หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 514 ฮ่องเต้เป็นบ้า พายุฝนก่อตัวขึ้น

บทที่ 514 ฮ่องเต้เป็นบ้า พายุฝนก่อตัวขึ้น

บทที่ 514 ฮ่องเต้เป็นบ้า พายุฝนก่อตัวขึ้น

ทันทีที่พูดจบ

ยู่หลิวซูอดได้ที่จะมองไปยังนาง นัยน์ตาส่องประกายความตกตะลึง ประหลาดใจอย่างที่สุด

เพียงแค่เข้าไปสำรวจ หลานเยาเยาไม่เคยมาที่ทะเลทราย กลับรู้ว่ากลางทะเลทรายยังมีน้ำเต้ายาที่มีพิษ ซึ่งมีลักษณะเหมือนแตงโมมาก

เดิมในใจของเขามีความสงสัย แต่ไม่ได้นึกถึงน้ำเต้ายา

อีกอย่าง!

กลางทะเลทรายไม่สามารถปลูกแตงโมให้เติบโตได้ นอกจากนี้ถ้าเป็นแปลงปลูกแตงโมคงไม่สามารถเติบโตจนมีผลใหญ่รสชาติน่าอร่อยดึงดูดคนได้หรอก

ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองหลานเยาเยา ปากที่เม้มอยู่พูดขึ้นว่า:

“ตอนนี้พวกเราอยู่ในทะเลทราย แม้ว่าอาหารตอนนี้นับว่ายังมีเพียงพอ แต่ถ้าระยะเวลานานกว่านี้

ถ้าไม่มีอาหารและน้ำแล้ว เกรงว่าสัญชาตญาณของมนุษย์คงได้ระเบิดออกมาเป็นแน่ พวกเราควรไปเจรจากับพวกเขาไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ยินยอม”

อีกอย่างในสายตาของคนพวกนั้น นั่นเป็นสวนแตงสีเขียวสด

ใครบ้างที่เห็นแล้วไม่หวั่นไหว?

ถึงแม้ว่าจะถูกฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าใช้กลอุบายยับยั้งไว้ แต่หลังจากเมื่อถึงเวลาที่ไม่มีน้ำและอาหารจริงๆ พวกเขาคงไม่คำนึงว่าทำให้คนตายได้หรือไม่ คงนึกถึงแต่ว่าแตงโมในสวนสามารถแก้กระหายได้หรือไม่……

หลานเยาเยาพยักหน้า

“อืม!” แน่นอนว่านางเข้าใจนิสัยของมนุษย์ดีและหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องถึงขั้นนั้น “เจ้าไปพูดกับพวกเขาให้ชัดเจน ข้ารู้สึกว่ารูปปั้นหินทารกยักษ์มีบางอย่างผิดปกติ ข้าอยากสำรวจอีกสักหน่อย”

เกี่ยวพันกับชีวิตของหลายคน จำเป็นต้องรอบคอบ

“ได้!” ยู่หลิวซูพยักหน้ารับคำ

ทางด้านฮ่องเต้ประเทศก่วงส้า

เมื่อเห็นพวกหลานเยาเยากลับไปยังรูปปั้นหินทารกยักษ์ มุมปากฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าก็ยกรอยยิ้มขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูหมิ่น

“ช่างโง่เสียจริง”

น้ำเสียงเยาะเย้ย แสดงความรู้สึกโดยไม่ปกปิดแม้เพียงเล็กน้อย

เขานึกว่าเทพธิดาจะเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาด ที่แท้เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายและการเอาตัวรอด นางก็เป็นคนธรรมดา

ตกใจจนใบหน้าหวาดกลัวสุดขีด หางจุกตูดกลับไปยังรูปปั้นหินทารกยักษ์

ทางด้านขันที ไม่ได้มีใบหน้าหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับยิ้มหัวเราะพร้อมมองไปยังฮ่องเต้ และพูดเสียงอ่อน

“ฝ่าบาท พวกเขาไปหมดแล้ว”

“อ้อ! ข้ารู้แล้ว ไปเรียกสามคนนั้นให้ลุกขึ้นมา! เคลื่อนไหวเบาๆด้วย อย่าให้กลุ่มสกปรกนั่นเห็นเข้า”

สวนแตงโมตอนนี้เป็นของเขาแล้ว เพียงแค่ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ!

เมื่อได้ยินฮ่องเต้มีรับสั่ง ขันทีเจ้าแผนการยังไม่ได้เข้าไปในสวนแตงโม ความน่ากลัวของงูทองทะเลทรายยังคงอยู่ในสมองของเขา เขาทำอะไรล้วนระแวดระวังอย่างมาก

เขาอยู่ที่ขอบสวนแตงโมยืนเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปมององครักษ์วังหลวงที่ทำการแสดงทั้งสามคน

“นี่ๆๆ พวกเจ้าลุกขึ้นได้แล้ว พวกเขาไปแล้ว เคลื่อนไหวเบาๆด้วย อย่าให้คนกลุ่มนั้นเห็น”

เสียงของเขาไม่ดังไม่เบา แต่เพียงพอที่ให้ผู้ที่นอนอยู่ในสวนแตงโมทั้งสามคนสามารถได้ยิน

แต่ที่ตอบกลับเขา กลับเป็นเสียงลมที่พัดผ่านใบหน้า……

เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ขันทีคิดว่าเสียงของเขาเบาไป จึงจับคอและพูดเสียงดังขึ้น

“ได้ยินหรือไม่? ฮ่องเต้มีรับสั่ง พวกเจ้าทำการแสดงได้ยอดเยี่ยม ตอนนี้ลุกขึ้นได้แล้ว”

แต่สิ่งตอบกลับเขายังคงเป็นความเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆเหมือนเดิม

ขันทีเริ่มขมวดคิ้ว ในใจเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย

คิดที่จะก้าวเท้าเข้าไปในสวนแตงโม ไปเขย่าทั้งสามคนให้ตื่น แต่ขณะที่ก้าวเท้าเพียงชั่วพริบตาก็รีบหยุด และหันไปทางฮ่องเต้

แววตานิ่งสนิทของฮ่องเต้จ้องมององครักษ์ทั้งสามที่นอนอยู่ในสวนแตงโม ดวงตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ในใจเกิดความรู้สึกหมดหวัง

“ฮ่องเต้”

ขันทีตะโกนเรียกเขา เขาไม่ตอบ

เขาเงียบอยู่นานถึงได้ออกคำสั่งอย่างเย็นชา

“ตะโกนเรียกอีก!”

เมื่อถูกท่าทางของเขาทำให้ตกใจ ขันทีรีบพยักหน้าเรียก ตะโกนไปยังสวนแตงโมหลายครั้งแต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเหมือนเดิม

เมื่อถึงตรงนี้ขันทีแน่ใจแล้วว่า ที่เห็นว่าทั้งสามคนแกล้งทำเป็นถูกพิษแท้จริงแล้วไม่ใช่ แต่ทั้งสามคนนั้นถูกพิษจริงๆ ไม่อย่างนั้นคนที่หิวอย่างมากเมื่อเห็นแตงโมตรงหน้าจะแสดงได้เหมือนจริง ไม่มีพิรุธใดๆได้อย่างไร?

อีกอย่าง

ความรู้ด้านการรักษาของเทพธิดานั้นลึกลับนัก ถึงขั้นช่วยชีวิตคนตายให้กลับมามีชีวิตได้ แม้แต่คนข้างกายของนางยู่หลิวซูและส้งเย่นกุยล้วนเป็นผู้เข้าใจวิชาการรักษา

พวกเขาไม่โง่

แต่พวกเขาปล่อยทิ้งไปได้ง่ายๆเช่นนี้

เห็นได้ชัดว่า……

พวกเขาไม่ได้ถูกกลอุบายของฮ่องเต้ทำให้ตกใจ แต่พบเบาะแส ดังนั้นจึงออกไปจากสวนแตงโม

มันเป็นเพียงแค่ชั่วครู่ ขันทีคิดใคร่ครวญเป็นร้อยเป็นพันรอบและพิจารณาคำพูด มองไปยังฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง ค่อยๆเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ:

“ฝ่าบาท พวกเขา พวกเขาไม่เหมือนว่ากำลังทำการแสดง”

“ข้าพูดว่าทำการแสดงก็คือทำการแสดง เคยผิดพลาดตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ในเวลานั้นฮ่องเต้เหมือนมีเมฆหมอกปกคลุม สีหน้าหม่นหมองดูไม่ดีเลย

“ขอรับ ขอรับ ขอรับ ฝ่าบาทท่านถูกต้องแล้ว”

สิ่งที่ขันทีเพิ่งคิดในใจทั้งหมดเป็นการคาดเดา สถานการณ์จริงนั้นยังไม่รู้ องครักษ์ที่นอนอยู่ในสวนแตงโมนั้นอาจจะทำปลอมๆ ก็ได้

โธ่ มนุษย์!

ผู้ที่ไม่รักตัวเอง ฟ้าดินลงโทษ

พวกเขาแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวแบบนี้ ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นไปได้:

พวกเขาได้ปรึกษากันไว้แล้ว นอกจากต้องการให้เทพธิดาตกใจแล้ว ยังต้องการทำให้ฮ่องเต้ตกใจหนีไปอีกด้วย ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สวนแตงโมเป็นพวกเขาที่จงใจทำ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ในใจของขันทีเกิดความคิดอย่างหนึ่ง จึงพูดด้วยเสียงต่ำ:

“ฝ่าบาทเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด ท่านเรียกให้องครักษ์วังหลวงที่เชื่อถือได้อีกคนมาลองชิมแตงโมดีหรือไม่?”

“อืม!” ฮ่องเต้เห็นด้วย

ที่จริงเขาคิดไว้อยู่แล้ว เพียงแต่รอขันทีเอ่ยปากเท่านั้น

ดังนั้นจึงสั่งขันทีให้เรียกองครักษ์วังหลวงผู้หนึ่งมาลองชิมแตงโม พูดคำพูดดูดีสง่างาม บอกว่าเมื่อครู่เขาขัดขวางเทพธิดาสำเร็จ ฮ่องเต้ให้รางวัลพิเศษสำหรับเขาโดยให้กินก่อน

องครักษ์วังหลวงผู้นั้นดีใจเหมือนดั่งได้กินตุ๊กตาน้ำตาลหนึ่งร้อยอัน จึงเด็ดแตงโมผลโตริมสวนมาหนึ่งลูก ใช้ฝ่ามือผ่าแตงโมออกกินคำใหญ่

เริ่มกินไปได้สองคำยังไม่ทันได้รสชาติ แต่ไม่นานสีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยน อ้าปากอย่างทรมาน ดวงตาโมโหสุดขีด

มือทั้งสองสั่นเทาเกาคอของตนเหมือนกับมีพิษเป็นหมื่นทิ่มอยู่ข้างในคอ ดิ้นรนอยู่ได้ไม่นานก็ล้มลงกับพื้น พลิกตัวไปมาและร้องตะโกนอย่างทรมาน

มุมปากเริ่มมีเลือดสีดำไหลออกมา ทั่วทั้งร่างสั่นราวกับเป็นตะคริว มือทั้งสองบวมแดง ใบหน้าเปลี่ยนสี น่ากลัวน่าขนลุก

พลิกตัวไปมาไม่กี่ครั้งก็ขยับตัวไม่ได้และร้องไม่ออกอีก เหลือเพียงแต่ดวงตาทั้งสองเบิกโต นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด

ขันทีสำรวจลมหายใจของเขา ก็หน้าถอดสีพูดขึ้นว่า:

“ฝ่าบาท เขา เขาตายแล้ว”

“เลว เลว ไอ้สารเลว” สภาพจิตใจของฮ่องเต้ใกล้แตกสลาย

แตงโมแท้จริงแล้วมีพิษ!

สวรรค์ลืมข้าใช่ไหม?

เขาคือฮ่องเต้ประเทศก่วงส้า อยู่เหนือคนนับหมื่น ในอนาคตยังต้องมีชีวิตอมตะ ปกครองใต้หล้า

แต่ตอนนี้จะทำอย่างไร

ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ขนาดเนื้อคนเลือดก็คนล้วนกินแล้ว แต่ตอนนี้ยังบีบให้เขาหมดหนทาง

เขาตายไม่ได้ เขาคือฮ่องเต้ เป็นบุตรของมังกรสวรรค์โดยแท้!

ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าที่จิตใจที่ใกล้แตกสลาย หยิบกระบี่ที่กำลังพลของเขาทิ้งไว้ แล้วฟันแตงโมอย่างบ้าคลั่ง ด้วยท่าทางอย่างกับใกล้เป็นบ้า

“ล้วนตั้งตนเป็นศัตรูกับข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าต้องฆ่าให้หมด”

เขาพูดจาอย่างไร้สติ พร้อมกับฟันไปทั่ว

คิดไม่ถึงว่า น้ำเต้ายาที่ถูกตัดเถาด้านบนไปแล้ว กองทรายเหลืองก็ค่อยๆ รวมตัวกัน เหมือนกับมีบางสิ่งต้องการโผล่ออกมาจากทรายเหลือง…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท