์ดำเอาไว้ เมื่อเป็นแบบนี้ หากพวกเขาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว

แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็มีข้อดี ขอเพียงพวกเขาเชื่อ อย่างนั้นความตายของบรรดาคุณชายคุณหนูก็จะกลายเป็นการตายที่สูญเปล่า

พวกขุนนางเก่าแก่พวกนั้นจะยอมถูกเอาเปรียบขนาดนั้นเลยหรือ

ไม่น่าจะได้!

พวกเขาจะต้องจะต้องนำความแค้นไปให้กับจวนเฉิงเสี้ยงอย่างแน่นอน

ใครให้สวนว่างฮัว เป็นที่ตั้งของจวนเฉิงเสี้ยงกันล่ะ

ใครให้ถังมู่หวั่นจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ล่ะ

สวนว่างฮัวเป็นสถานที่ซึ่งถังเฉิงเสี้ยงมอบให้กับถังมู่หวั่น ตอนนี้ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนเป็นความรับผิดชอบของถังมู่หวั่น ดังนั้นจวนเฉิงเสี้ยงก็จะต้องตกสู้การวิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคม

ด้วยมีเงื่อนไขของความเห็นประชาชน นางจึงต้องการเล่นงานที่อัครเสนาบดี อย่างนั้นทุกอย่างก็จะง่ายยิ่งขึ้น

“เยี่ยม!”

หลังจากเย่หลีเฉินพยักหน้าตอบรับ ก็ได้ทำการตรวจสอบอีกครั้งว่าบรรดาคุณชายและคุณหนูที่รอดชีวิตปลอดภัยดีจริงหรือไม่ จากนั้นก็จัดองครักษ์ออกไปส่งพวกเขาแต่ละคนให้ถึงตำหนัก จากนั้นจึงยกศพของคนโดนมนต์ดำเหล่านั้นกลับเมืองหลวง

เมื่อพวกเขาจากไป

ที่แห่งนี้จึงเหลือเพียงหลานเยาเยาและหานแส รวมทั้งคนที่พวกเขาพามา

“ทำไม ยังไม่ไปอีกหรือ ยังต้องการอยู่ดื่มชาที่นี่ใช่ไหม”

เสียงอันแฝงเสน่ห์ชั่วร้ายได้ดังขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าหลานเยาเยาไม่พูดอะไร แต่ได้ก้มศีรษะลงเล็กน้อยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และดูเหมือนจะถอนหายใจ เสียงอันชั่วร้ายของหานแสก็ดังขึ้นอีกครั้ง…..

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท