หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 492 เจ้าสำนักสนใจเจ้า

บทที่ 492 เจ้าสำนักสนใจเจ้า

บทที่ 492 เจ้าสำนักสนใจเจ้า

ตอนนี้เพิกเฉยต่อโหลวเย่ว จึงเป็นการปกป้องที่สำคัญที่สุดของนาง

แต่นางกลัว……

กลัวว่าโหลวเย่วจะเข้าใจผิด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เย่แจ๋หยิ่งไม่อยู่ เย่หลีเฉินได้รับข้อจำกัดจากฮ่องเต้ โหลวเย่วทำได้เพียงให้นางมาคุ้มครอง

เวลานี้!

ดวงตาของโหลวเย่วแดงก่ำ มุมปากกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดสุดจะทน

“ข้ารู้ เสด็จพ่อต่อข้า ต่อเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท ตั้งแต่เริ่มจนจบก็มีใจคิดหลอกใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น แม้แต่ความรักที่น้อยนิดนั้น ก็ตั้งอยู่บนการหลอกใช้

เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทยังดี เขามีวิทยายุทธ สามารถนำทหารได้ ยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาหน่วยหนึ่งที่ซื่อสัตย์ต่อเขา

แต่ข้าล่ะ?

ข้าไม่เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นภาระคนอื่นก็ยังเป็นภาระคนอื่น จู่ๆตอนนี้ข้าก็หวังขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าข้ายังคงเป็นท่าทางสามปีก่อนที่ถูกหนอนพิษกู่ อย่างน้อยเป็นบ้าขึ้นมาทุกคนก็กลัวกันหมด เช่นนั้นก็ไม่ต้องเป็นภาระผู้ใดอีกแล้ว

“หลานเยาเยา ขอโทษ ข้าไม่อยากเป็นภาระท่าน”

สองสามปีนี้

นางคิดอยากทำให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมาโดยตลอด แต่นางกลับพบว่าตัวเองเป็นไม่ได้โดยสิ้นเชิง พ้นจากคุ้มครองของเสด็จอา นางก็ไม่มีอะไรที่ใช้ได้เลยจริงๆ

“เอาเถอะ! คิดมากขนาดนั้นทำอะไร? ในเมื่อมาทะเลทรายแล้ว ต่อจากนี้พวกเราจะต้องมีชีวิตต่อไปให้ดีๆ ต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆเด็ดขาด รู้ไหม?

ยังมีอีก หลังจากนี้พวกเราพบหน้ากัน ต้องไม่สนิทสนมกันเกินไป และเมื่อพบหน้าก็ไม่สามารถเป็นเหมือนศัตรูกันเช่นนั้นได้ มีเพียงแบบนี้ ฮ่องเต้ไม่เพียงจะไม่เกิดความสงสัย ความคิดที่จะหลอกใช้เจ้าก็ยังจะค่อยๆสูญหายไปด้วย

ถึงเวลานั้นค่อยให้เย่หลีเฉิน ส่งคนมาพาเจ้าส่งออกไปจากทะเลทราย”

เห็นโหลวเย่วอยากพูดอะไร นางก็พูดต่อ :

“เจ้าอย่ารีบร้อนปฏิเสธก่อน เจ้าต้องรู้ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยทำความเข้าใจทะเลทราย ก็เท่ากับว่าไม่มีทักษะในการมีชีวิตอยู่รอด อยู่ในทะเลทรายก็คือมีชีวิตรอดไม่ได้

อีกทั้งตายเป็นอันดับแรกสุด ก็คือผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นภาระเหล่านั้น อันดับแรกพวกเขาไม่ได้ตายลงภายใต้สภาพแวดล้อมที่ลึกลับยากจะคาดเดาของทะเลทราย แต่ตายภายใต้จิตใจของคน”

ประโยคนี้โหดร้ายมาก มีความเป็นไปได้ที่จะทำร้ายจิตใจของโหลวเย่ว

แต่นางก็ยังพูดแล้ว

อย่างไรเสีย!

หลังจากที่เข้าไปในทะเลทราย ที่เหลือก็เป็นเพียงการเสาะหายาฉางตานและการมีชีวิตรอด

นางไม่อยากให้โหลวเย่วมีปัญหา นางหวังว่านางจะมีชีวิตดีๆ

“ได้ ข้าเข้าใจ ข้าล้วนเข้าใจ”

เสียงของโหลวเย่วสะอึกสะอื้น ถ้าพูดต่อไป นางก็น่าจะต้องร้องไห้แล้ว

ยังไงก็แล้วแต่ได้อธิบายชัดแล้ว โหลวเย่วสามารถเข้าใจได้ก็ได้แล้ว

หลังจากนั้น

หลานเยาเยากับโหลวเย่วสนทนากันเรื่องที่มีความสุขเล็กน้อย อารมณ์ของทั้งคู่ล้วนดีขึ้นมาก

รอจนเย่หลีเฉินเข้ามาในห้องอีกครั้ง หลานเยาเยาจากไปแล้ว และจาวหยางที่มีจิตใจหดหู่สิ้นหวังอยู่นาน ได้ฟื้นคืนมามีชีวิตชีวาเหมือนปกติแล้ว ร้องเรียกเขาเสียงหนึ่งด้วยแววตาที่ปราดเปรียว :

“เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท!”

…….

ใจกลางหมู่บ้านฝันฮั๋ว ใบไม้สีเหลือทองที่ร่วงหล่นเต็มพื้น และถูกชาวบ้านหมู่บ้านฝันฮั๋วนับถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า เวลานี้สั่นไหวเหมือนคลื่นในสายลมอ่อนๆ เข้ากับทิวทัศน์ที่สวยงามในยามพระอาทิตย์ตกดิน เผยถึงความสวยงามและเยือกเย็นยิ่งขึ้น

บุรุษผู้หนึ่งที่อ่อนโยนยืนลำตัวตรง เงยหน้ามองดูต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สวยงามเสมือนภูเขาสีทองที่แวววับจับตา พระอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตกทำให้เงาร่างของบุรุษผู้อ่อนโยนทอดยาวมาก

ภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลา มีสีหน้าที่เศร้าสลด

เสื้อผ้าที่ตระการตาแอบซ่อนหัวใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์

ยู่หลิวซูขยับเท้า ขมวดคิ้วแน่น

ท่าไม่ดีเรื่องใหญ่!

ไอหย๊า เท้าชาแล้ว……

ยู่หลิวซูรีบมองดูโดยรอบอย่างรวดเร็ว แล้วมองสีท้องฟ้าอีก

หมู่บ้านฝันฮั๋วจากที่เขาสืบถาม ทุกครั้งเมื่อยามอัสดงพระอาทิตย์ตกดิน พวกชาวบ้านจะกลับบ้านของตัวเองตรงตามเวลาทั้งหมด สุดท้ายปิดประตูหน้าต่างให้ดีดับไฟเข้านอน ในยามกลางคืนจะไม่เหยียบเท้าออกจากบ้านสักก้าวเดียวเด็ดขาด

ดูๆเวลานี้ พระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกลับยอดภูเขา คาดว่าชาวบ้านโง่เขลากลุ่มนั้นล้วนกลับบ้านหมดแล้ว

ด้วยเหตุนี้!

ยู่หลิวซูใช้ท่วงท่าที่แปลกประหลาด มาถึงบนรากต้นไม้ที่โผล่ออกมาอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลง ทุบไหล่ นวดขา

ความรู้สึกเจ็บชาบนขายังไม่ทันลดไป ขาที่เรียวยาวคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาตอนนี้

เป็นไปไม่ได้หรอก!

คิดไม่ถึงว่ายังจะมีคนคอยเฝ้าเขา? !

เงยหน้ามอง เป็นส้งเย่นกุยที่สีหน้าถ่อมตัวและสุภาพอ่อนโยน ยู่หลิวซูโล่งใจในทันที

“เป็นเจ้ารึ! ส้งเย่นกุย เจ้าคงจะไม่ได้เฝ้าข้าแทนชาวบ้านโง่เขลากลุ่มนั้นหรอกนะ?”

“ไม่ใช่” ส้งเย่นกุยส่ายหน้า เอาสิ่งของที่ถือในมือยื่นให้เขา “นี่คือซาลาเปาเนื้อที่หัวหน้าหมู่บ้านทำ รีบกินเถอะ! ในนี้ยังมีน้ำ”

ได้ยินดังนั้น!

ยู่หลิวซูเลิกคิ้ว

“เป็นเจ้าให้ หรือว่าหัวหน้าหมู่บ้านให้”

“ล้วนเหมือนกัน” ความจริง เป็นเขาทำเองกับมือ เขาสามารถเข้าใจวิธีการกระทำของหัวหน้าหมู่บ้าน เพียงแค่ไม่กล้าเห็นด้วยเท่านั้น “หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนดีคนหนึ่ง เขาทุ่มเทกำลังแรงกายใจทั้งชีวิตไว้ที่หมู่บ้านฝันฮั๋วแล้ว ข้าไม่อยากให้เขาไม่ปลอดภัยในวันชรา”

“ดังนั้นซาลาเปานี้เจ้าเป็นคนทำ”

“อืม!” ส้งเย่นกุยนั่งลงที่รากไม้ข้างๆยู่หลิวซู มองดูเขาอย่างสงบ “อร่อยไหม?”

“ฝีมือทำอาหารไม่เลว!”

นี่เป็นการยอมรับต่อซาลาเปาที่ส้งเย่นกุยทำออกมา หลังจากที่กินซาลาเปาอย่างสุภาพอ่อนโยนแล้ว เขาจึงกล่าว :

“เอ๊ะ น่าแปลก? หมู่บ้านของพวกเจ้าไม่ใช่ว่านับถือต้นไม้เก่าแก่นี้เฉกเช่นเทพเจ้าหรือ? ทำไมเจ้าก็นั่งลงด้วย?”

“เดิมทีข้าไม่คนของหมู่บ้านฝันฮั๋ว เพราะเรื่องยากลำบากนิดหน่อยตอนเด็กๆต้องเร่ร่อน สุดท้ายร่อนเร่อย่างลำบากมาอยู่ที่หมู่บ้านฝันฮั๋ว เป็นหัวหน้าหมู่บ้านรับข้าไว้”

เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาตอนเด็ก ส้งเย่นกุยก็เศร้าสลดขึ้นในพริบตา

ยู่หลิวซูสงสัย ถามด้วยความไม่เข้าใจ :

“เจ้าคิดว่าเจ้าสำนักจะคิดแค้นหัวหน้าหมู่บ้าน? ความจริง ด้วยความสามารถของเจ้าสำนักผู้เดียวเท่านั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้หมู่บ้านฝันฮั๋วแยกออกแล้ว

ไม่ต้องเป็นห่วง ใจของเจ้าสำนักไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้มีความสนใจต่อหมู่บ้านแห่งนี้แม้สักน้อย หากจะต้องพูดว่ามี ความสนใจอย่างเดียวก็มีเพียงเจ้า”

“ข้า……?”

ได้ฟังคำพูดของเขา ส้งเย่นกุยหน้าแดงขึ้นทันที สีหน้าเริ่มมีความไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อย

“เห้ย อย่าคิดเลอะเทอะ……”

ยังพูดไม่จบ ก็เห็นส้งเย่นกุยนั่งลำตัวตรงทันที สายตามองไปทางอื่น ทางอื่นตรงนั้นก็มีเงาร่างสีแดงปรากฏขึ้นมาพอดี

คนที่มาก็คือหลานเยาเยา

นางรัดตัวเองด้วยเสื้อผ้าชุดสีแดง โฉมหน้างดงามเย็นชาเป็นที่สุด รอยประทับดอกไม้ผลิบานบนใบหน้าก็งามหยาดเยิ้มเป็นพิเศษ มุมปากนั้นมีรอยยิ้มที่เหมือนไม่ได้ยิ้ม ขับให้นางทั้งคนสวยงามหยาดเยิ้มเด่นขึ้นเป็นพิเศษ

ใบหน้าของส้งเย่นกุยยิ่งแดงขึ้น……

เขาผุดลุกขึ้นยืนในทันที จากนั้นก็เดินไปทางในบ้านของตัวเองอย่างรีบร้อน

“ส้งเย่นกุย เดินไปรีบร้อนขนาดนั้นทำอะไร?”

“ข้า ข้ารีบไปทำธุระ……”

เดิมทีก็รู้สึกเคอะเขิน หลังจากที่ได้ยินว่าตัวเองพูดอะไรแล้ว ส้งเย่นกุยยิ่งเคอะเขินแล้ว ถึงสุดท้ายแทบจะวิ่งเตลิดหนีไป

หลานเยาเยาเดินมาถึงด้านหน้าของยู่หลิวซู แต่สายตากลับทอดไปที่ร่างของส้งเย่นกุยที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย :

“ส้งเย่นกุยมาหาเจ้าแล้ว?”

“อืม! เขาเอาซาลาเปามาให้ข้า เข้าทำเองกับมือ การวางตัวจัดการเรื่องล้วนไม่เลว แต่ว่าเหมือนในใจเขาจะมีปัญหา”

ยู่หลิวซูรู้สึกได้ไม่ค่อยแน่ชัด ส้งเย่นกุยสองสามปีมานี้ใช้ชีวิตอย่างกดดันมากมาตลอด ราวกับว่าแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีใครสามารถเข้าไปในใจเขาได้

“ความลับของเขามากมายนักล่ะ!”

พูดพลาง หลานเยาเยาก็หยิบเองขาหมูที่ใช้ใบไม้ใบใหญ่ห่ออย่างดีออกมาจากแขนเสื้อ เอียงศีรษะ ยื่นมือ ในใจเต็มไปด้วยความหวังว่ายู่หลิวซูจะถ่อมตัวสักหน่อย อย่าเหมือนโหลวเย่วเช่นนั้นที่หยิบไปก็แทะ

ใครจะรู้……

นางประเมินโหลวเย่วสูงไป ประเมินยู่หลิวซูต่ำไป

หลานเยาเยารู้สึกเพียงมือเบาทันใด ขาหมูที่ยังอุ่นๆ ถูกหยิบไปแล้ว เมื่อหันหน้าไป ขาหมูก็ได้ถูกจัดการเกลี้ยงแล้ว

“……” ความรวดเร็วนี้ยังเก่งกว่าโหลวเย่วอีก เมื่อนึกถึงยู่หลิวซูที่ปกติแล้วเจียมตนอ่อนโยน ไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นนักกินผู้หนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ :

“ลาก่อน!

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท