หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 461 ถูกหลานเยาเยาพาไปเสียคน

บทที่ 461 ถูกหลานเยาเยาพาไปเสียคน

บทที่ 461 ถูกหลานเยาเยาพาไปเสียคน

หลานเยาเยารู้สึกถึงความโล่งใจ

มีธุระรีบพูด มีผายลมก็รีบปล่อยออกมา นางยังรอที่จะแทะขาหมูอยู่นะ!

ในไม่ช้า ตาแก่ก็ถูกคนอื่นผลักไปอยู่ด้านหน้าของนาง เดิมทีคิดว่าเขาจะพูดเรื่องที่เป็นทางการ กลับคิดไม่ถึง ที่เขาถามคือ…….

“นังหนู เจ้าไปมีความสัมพันธ์กับบุรุษแล้วใช่หรือไม่?”

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาตะลึงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงตอนอยู่ในรถม้า เรื่องที่เย่แจ๋หยิ่งทำต่อนาง ใบหูก็แดงขึ้นมาในพริบตา

นางเอามือมาปิดคอของตัวเอง หาเหตุผลง่ายๆมากล่าว :

“เกิดจากการหกล้มโดยไม่ได้ระวัง”

ตาแก่ที่เหมือนจะเชื่อแต่ก็มีความสงสัย แต่ไม่ช้าก็ปล่อยวางแล้ว “ก็ถูก เจ้ากินจุขนาดนั้น ใครจะเลี้ยงเจ้าไหว?”

“…..”

ใครกินจุกัน?

ทุกวันนางก็ยังคงเป็นหนึ่งวันสามมื้อไม่ใช่หรือ?

ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อยเหล่านี้กับพวกเขา ยังไงซะในมุมมองของพวกเขา นางก็เป็นนักกินจุอย่างเต็มตัว บวกกับขี้งกเป็นอย่างยิ่ง

อธิบายมากมายก็ไร้ประโยชน์

จึงรอให้พวกเขาเปิดปากถามเรื่องที่เป็นทางการ คราวนี้ ตาแก่ก็ไม่ได้ถามเรื่องอื่นแล้ว แต่พูดเรื่องทางการ

“ยัยหนู เจ้ายังมีหินไฟที่มีอานุภาพน่าเกรงขามอย่างมากอยู่หรือไม่? ก็คือก้อนหินขนาดใหญ่ที่ระเบิดสิ่งของออกได้ชนิดนั้น”

สิ่งของนั้นไม่เหมือนกับหินไฟ

อานุภาพยังมากกว่าหินไฟหลายเท่านัก เหมือนกับเทพแห่งขุนเขาบันดาลโทสะเช่นนั้น

ลูกระเบิด?

พวกเขาจะเอาหินไฟไปทำอะไร?

“พวกท่านต้องการหินไฟทำอะไร? ไม่ใช่ว่าพวกท่านก็มีหรือ?”

พูดว่าลูกระเบิดพวกเขาไม่เข้าใจ พูดว่าหินไฟจะเข้าใจง่ายขึ้นหน่อย

ขณะที่อยู่ประเทศอื่น มีสองคนในตาแก่สี่ห้าคนนั้นที่เคยเห็นนางใช้ลูกระเบิด จึงรู้เป็นธรรมดาว่าอานุภาพของลูกระเบิดน่าทึ่งขนาดไหน

และพวกผู้เฒ่าเองเขาก็มีหินไฟมากมาย แม้แต่สำนักหงอีก็มี ตอนนี้พวกเขาไม่ใช้หินไฟ ควรจะใช้ระเบิด

ทำให้หลานเยาเยาค่อนข้างกลัดกลุ้มใจอย่างอดไม่ได้

“พลานุภาพของพวกเขาไม่พอ ต้องการพลานุภาพที่เพียงพอ อีกทั้งสถานที่เป้าหมายมากมายที่ต้องการแอบซ่อนใหญ่มาก จะมีพิรุธได้ง่าย”

“พวกท่านคิดทำอะไร?”

ราวกับว่าหลานเยาเยานึกอะไรได้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย

ผู้เฒ่าห้าคนที่อยู่ด้านหลังตาแก่ พูดจารวดเร็วตรงไปตรงมา กล่าวโดยตรงว่า :

“แน่นอนว่าเป็นในพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ ระเบิดฮ่องเต้ทรราชให้ตาย……”

คำพูดยังพูดไม่จบ ตาแก่ก็รีบผลักเขาอย่างแรงทันที “ไปไปไป พูดให้น้อยลงสักสองประโยคไม่ได้หรือ?”

“พิธีเซ่นไหว้ใหญ่? พวกท่านต้องการฝังหินไฟในพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ ระเบิดฮ่องเต้และขุนนางมากมายให้ตาย? ใครออกความคิดเห็น?”

ทั้งที่รู้ว่าฮ่องเต้ได้มีการเตรียมพร้อมในพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ ยังต้องการฝังระเบิดในพิธีใหญ่ หากว่าเรื่องราวพัฒนาไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา ใช้ระเบิดก่อความวุ่นวายก็ดีมาก

ดูแล้วคนที่ออกความคิดเห็นให้พวกเขา ก็ได้คิดถึงจุดนี้

“นังหนู เจ้าอย่าถามว่าเป็นใคร ที่สุดก็คือคนที่หวังดีต่อเจ้า เจ้าก็พูดมา ที่เจ้าตรงนั้นยังมีหรือไม่?”

“มี จะไม่มีได้อย่างไร อีกทั้งยังมีอีกมากมาย แต่ว่า ต้องผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะสามารถขนส่งไปให้พวกท่านได้ เช่นนี้เถอะ รอครู่หนึ่ง พวกท่านไปรับที่โรงเก็บของ หินไฟที่ร้ายกาจเป็นอย่างมากชนิดนั้นล้วนวางไว้ที่นั่น”

หลานเยาเยาไม่ได้ปฏิเสธ

อีกทั้งยังให้อีกมากมาย?

พวกเขาไม่ได้ได้ยินผิดใช่ไหม? นังหนูพูดง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?

หากว่าเป็นช่วงปกติ นางจะต้องถามซักไซ้แน่นอน หรือว่าให้พวกเขาใช้ความชำนาญของตัวเองมอบสิ่งของที่แปลกประหลาดหายากนิดหน่อยให้นาง

กลับคิดไม่ถึง……

เพียงแค่ถามง่ายๆสองสามประโยคก็ตอบรับแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้คิดมากมาย แล้วก็หันหลังเดินจากไปอย่างดีอกดีใจ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

หลานเยาเยาเอาดินระเบิดจำนวนหนึ่งออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บวางไว้ในโรงเก็บของ แล้วก็จากไป จากนั้นบอกให้พวกผู้เฒ่า ให้พวกเขาไปเอา

ด้วยความรวดเร็วของพวกเขา หยิบเอาดินระเบิดแล้ว ใส่บนรถม้า หลังจากผ่านการปกปิดแล้ว ได้ขนดินระเบิดเข้าไปในแหล่งชุมชนของประชาชน

สถานที่แห่งนี้แม้ว่าอยู่ในเมืองหลวง แต่สถานที่แห่งนี้ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่ยากจนที่สุดอาศัยอยู่ แม้กระทั่งยาจกมากมายก็อาศัยอยู่ที่นี่

ในห้องที่ชำรุดทรุดโทรมห้องหนึ่ง ผู้เฒ่าสี่ห้าคนได้เริ่มนำที่พวกเขาคิดว่าเป็นหินไฟ ย้ายลงมาทีละอย่างทีละอย่างจากนั้นก็ซ่อนไว้อย่างดี หลังจากนั้นก็เห็นคนชราผู้หนึ่งในชุดคลุมสีเข้มเดินเข้ามาช้าๆ

เมื่อผู้เฒ่าสี่ห้าคนเห็นเขา ก็รีบทำมือเคารพอย่างนอบน้อมทันที จากนั้นพวกเขาก็ล้อมวงด้วยกันไม่รู้ว่าพูดอะไร

สีหน้าของคนชราที่อยู่ในชุดสีเข้มผู้นั้นเคร่งขรึม แววตาครุ่นคิด ให้คนรู้สึกถึงความเคร่งขรึมเย็นชาชนิดหนึ่ง

ทันใดนั้น!

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ร่างกายขยับ เกิดการหายตัวไปต่อหน้าของผู้เฒ่าสี่ห้าคนนั้นทันที

เหล่าผู้เฒ่าเกิดความรู้สึกประหลาดใจในทันที

“ทำไมไปแล้ว? ยังหารือไม่ดีเลยนะ!”

“ไม่รู้ คาดว่ามีเรื่องรีบร้อนอื่นต้องไปทำ”

“เช่นนั้นก็ไม่สามารถที่จะรีบร้อนจนแม้คำพูดสักประโยคก็ไม่พูด ก็เล่นหายตัวไปนะ!”

พวกเขาเจ้ามองดูข้า ข้ามองดูเจ้า จนเมื่อตาแก่พบเงาร่างที่คุ้นเคยเงาหนึ่งอยู่ที่ประตูที่ชำรุดทรุดโทรม ถึงได้ขมวดคิ้วทำหน้าตา บอกผู้เฒ่าที่เหลืออยู่สามสี่คน

ทำให้สีหน้าของผู้เฒ่าทั้งกลุ่มเปลี่ยนไปมาก แต่ละคนหมุนตัว ในดวงตามีภาพหลานเยาเยาที่สวมใส่ชุดสีแดงอยู่ กำลังมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ได้ยิ้ม

“นังหนู เจ้าสะกดรอยพวกข้าทำไม?”

หลานเยาเยากรอกตาขาวใส่เขาแวบหนึ่ง และไม่พูดจา แล้วเหยียบเข้าในห้องโดยตรง หลังจากที่ค้นหาแล้วรอบหนึ่งจึงได้ค่อยๆเอ่ยว่า :

“ไม่ตามพวกท่าน ข้าจะรู้เบาะแสของตาเฒ่าเย่นได้อย่างไร?”

