หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 465 เลือดล้างเรือแห่งความสิ้นหวัง

บทที่ 465 เลือดล้างเรือแห่งความสิ้นหวัง

บทที่ 465 เลือดล้างเรือแห่งความสิ้นหวัง

จากนั้น ก็ได้มาถึงตำแหน่งที่พวกเขาได้กำหนดให้เฝ้าดู คนด้านข้าง แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึม ยืนตรงดิ่ง จ้องมองด้านหน้าด้วยแววตาเย็นชา

แต่กลุ่มที่หลานเยาเยาได้ปนเปเข้ามาอยู่ เป็นกลุ่มที่อยู่ด้านในสุดติดกับห้องหนังสือกลุ่มนั้นพอดี ใช้โอกาสที่คนด้านข้างไม่สนใจ นางแฉลบตัว แล้วก็เหาะไปที่คานบนเสาข้างห้องหนังสือ

แต่มาถึงตรงนี้ หลานเยาเยากลับพบปัญหาที่ร้ายแรงปัญหาหนึ่ง

ประตูใหญ่ห้องหนังสือถูกลงกลอนด้วยโซ่เหล็ก หน้าต่างก็เปิดไม่ออก

หากนางใช้ยาผงที่กัดกร่อนเหล็กใส่บนโซ่เหล็ก หยดลงไปบนโซ่เหล็กทีละหยดทีละหยดจากบนคานอย่างตรงเป๊ะไม่มีพลาด เช่นนั้นจะเสียเวลามาก

เพราะว่ากัดกร่อนโซ่เหล็กต้องใส่ยาน้ำน้อยๆ เช่นนี้ถึงจะไม่ออก “ซื่อซื่อซื่อ” เสียงดัง ปริมาณยาน้อยก็หมายความว่าการกัดกร่อนจะค่อนข้างช้า

แต่โชคดีอยู่ด้านหลัง จากการเพิ่มปริมาณหยดยาน้ำ โซ่เหล็กก็ละลายอย่างรวดเร็ว

แล้วเวลาที่โซ่เหล็กจะถูกละลายขาด ผู้นำองครักษ์วังหลวง พากองกำลังองครักษ์วังหลวงลาดตระเวนรอบหนึ่ง และกลับมาถึงที่ห้องหนังสืออีก

พวกเขาเดินไม่ช้าไม่เร็ว

แต่ว่า สำหรับหลานเยาเยานี้นับว่าเป็นจังหวะที่ลำบาก

เพราะหากเมื่อโซ่เหล็กละลายขาด นางจับไว้ไม่ทันเวลา โซ่เหล็กขาดตกพื้นส่งเสียงดัง ถึงเวลานั้นนางก็ถูกเปิดเผย

ดังนั้นสายตาของหลานเยาเยา เคลื่อนไปมองไปมาที่โซ่เหล็กที่ค่อยๆถูกกัดกร่อนและผู้นำที่นำกองกำลังนั้นเดินมาอย่างช้าๆอยู่ตลอด

กลัวว่าจะพลาดอะไรจนถึงรอจนนาทีสุดท้าย

โซ่เหล็กถูกกัดกร่อนขาดแล้ว และตกลงไป……

และผู้นำองครักษ์วังหลวงก็พากองกำลังนั้นมาถึงด้านหน้ากองกำลังด้านหน้าสุดพอดี

โซ่เหล็กตกพื้นในเวลานั้น หลานเยาเยาเหาะลงมาอย่างเงียบกริบ รับโซ่เหล็กไว้เบาๆ

แต่ว่า……

ก็ยังส่งเสียงออกมาเล็กๆน้อยๆ

มีคนในกองกำลังนั้นที่อยู่ใกล้ประตูใหญ่หันกลับมา มองครู่หนึ่ง ไม่เห็นอะไร และไม่ได้ใส่ใจกลอนบนประตู จึงหันหน้ากลับไปด้วยความสงสัย

หลานเยาเยาที่ถือโซ่เหล็กอยู่บนคานห้องแอบถอนหายใจ เหงื่อออกในอุ้งมือ

เกือบจะถูกเปิดโปงแล้ว

โชคดีที่ตัวเองฉลาดปราดเปรื่อง!

หลังจากที่หลานเยาเยาวางโซ่เหล็กลงเบาๆดีแล้ว เปิดประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง และปิดลงค่อยๆ

ก็ไม่รู้ว่าผู้นำคนนั้นสังเกตเห็นอะไรได้แล้วหรือไม่?

มองไปทางด้านหลัง กลับไม่พบความผิดปกติ

หลานเยาเยาที่อยู่ในห้องหนังสือแล้ว เริ่มค้นตู้ลิ้นชักอย่างเบาๆ ค้นแทบจะทั่วทุกมุมแล้ว ยังคงหาเบาะแสของตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าไม่เจอ

ทันใดนั้นนางก็ได้ตีหัวตัวเอง

โง่ตายแล้ว!

สิ่งของสำคัญขนาดนี้ ฮ่องเต้ทำไมจะสามารถ วางไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดขนาดนี้?

ตรงนี้จะต้องมีช่องลับแน่ ดังนั้นนางจึงได้ค้นหาช่องลับที่กำแพงทีละด้านทีละด้านอย่างละเอียด เกือบครึ่งชั่วยาม กำแพงทั้งสี่ด้านถูกนางค้นหาไม่เพียงแค่รอบเดียว กลับยังคงไม่พบช่องลับ

ด้วยเหตุนี้สายตาของนางก็ทอดไปบนพื้น

กำแพงไม่มี เป็นไปไม่ได้ว่าบนพื้นก็จะไม่มีหรอกนะ!

แต่หลังจากที่นางได้ค้นหาที่พื้นทีละนิ้วทีละนิ้วเสร็จแล้ว ก็ยังไม่พบช่องลับ

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ล้วนไม่มี?

หรือว่าฮ่องเต้จงใจทำที่ซ่อนได้อย่างรอบคอบ

ทำสถานที่เก็บวางตราราชลัญจกรหยกปลอมหลายที่?

ความเป็นไปได้ประเภทนี้มีมาก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เวลาเช่นนี้ ฮ่องเต้ระแวดระวังเป็นที่สุด

สถานที่ดูแลตราราชลัญจกรหยกไม่อยู่ หากแม้แต่ห้องหนังสือก็ไม่อยู่ เช่นนั้นฮ่องเต้เอาตราราชลัญจกรหยกซ่อนไว้ที่ห้องบรรทมหรือ?

ความเป็นไปได้ประเภทนี้ถือว่าเป็นร้อยละห้าสิบ

ดังนั้นขณะที่นางเตรียมตัวจะออกไป กำหนดฝีเท้า พริบตานั้นสายตาก็มองไปที่โต๊ะทำงาน พูดให้ถูกคือ นางมองเก้าอี้ตัวนั้นที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน

ทำไมเก้าอี้ตัวนี้มองดูแล้วค่อนข้างแปลกตา?

ด้วยเหตุนี้นางจึงเดินเข้าไปเงียบๆ เพียงแค่ตรวจสอบดูรอบหนึ่งจึงนึกได้ทันใด ที่แปลกตาของเก้าอี้ตัวนี้อยู่ที่ด้านล่าง ลักษณะหนากว่าเก้าอี้ปกติอยู่มาก

อีกทั้ง ความหนานี้สามารถทำเป็นช่องลับได้พอดี พอที่จะใส่ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าได้

คราวนี้ หลานเยาเยาเปล่งเสียงไม่พอใจออกมาเสียงหนึ่งอย่างเย็นชา

เจ้าเล่ห์ดังคาด!

น่าเสียดายที่พบกับข้า ฮ่องเต้ชั่ว ท่านทำได้เพียงยอมรับแล้ว

ในไม่ช้า!

หลานเยาเยาก็ออกจากห้องหนังสือไปอย่างไร้วี่แวว จากนั้นก็ปนเปเข้าไปอยู่ในองครักษ์วังหลวง เพื่อไม่ทำให้คนอื่นสงสัย นางจำเป็นต้องเปลี่ยนโซ่เหล็กเส้นที่เหมือนกัน

ดังนั้นช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มจนจบนางใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม เปลี่ยนโซ่เหล็กเส้นหนึ่ง และลงกลอนกลับไป ลงกลอนประตู โซ่เหล็กที่ลงกลอนห้องหนังสือคล้ายกับก่อนหน้านี้

เมื่อนางยืนอยู่บนกำแพงพระราชวัง ดูเหล่าองครักษ์วังหลวงถือคบเพลิงยังอยู่ในเมืองหลวง หาเบาะแสนางทีละที่ทีละที่

หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย บอกลาทุกคน พรุ่งนี้ค่อยเจอกันแล้ว!

……

ดึกสงัดแล้ว

จันทร์แรมในท้องฟ้า แสงจันทร์สาดแสงบนผิวทะเลสาบ ข้างฝั่งเป็นโรงน้ำชาตั้งเรียงรายแน่นขนัด ที่ไกลๆคือเงาสะท้อนกลับหัวในน้ำของกลุ่มภูเขาสีเขียวมรกต

ทุกอย่างเงียบสงบ!

เรือที่เหมือนกับเรือรบที่อยู่กลางทะเลสาบ แสงไฟสว่างไสวของเรือแห่งความสิ้นหวังกลับดูหรูหราโอ่อ่ากว่าเรือรบ เงียบสงบจนค่อนข้างแปลกประหลาด

กลางน้ำรอบด้านของเรือแห่งความสิ้นหวัง เป็นไม้ไผ่ปากแหลมเป็นห่วงๆโผล่จากผิวน้ำ ด้านในไม้ไผ่เหล่านี้ทั้งหมดล้วนว่างเปล่า ใช้หายใจสำหรับผู้ที่ดำน้ำโดยเฉพาะ

คนเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มกันรอบนอกสุดของเรือแห่งความสิ้นหวัง พวกเขามีทักษะในการว่ายน้ำดีมาก หมุนเวียนกันเฝ้าเวรในน้ำ เป็นกลุ่มกำลังที่ค่อนข้างลึกลับ คุ้มครองความปลอดภัยของเรือแห่งความสิ้นหวัง

ฉับพลันนั้น!

ไม้ไผ่รอบนอกสุดนั้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย ไม่นาน ด้านล่างไม้ไผ่ที่สั่นสะเทือนก่อนหน้านี้ ก็มีแผ่นสีแดงปรากฏออกมาช้าๆ แผ่นสีแดงนั้นเชื่อมต่อกันเป็นวงกลมสีแดง สีแดงสดเห็นได้ชัด

ต่อจากวงกลมสีแดนนั้นค่อยๆแผ่กระจาย ด้านล่างของไม้ไผ่ด้านในก็ปรากฏวงสีแดงออกมาอีก อีกทั้งวงกลมสีแดงเหล่านั้นก็ยิ่งกระจายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ระยะยิ่งใกล้กับเรือแห่งความสิ้นหวังเรื่อยๆ

แน่นอน กลิ่นคาวเลือดที่แผ่กระจายออกมาก็กลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ……

ณ เวลานี้!

เรือแห่งความสิ้นหวังเงียบสงบไร้ที่เปรียบ ไม่มีเสียงหัวเราะใดๆ

บนดาดฟ้า เสื้อผ้าบางๆของชายผู้หนึ่งพลิ้วไหวเล็กน้อย ลมเย็นพัดเสื้อผ้าของเขาพลิ้วขึ้น ทำให้หน้าอกที่เปิดโล่งของเขาพัดจนเปิดโล่งมากขึ้น

ป่ายเม่ยเซิงเงยหน้ามองจันทร์แรมกลางท้องฟ้า หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย สีหน้าค่อนข้างกลัดกลุ้มใจ ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

จากนั้นติดๆ สีหน้าของป่ายเม่ยเซิงเปลี่ยนทันที

แรกเริ่มเขาไม่ได้สนใจถึงผิวน้ำ ทันใดนั้น หลังจากมีกลิ่นคาวเลือดพรั่งพรูเข้าในจมูก เขาก็รีบมองไปทางในน้ำทันที สีแดงที่บาดตาทำให้เขาเหมือนดังเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง เบิกตากว้างขึ้นทันใด สะท้อนเข้าในวงกลมสีแดง

สังเกตเห็นถึงความผิดปกติแล้ว ป่ายเม่ยเซิงรีบหยิบของอย่างหนึ่งออกมาจากช่วงเอวทันที “ฟิ้ว” เสียงหนึ่ง ปล่อยสัญญาณเสียดหูออกไป

สัญญาณเพิ่งจะหลุดมือ เขาก็เห็นศพลอยขึ้นมากลางทะเลสาบ นั่นคือพวกเขาเจ้าหน้าที่คุ้มกันของเรือแห่งความสิ้นหวัง วิทยายุทธเทียบได้กับนักฆ่าระดับสูงสุดของยิงจวน ความระแวดระวังและวิทยายุทธเห็นได้ว่าไม่ธรรมดา

แต่ทว่ากลับตายอย่างไร้วี่แววเช่นนี้……

ต่อจากนั้นก็เห็น เงาดำคล้ายปีศาจร้ายทีละคน พุ่งขึ้นมาจากน้ำ เหาะขึ้นมาบนเรือแห่งความสิ้นหวังในพริบตา

พวกเขาแต่ละคนร่างกายหลังค่อม ประหนึ่งว่าไม่มีกระดูกเช่นนั้นเคลื่อนไปมาตามอำเภอใจที่ราวบันได เพียงในพริบตา ก็มีเงาสองเงาพุ่งโจมตีไปทางป่ายเม่ยเซิง ผัวพันเขาเหมือนดั่งโบผ้าไหมอ่อนนุ่ม

ป่ายเม่ยเซิงก็ไม่ได้กินผัก ใช้ความชำนาญทั้งหมดสลัดออกจากการพัวพันของเงาปีศาจสองเงานั้น ในใจตื่นตระหนกไปแล้ว

คนเหล่านี้มาจากที่ไหนมาทำอะไร?

ทำไมจึงไม่เคยพบเห็นมาก่อน?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท