บทที่ 469 ใครน่ากลัวกว่ากัน
แต่ในเมื่อคุณชายหานแสต่อกรกับคนโดนมนต์ดำพร้อมเทพธิดาได้ พวกเขาน่าจะนับว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตอนนี้ราชครูเทียนเวิงทำเช่นนี้ ต้องทำให้เทพธิดาไม่พอใจเป็นแน่
มองไม่เห็นว่าตอนนี้สีหน้าของเทพธิดาดูไม่ดีหรือ?
“ฮ่องเต้ เพียงฟังข้าน้อยพูดจบ วันนี้ข้าน้อยจับคนผู้นี้ คือคุณชายหานแสที่สังหารคนโดนมนต์ดำวันนั้นจริงๆ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่ใช่คุณชายหานแส แต่เป็นท่านชายหยิ่งที่ชื่อเสียงดังสะเทือนโลกเมื่อสามปีก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อสิ้นคำพูดของราชครู
บรรดาผู้คนก็เสียงดังอื้ออึง
“ท่านชายหยิ่ง? ท่านชายหยิ่งของเรือแห่งความสิ้นหวัง? นี่ นี่จะเป็นไปได้เช่นไร?”
“เรือแห่งความสิ้นหวังท่านชายหยิ่ง เป็นบุคคลที่ชื่อเสียงโด่งดัง ไม่มีคนไม่รู้จัก ใครก็ไม่กล้าล่วงเกิน!”
“หากว่าเขาเป็นท่านชายหยิ่งจริง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าราชครูเทียนเวิงได้สร้างปัญหาใหญ่ให้ฮ่องเต้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“……”
เดิมทีฮ่องเต้ที่ยังค่อนข้างโกรธ เวลานี้ความโกรธหนักขึ้น เคลื่อนสายตาไปมองหานแสด้านหน้าราชครูเทียนเวิงทันที
นี่ลำบากแล้ว
หากว่าหานแสเป็นเพื่อนของเทพธิดา เขายังทำเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้
ถึงอย่างไรเสีย!
ราชครูกับเทพธิดาก็ไม่ลงรอยกันเองอยู่แล้ว กับเขาฮ่องเต้ผู้นี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมาก
แต่หากว่าหานแสผู้นี้เป็นท่านชายหยิ่งแล้ว เช่นนั้นก็จบเห่แล้ว โดยปกติท่านชายหยิ่งลึกลับยากจะคาดเดา เรือแห่งความสิ้นหวังของเขาผ่านได้ทุกประเทศไม่มีอุปสรรค ผู้ใดก็ล้วนต้องให้เกียรติเขา
ราชครูเทียนเวิงกลับดี ตีคนจนเป็นมนุษย์เลือด ไม่รู้ว่าตายหรือยัง
ตอนนี้ฮ่องเต้หวังเพียง คนผู้นี้คือราชครูเทียนเวิงเข้าใจผิด ไม่ใช่ท่านชายหยิ่งเจ้าของเรือแห่งความสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้หานแสสลบไม่ได้สติตั้งนานแล้ว ถูกราชครูเทียนเวิงหิ้วไว้ มือสองข้างห้อยอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมสีหมึกทั้งหมดเทลงมา สีหน้าซีดขาวไร้ที่เปรียบ
แต่แม้หานแสจะเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้คนหวาดกลัว
เย่หลีเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ไกลจากหลานเยาเยา มองดูอดีตที่มีท่วงท่าสง่างาม ตอนนี้สะบักสะบอมเป็นที่สุด และยังเป็นหานแสที่เป็นคุณชายหยิ่ง สีหน้าหมองไปมาก มือที่ห้อยอยู่สองข้างก็ค่อยๆกำหมัดแน่น
เขาเอียงมองไปทางเทพธิดา
กลับเห็นสีหน้าของเทพธิดาไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่ามองไม่เห็นทุกอย่างบนแท่นบูชา เพียงแต่เหมือนกับมีอากาศเย็นยะเยือกของพลังที่ไร้รูปห่อหุ้มนางไว้ ซึ่งแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ที่อวดดี
เขาสามารถรู้สึกได้ นางกำลังอดทน……
“เขาเป็นเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวัง เรือสินค้าที่เหมือนเรือรบลำนั้น? ราชครู ท่านมั่นใจว่าเป็นเขา?” เสียงฮ่องเต้ดังขึ้นถามด้วยความสงสัย
ความจริงฮ่องเต้อยากพูดก็คือ ให้หมอหลวงมาช่วยคนก่อน
ถึงอย่างไรเสีย!
เรือแห่งความสิ้นหวังอยู่นอกเหนือแหวกแนวไปจากประเทศในโลก ไม่ได้รับกฎหมายการถูกควบคุมจากประเทศใดๆ และเจ้าของเรือผู้นั้นขณะนี้อยู่ต่อหน้าเขา เขาไม่กล้าจะเชื่อ
ไม่รอให้ราชครูเทียนเวิงตอบ เขาถามอีก :
“ท่านจะพิสูจน์เช่นไร?”
ราชครูเทียนเวิงมองดูฮ่องเต้นิ่งๆ มุมปากเผยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกออกมา
“เขาก็คือเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวัง ต้องการพิสูจน์ ยังไม่ง่ายอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ราชครูเทียนเวิงสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชาด้านล่างแท่น ผู้ใต้บังคับบัญชาเหลือบมองมนุษย์เลือดที่ถูกโยนอยู่ที่พื้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบหน้ากากสองสามอันโยนลงพื้น
หน้ากากนี้พิเศษมาก เหล่าขุนนางล้วนคุ้นเคย
มีเพียงผู้ดูแลของเรือแห่งความสิ้นหวังถึงจะได้ครอบครอง วินาทีถัดมา เสียงแก่ชราของราชครูก็ค่อยๆดังขึ้น
“หน้ากากนี้ทุกท่านคงคุ้นเคยสินะ? คนบนเรือแห่งความสิ้นหวัง ทุกคนล้วนใส่หน้ากาก คนที่ระดับต่างกัน สวมหน้ากากก็ไม่เหมือนกัน และหน้ากากสามอันที่พื้นนี้ ก็คือที่ผู้ดูแลในเรือแห่งความสิ้นหวังสวมใส่
สามคนนี้ ก็คือสามท่านในสี่ผู้ดูแลเรือที่ใหญ่ที่สุดของเรือแห่งความสิ้นหวัง ผู้หนึ่งคือป่ายเม่ยเซิงบุรุษเจ้าสำราญ ผู้หนึ่งคือซาหมั่นเฉิงพ่อครัวระดับเทพเซียน ที่เหลือผู้นี้ก็คือโจ๋จุนชิงมือปีศาจเลือดเย็น
ต่อจากการแนะนำทีละคนทีละคนของราชครูเทียนเวิง เหล่าขุนนางทหารก็ตกใจจนพูดไม่ออก แม้แต่องค์ชายรัชทายาทเย่หลีเฉินที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ก็อดไม่ได้ที่จะลืมตากว้าง
คนเหล่านี้ เป็นบุคคลที่ดังสะเทือนในเวลาหนึ่ง ทำให้คนตกใจกลัว……
และเขาแทบจะเคยเจอทั้งหมด…….
เหมือนกับที่ ที่……
เขาไม่กล้าคิด เพียงแค่เคลื่อนสายตาไปยังผู้หญิงที่สวมชุดแดงที่อยู่ไม่ไกลจากข้างกายผู้นั้น
เห็นนางยังคงมีอารมณ์ท่าทางที่สงบ จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ร่างของหานแส
ระหว่างที่ตกตะลึงนั้น มีคนถามด้วยความสงสัย
“แม้ว่าสามคนนี้จะเป็นผู้ดูแลเรือแห่งความสิ้นหวัง เช่นนั้นคุณชายหานแสผู้นี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นท่านชายหยิ่งของเรือแห่งความสิ้นหวัง กลับกัน ท่านชายหยิ่งตั้งแต่เกิดมาก็ผมขาวซีดน่ากลัวทั้งหัว แต่คุณชายหานแสผู้นี้ผมกลับเป็นสีดำ นี่อธิบายได้เช่นไร?”
คำพูดปลุกคนอยู่ในฝัน
“ถูกแล้ว! ท่านชายหยิ่งผมขาวทั้งหัวจริงๆ”
“เกรงว่าราชครูจะจำคนผิดแล้ว”
“ก็ใช่นะสิ! แม้ว่าจะไม่ลงรอยกับเทพธิดา ก็ไม่สามารถจะลงมือกับเพื่อนของนางได้”
บรรดาผู้คนเจ้าหนึ่งคำข้าหนึ่งคำ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธในคำเดียว แม้แต่ฮ่องเต้ก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง
ดังนั้นเวลานี้ แววตาของราชครูหรี่ลงเล็กน้อย สีหน้าปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้น
แต่หลานเยาเยากลับค่อยๆขมวดคิ้ว ราวกับว่ารู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรต่อไปแล้ว
นางขยับเท้าเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้ก้าวเท้าออกไป
“ดูให้ดี!”
สิ้นเสียงของราชครูเทียนเวิง
ยกมือขึ้นบีบกระดูกสันหลังของหานแสจากทางด้านหลัง ออกแรงจับ
“อ้า……”
หานแสที่สลบไม่ได้สติ ฟื้นขึ้นมาด้วยความทรมานจากการโดนทะลวงหัวใจ ความรู้สึกค่อยๆชัดเจนขึ้น มองเห็นทุกอย่างด้านหน้าอย่างชัดเจน สีหน้าท่าทางเจ็บปวด คิ้วขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ สายตาตกไปอยู่ด้านล่างแท่นบูชา เงาสีแดงที่อยู่ด้านหน้าเหล่าขุนนางทหาร มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้น
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เส้นผมของเขาค่อยๆเปลี่ยนสี จากสีดำสนิทค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเงิน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
บรรดาผู้คนส่งเสียงอื้ออึงอีกครั้ง!
แต่เรื่องยังไม่จบ ราชครูเทียนเวิงใช้สายตากับผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นั้นเข้าใจทันที คว้าป่ายเม่ยเซิงที่ล้มอยู่ที่พื้นต้องการจะลากไปทางแท่นบูชา
นัยน์ตาของหลานเยาเยาหรี่ลง
นางรู้แล้วว่าต่อไปราชครูเทียนเวิงต้องการจะทำอะไร
ยาลูกกลอนเม็ดใสๆหนึ่งเม็ดปรากฏขึ้นในอุ้งมือทันที จากนั้นก็วางที่ปลายนิ้ว เล็งจะดีดไปที่กงกงที่ส่งมอบตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าให้ฮ่องเต้เมื่อครู่
นั่นคือคนสนิทส่วนหนึ่งของฮ่องเต้
“อ้า” เสียงหนึ่ง
กงกงผู้นั้นขาชา ล้มไปด้านหน้าทั้งคน ลงไปที่บนตัวของราชครูเทียนเวิงพอดี ทั้งยังดึงเสื้อผ้าเข้าลงมาด้วย
สถานการณ์ที่มาอย่างกะทันหันฉากหนึ่ง
ราชครูเทียนเวิงหันไปมองทางกงกงที่ล้มอยู่ที่พื้นผู้นั้นทันที แววตาแผ่แรงสังหารออกมา ไม่พูดพร่ำมืออีกข้างหนึ่งก็คว้ากงกงผู้นั้น ลากไปอยู่บนมือของหานแสโดยตรง
จากนั้นก็ออกแรงมือข้างนั้นที่จับกระดูกสันหลังหานแสไว้อีกครั้ง หานแสเจ็บปวดจนเกือบหมดสติ มือออกแรงคว้าหัวของกงกงในพริบตา
กงกงที่ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ เจ็บปวดหัวเป็นที่สุด กรีดร้องอย่างน่าเวทนาติดต่อกัน ในเสียงร้องที่น่าเวทนา บรรดาผู้คนก็เห็นกงกงถูกดูดเลือดเนื้อไปด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตา
ร่างกายเริ่มเลือนรางเลือดหยดหายไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นกองเลือด เหลือเพียงโครงกระดูกเปื้อนเลือด
บรรดาผู้คนตกใจกลัวจนหน้าถอดสี
ขุนนางบางคนที่ขี้ขลาด ตกใจจนหน้าซีดขาว เป็นลมไป
ฮ่องเต้ที่อยู่ด้านข้างที่สุด ก็อ่อนทรุดลงไปที่พื้นในชั่วพริบตา
เขาในขณะนี้ ยังมีอะไรไม่เชื่ออีก?
จุดที่น่ากลัวของเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวัง ก็คือมือของเขา สามารถทำให้คนเป็นผู้หนึ่งกลายเป็นโครงกระดูกได้ในชั่วพริบตา
และเหตุการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นด้วยตาตัวเอง และยังปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เขาจะไม่กลัวได้หรือ?
แต่ที่เขากลัวที่สุดไม่ใช่หานแสแล้ว
แต่คือสามารถจับหานแสได้ ราชครูเทียนเวิงที่จับผู้ดูแลเรือแห่งความสิ้นหวังได้
ก่อนหน้านี้การแสดงออกของเขาชั่งมีเมตตา ชั่งจริงใจซื่อสัตย์ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทำให้ฮ่องเต้หัวและเท้าเกิดความชา ในใจสั่นเทา…