ผู้เฒ่าบ้าผู้นี้ นานขนาดนั้นแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะไม่ยอมพบนาง หรือว่าเป็นเพราะเรื่องตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่า?

ไม่ใช่หน่า!

หากเป็นเพราะอันนี้แล้ว ขณะที่นางจงใจแอบเอาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ามอบให้ฮ่องเต้ ก็จะต้องกระโดดออกมาตีนางหนักๆสักรอบ หรือว่าดุด่านางแล้ว

แต่ว่า

เขาไม่มี

ดังนั้นนางตะโกนเสียงดัง :

“ข้าจะบอกว่าตาเฒ่าเย่น ท่านโกรธข้าอยู่ใช่หรือไม่? ข้าได้เตรียมขาไก่มากมาย ขาหมูและเตรียมขนมแต่ละชนิดไว้รอให้ท่านปรากฏตัว

หากว่าท่านยังไม่ออกมาอีก ข้าก็ไม่อยากยอมรับท่านปู่บุญธรรมผู้นี้แล้ว”

ไม่ว่านางจะพยายามพูดปลุกระดมความรู้สึก แต่คำตอบของเขากลับเป็นความเงียบไร้เสียงใดๆ

ผู้เฒ่าสี่ห้าคนที่อยู่ด้านหลังนาง ไม่เคยเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้มาก่อน ค่อนข้างทำตัวไม่ถูก แต่ก็ล้วนไม่ได้พูดจา

พวกเขารู้ เย่นเฉิงเสี้ยงไม่พบหลานเยาเยาก็มีความลำบากใจของเขา

ที่วัดใต้ต้นบุพเพ หลังจากที่ราชครูเทียนเวิงเห็นพวกเขาแล้ว ก็ได้รู้ว่าเย่นเฉิงเสี้ยงไม่เพียงแค่มีชีวิตอยู่ ยังกลับมาแล้วด้วย ดังนั้น เริ่มตั้งแต่เวลานั้น ราชครูเทียนเวิงก็ได้สืบหาเบาะแสของเย่นเฉิงเสี้ยงมาโดยตลอด

ดังนั้นเย่นเฉิงเสี้ยงไม่สามารถติดต่อกับหลานเยาเยาได้ เกรงว่าราชครูเทียนเวิงจะคาดโทษตัวอันตรายที่เหลืออยู่ของราชวงศ์เก่าให้แก่นาง

ถ้าเป็นเช่นนี้

ไม่เพียงทำลายแผนการของหลานเยาเยา ยังทำให้หลานเยาเยาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกกระทำเป็นอย่างมากอีก……

ตั้งนานแล้วก็ไม่ได้ยินการตอบสนอง

หลานเยาเยาก็ถอนหายใจออกมาทันใด “เอาเถอะ! ดูท่าแล้วยังไม่ถึงเวลา”

จากนั้นก็เอาขาหมูอันหนึ่งออกมา วางไว้บนโต๊ะด้านข้าง แล้วกล่าวต่อ :

“ข้ารู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ ไม่พบก็ไม่พบสิ อย่าลืมกินขาหมูล่ะ! ข้าไปแล้ว ไม่รบกวนท่านแล้ว”

หลานเยาเยาวางขาหมูดีแล้วก็หันหลังจากไป ราวกับว่าไม่มีความอาลัยอาวรณ์

หลังจากที่มั่นใจว่านางจากไปแล้ว

ชายชราในชุดคลุมสีดำ จึงได้เดินออกมาจากที่ลับช้าๆ เขามาถึงข้างประตูห้อง มองดูทิศทางที่หลานเยาเยาหายตัวไป พยักหน้าด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็มาที่ข้างๆโต๊ะ หยิบขาหมูขึ้นมา เริ่มแทะขาหมูภายใต้สายตาที่ตะลึงงันของผู้เฒ่าสี่ห้าคน

พวกเขาเคร่งครัดต่อตัวเอง ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดโดยไร้การประนีประนอมของเฉิงเสี้ยงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ให้ความสำคัญในกฎระเบียบเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาโดยตลอด เริ่มจากเมื่อพบพวกเขา เขาก็มีท่าทางที่จริงจังมาตลอด

แต่ตอนนี้ล่ะ?

มือจับขาหมู แทะทีละคำทีละคำอย่างรวดเร็ว ไหนเลยจะมีท่าทางที่จริงจัง?

จะต้องเป็นก่อนที่พวกเขาจะปรากฏตัวเป็นแน่เย่นเฉิงเสี้ยง ก็โดนหลานเยาเยาพาเสียคนแล้ว

แต่ทว่า!

ดูๆไปพลาง พวกเขาก็ล้วนกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

นังหนูก็จริงๆเลย ชั่งไม่รู้จักเก็บไว้ให้พวกเขาสักหน่อย…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท