หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 483 ออกเดินทางไปทะเลทราย

บทที่ 483 ออกเดินทางไปทะเลทราย

บทที่ 483 ออกเดินทางไปทะเลทราย

พอคิดถึงตรงนี้ สายตาของฮ่องเต้ก็เปลี่ยนเป็นนิ่งขึ้นมา เมื่อคืนหลังจากที่ราชครูเทียนเวิงไป เขาก็อาเจียนตลอดทั้งคืน แต่ก็ยังโดนพิษอยู่

หากอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

ก็มีเพียงสองวิธี

อันแรกก็คือ เชื่อฟังราชครูเทียนเวิงดีๆ อันที่สองก็คือ แอบเอาเรื่องที่ตนโดนยาพิษทำให้เทพธิดารู้ แต่ทั้งสองแบบนี้ก็คือการเอาชีวิตของตนเองไปให้ผู้อื่น

เขาไม่ยอม!

แน่นอนว่ายังมีวิธีที่สาม

วิธีนี้ไม่ดีต่อคนอื่นและทำร้ายตัวเอง โอกาสที่จะสำเร็จก็เลือนราง แต่ให้ตายยังไง ก็จะไม่ใช้ชีวิตตัวเองไปเดิมพัน แต่เขากลับชอบวิธีนี้ที่สุด ทำครั้งเดียวแต่ได้ผลถึงสามอย่าง ทำไมจะไม่อยากทำหล่ะ?

ทหารม้ากองใหญ่หยุดอยู่ที่ศาลา เย่หลีเฉินลงม้านำมาก่อน ตอนที่เผชิญหน้ากับหลานเยาเยา สีหน้าของเขาเคอะเขินเล็กน้อย

นางพูดถูก

ในใจของเสด็จพ่อ เขาก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูก และสามารถทิ้งได้ตลอดเวลา

อา!

ไม่เป็นไร ยังไงก็เดาออกแต่แรกแล้ว

เขาอ้าปาก กำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ถูกอีกคนกันไว้ เสียงจึงติดอยู่ในลำคอ กลืนไม่ลง พูดออกมาก็ไม่ได้

“เทพธิดา เทพธิดา เป็นท่านจริงๆหรือ? ท่านหายไปทำให้ข้าคิดถึงเหลือเกิน!เห็นท่านปลอดภัย ข้าก็วางใจ”

ฮ่องเต้ที่อยู่ในชุดเหลืองสว่างก็ลงมาจากรถม้า ก้าวเท้ายาวๆสองสามก้าว ก็มาถึงตรงหน้าของหลานเยาเยา พูดเรื่องที่นางหายไปก่อนหน้าประโยคหนึ่ง และก็ไม่ถามสาเหตุอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูแข็งทื่อขึ้น

หลานเยาเยาเหลือบมองฮ่องเต้ และก็ไม่ได้ตอบ แต่มองไปยังรถม้าด้านหลัง ขมวดคิ้วและถามว่า:

“ในรถม้าคันนั้นเป็นใคร?”

นางมีลางสังหรณ์ว่า คนที่อยู่ในรถม้านั้น นางจะต้องรู้จักแน่ๆ

ฮ่องเต้ก็มองตามสายตานางไป หลังจากที่เห็นรถม้าคันนั้น ก็หัวเราะขึ้นมายกใหญ่ แล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

“จาวหยางนี้นะ! ช่างดื้อเสียจริงๆ ทะเลทรายมันไม่ใช่ที่สนุกเสียหน่อย ขู่ฆ่าตัวตายจะมากับข้า พอไม่ให้ไป ก็ร้องไห้ พอไม่ได้ผลก็โวยวายและขู่จะแขวนคอ ข้าหมดหนทางจริงๆ จึงทำได้เพียงพานางมาด้วย”

โหลวเย่ว?

นางจะมาได้อย่างไร?

คงไม่ใช่เพราะฮ่องเต้อยากจะบีบนาง หรือบีบเย่หลีเฉินไว้ ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งหลอกนางมาใช่ไหม?

ไม่ได้การ!

นางต้องไปดูเสียหน่อย

ขณะกำลังจะยกเท้าเดินไป เสียงของฮ่องเต้ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เทพธิดาช้าก่อน ช่วงนี้จิตใจของจาวหยางไม่สงบ อารมณ์ไม่ดี เมื่อวานก็ร้องไห้อาละวาดไปจนฟ้าจะสางแล้วก็ยังไม่ยอมนอน ข้าจึงสั่งหลีเฉินเอาชาที่ทำให้จิตใจสงบให้นางดื่ม ตอนนี้ยังคงหลับอยู่!”

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

นางไม่แน่ใจ รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา

หลานเยาเยาหันไปมองเย่หลีเฉิน พอเห็นเขาก้มหน้าเงียบ จึงกดความสงสัยในใจเอาไว้ ห้ามให้ตนเองไปหาโหลวเย่ว

“เทพธิดา ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว เป็นเวลาที่จะออกเดินทางหรือยัง?”

เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นอีกครั้ง

ในน้ำเสียงดูมีความกระตุ้นอยู่เล็กน้อย ดูท่าทางเหมือนแทบรอไม่ไหวที่จะไปยังทะเลทรายแล้ว

หลานเยาเยาเงยหน้ามองเมฆที่มีแสงอาทิตย์ส่องผ่านทางทิศตะวันออก เป็นผืนสีแดง พระอาทิตย์โผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง เป็นสัญญาณว่าอยากจะกระโดดข้ามภูเขา ขึ้นไปยังท้องฟ้าแล้ว

ใช่!

ฟ้าสว่างแล้ว ควรออกเดินทางได้แล้ว

“ข้าได้ทำเครื่องหมายบอกเส้นทางภูมิประเทศภูเขาและน้ำของแผ่นดินใหญ่นี้ไว้แล้ว มีสองฉบับ ฉบับนี้ให้ท่าน” หลานเยาเยาหยิบแผนที่แผ่นนึงออกมาจากหลังมือด้านหลัง

แผนที่เส้นทางนี้ เดิมทีนางไม่ได้คิดว่ามอบให้แก่ฮ่องเต้ จึงมองข้ามมือของฮ่องเต้ที่ยื่นมารับ และส่งให้แก่เย่หลีเฉินที่อยู่ข้างๆ

แน่นอนว่าถ้าตบใครไป ก็ต้องให้ลูกอมกินเป็นการปลอบ

นางจึงพูดกับฮ่องเต้อย่างเอ้อระเหยว่า

“การเดินทางนี้นั้นยาวนาน พระวรกายของฮ่องเต้นั้นล้ำค่า การนั่งในรถม้าให้สะดวกสบายนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่สมควรที่จะไปวิ่งเต้นอยู่บนม้าให้เหนื่อย ผู้ที่ถือแผนที่เส้นทางนี้จะต้องอยู่ขบวนหน้าสุด เพื่อสำรวจบุกเบิกเส้นทาง”

พอคำพูดนี้ออกไป

สีหน้าที่แข็งกร้าวของฮ่องเต้ก็ค่อยๆดีขึ้น ตามคำพูดของนาง จึงตบไหล่เย่หลีเฉิน และพูดอย่างจริงใจ

“หลีเฉิน การเดินทางครั้งนี้ลำบากและอันตราย ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ชีวิตของเสด็จพ่อ ชีวิตของจาวหยาง แล้วก็ชีวิตของทุกๆคน อยู่ในมือเจ้าแล้วนะ เจ้าจะต้องระวังอย่าทำแผนที่เส้นทางนี้หาย……”

จากนั้นก็ยังพูดอีกมากมาย

ต่อหน้าคนนอก สิ่งที่ฮ่องเต้พูดเยอะที่สุดก็คือ ให้เย่หลีเฉินปกป้องตัวเอง ท่าทางของพ่อที่เมตตาและอ่อนโยนเผยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ

สรุปมาประโยคเดียว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแผนที่เส้นทาง สิ่งอื่นๆก็ไม่ได้ใส่ใจ

ก่อนออกเดินทาง

ฮ่องเต้เชิญหลานเยาเยาให้ไปในรถม้าของเขาด้วยกัน แล้วก็พยายามพูดว่ารถม้าของเขาสะดวกสบายยังไง ไม่สั่นสะเทือน ขนาดเอาถ้วยชาวางไว้บนม้านั่ง น้ำก็ไม่หกออกมา

หลานเยาเยาแอบพูดว่า: โง่เขลา

มีความสามารถไปเปรียบเทียบกับรถม้าของเย่แจ๋หยิ่งได้ไหม? แบบนั้นถึงจะเรียกว่าของระดับสูงจริงๆ

จากนั้นนางก็เป่านกหวีด ตะโกนว่า: “สวนหยู่!”

“ก๊อบ ก๊อบ ก๊อบ……”

ม้าแข็งแรงสวยงามตัวหนึ่งวิ่งมาอย่างสง่างาม และถูๆอยู่ตรงแขนนางอย่างอบอุ่น ดูแสนรู้มาก

อา!

สวนหยู่นี่นับวันยิ่งชอบอ้อนขึ้นเรื่อยๆ

หลานเยาเยาพลิกตัวขึ้นมา ถีบสองเท้า สวนหยู่ก็ส่งเสียงฮี้ ทันใดนั้นก็ควบม้าออกไปราวกับยิงธนู คนหนึ่งคน ม้าหนึ่งตัวจากไปด้วยความเร็ว ทุกคนเพิ่งดึงสติกลับมาได้ คนของสำนักหงอี ที่นำโดยยู่หลิวซูก็รีบขึ้นม้าและตามไป

ตาเฒ่าเย่นที่ช้าไปก้าว มองไปรอบๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง

ม้าหล่ะ?

ทำไมพวกเขาถึงมีม้ากันทุกคน แต่เขาไม่มีหล่ะ?

ที่จริงไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมา จะเตรียมให้ใครหล่ะ! ให้อากาศนั่ง?

ไม่มีวิธีแล้ว

ร่างกายของตาเฒ่าเย่นกะพริบ กลายเป็นภาพเบลอ บินออกจากศาลาไปแล้ว วิชาตัวเบาก็สูงส่ง ความเร็วก็ไวมาก รีบไล่ตามคนที่ขี่ม้ารั้งท้ายสุดคนนั้น ทันใดนั้นก็มานั่งอยู่หลังสุด

จู่ๆก็มาเพิ่มน้ำหนักคนคนนึง ทำให้ขาของม้าเร็วที่ห้อตะบึงมานั้นอ่อนจนแทบจะพลิก ดีที่ควบคุมไว้ได้ทัน และรักษาความเร็วได้

เย่หลีเฉินเห็นสถานการณ์นั้นตาก็เป็นประกาย

ลูกน้องของนาง ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาจริงๆ แต่ละคนฝีมือไม่ธรรมดา

เขาเองก็ไม่น้อยหน้า แตะปลายเท้าเบาๆ บินไปยังม้าที่นั่งก่อนหน้า และควบม้าออกไปด้วยความเร็ว

เขาคิดว่า:

บางทีการมาทะเลทราย สำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

จากนั้นก็ยกมุมปาก คิดอยากจะไล่ตามคนที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วนั้น จนลืมไปหมดว่า ด้านหลังยังมีกองทหารม้ากองใหญ่ ที่กำลังเริ่มเดินทางอย่างตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก

……

ในห้องพัก สำนักหงอี

ผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงหน้าซีดไร้เลือด แต่ดูจากหน้าตาของเขาแล้ว ก็สามารถเห็นความชั่วร้ายเล็กๆ

ทั่วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งตัวถูกพันด้วยผ้าขาว ราวกับหุ่นกระบอก กลิ่นยาฉุนตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง รอบๆนั้นเงียบสงัด

ขณะนั้น!

ขนตายาวของชายชั่วร้ายขยับเบาๆ เปลือกตาเปิดขึ้นนิดๆ นิ้วมือเรียวขาวซีดก็ขยับเล็กน้อย

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

ชายชราเคราขาวคนหนึ่ง ถือถ้วยดำทะมึนที่ส่งกลิ่นเหม็นของยาออกมา ด้วยใบหน้าที่เคารพ สำหรับการต้มยาชนิดนี้เขานั้นช่ำชองมาก จากนั้นเปิดประตูห้องเบาๆและเข้าไป

ยังไม่ทันเดินถึงเตียง ก็ได้ยินเสียงวางถ้วยหนักๆ รูปร่างที่ชัดเจนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูห้อง

“มานี่!”

ทันทีที่สิ้นเสียง คนที่แต่งตัวเหมือนผู้คุ้มกันก็รีบมา

“ส่งนกพิราบไปบอกเจ้าสำนักว่า ท่านชายหยิ่งไปแล้ว”

“ขอรับ!”

ผู้คุ้มกันรับคำสั่งและจากไป ชายชราผู้นั้นลูบเคราขาวของตนเอง ก็อดส่ายหัวไม่ได้

ที่แท้ก็เป็นคนโหดเหี้ยม……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท