หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 558 ทิวทัศน์กับนาง ใครสวย?

บทที่ 558 ทิวทัศน์กับนาง ใครสวย?

บทที่ 558 ทิวทัศน์กับนาง ใครสวย?

หลานเยาเยางงงันก่อน ยังคิดว่าเขาจงใจแกล้ง แต่มองดูอย่างตั้งใจ ดวงตาหรี่ลงทันใด รีบนั่งย่อลงตรวจชีพจรให้เขา

แย่แล้ว!

สูญเสียพลังงานมากไปแล้ว

ตรวจนิดหน่อย ก็ถอนมือออกแล้ว เห็นสีใบหน้าของส้งเย่นกุยค่อยๆซีดขาว ริมฝีปากขยับเล็กน้อย

“ลำบากท่านแล้วขอรับ ดูแลทั้งวันทั้งคืน สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปหมดแล้ว ยังสามารถอยู่ได้ตอนนี้”

จากนั้นมองสังเกตส้งเย่นกุยทั้งตัวอย่างละเอียดแวบหนึ่ง ดึงมือของเขาไว้ในอุ้งมือของตัวเอง พูดเสียงต่ำ :

“เจ้าระบบเลือกเจ้าเป็นที่อยู่หลัก ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย?” ถอนหายใจเบาๆ เหมือนกับพูดกับตัวเอง :

“ราชครูเทียนเวิงทุ่มเททั้งชีวิตค้นหาสิ่งของ โดยไม่สนใจว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด แต่ก็ไม่ได้ครอบครองสิ่งของที่ตัวเองต้องการ จนตายก็เห็นเพียงยาฉางตานปลอมเม็ดหนึ่งเท่านั้น

แต่เจ้าล่ะ!

เพราะเจ้าระบบรับปากสัญญาการรอคอยของข้า ได้รับชีวิตอมตะ การหลอมรวมเข้าด้วยกันกับเจ้าระบบอย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นคนผู้หนึ่งจริงๆ

บางทีมันยังไม่รู้ว่า ความจริงมันสามารถเป็นเหมือนคนธรรมดา เสพสุขการใช้ชีวิตได้”

พูดจบ!

อย่างไรเสียเจ้าระบบก็คือส้งเย่นกุย ส้งเย่นกุยก็คือเจ้าระบบ พาเขาไปสัมผัสกับความเย็นชาความอบอุ่นของมนุษย์สักหน่อย ค่อยๆสัมผัสกับสภาพจิตใจคนนับร้อย

บางทีวันหนึ่ง เขาก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความรักความผูกพันธ์ที่ไม่เหมือนกัน

หลังจากนั้นสามเดือน เป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บแล้ว

แผ่นดินใหญ่เต็มไปด้วยหิมะ ไอความเย็นครอบคลุมแผ่นดินใหญ่ผืนนี้

ในประเทศก่วงส้า อดีตฮ่องเต้สวรรคตหนึ่งปีกว่าแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ครองราชย์หนึ่งปีกว่าแล้ว เมืองหลวงของประเทศก่วงส้าทั้งหมดเป็นกลิ่นอายแห่งความเสื่อมโทรม

นอกจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ตอนนั้นยังมีบรรยากาศความปีติเล็กน้อย เวลานอกเหนือจากนั้นก็เป็นความหมองหม่น

เวลานี้ห่างจากช่วงเวลาชำระค่าใช้จ่ายปลายปีไม่กี่สิบวันแล้ว

ในประเทศไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น เมืองหลวงก็ไม่มีกลิ่นอายความตายหนักหน่วงเช่นนั้นอีก บรรยากาศความปีติก็ค่อยๆปรากฏให้เห็น ผู้คนก็ค่อยๆเริ่มดึงสติจะเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปกลับมาได้

มีเพียงจวนอ๋องเย่ที่ยังคงหดหู่

แม้ว่าอ๋องเย่ยังคงเป็นอ๋องเย่ที่มีอำนาจอิทธิพลยิ่งใหญ่ของประเทศก่วงส้า ตำแหน่งอยู่เหนือกว่าคนนับหมื่น ดั่งเช่นผู้สำเร็จราชการแทนเช่นนั้น

แต่บุคคลที่สูงส่งเคร่งขรึมรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นดั่งส่วนหนึ่งของความคงอยู่ของประเทศเช่นนี้ กลับไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีก และไม่เคยเข้าราชสำนักตอนเช้าสักวันหนึ่ง จนกระทั่งไม่เคยเหยียบออกจากประตูห้องแม้สักก้าว

อำนาจสั่นสะเทือนทั้งแผ่นดิน อ๋องเย่ที่ชื่อเสียงเกรียงไกร ราวกับว่าได้หายสาบสูญไปจากสายตาผู้คนในชั่วข้ามคืน

มีข่าวลือตามท้องถนน

ความจริงอ๋องเย่ไม่ได้ป่วย แต่คือตายแล้ว แต่เพื่อราษฎร ฮ่องเต้จำเป็นต้องออกแผนการที่ไม่ฉลาดนี้ เพื่อป้องกันในขณะที่รากฐานของตัวเองไม่มั่นคง ประเทศศัตรูเข้ารุกราน

และมีคนกล่าวว่า ความจริงอ๋องเย่ถูกฮ่องเต้กักบริเวณ เพราะเกรงว่าอ๋องเย่จะแย่งชิงอำนาจทางการทหารทั้งหมด จากนั้นก็ยึดครองตำแหน่งฮ่องเต้

นอกจากนี้มีคนบอกว่า อ๋องเย่ป่วยติดเตียงกลายเป็นคนไร้ค่าผู้หนึ่งแล้ว

แม้จะเป็นเพียงคำเล่าลือเท่านั้น แต่ล้วนเป็นคำเล่าลือที่ไม่ดี อันไหนจริงสิ่งใดเท็จใครจะรู้ล่ะ?

ผู้เล่าลือไม่ได้เจตนา ผู้ฟังมีเจตนา

เหล่าราษฎรนอกจากจะตื่นตระหนกขวัญผวา ก็ทำได้เพียงอธิษฐานต่อสวรรค์ ของพรให้ประเทศก่วงส้าลมฝนตกต้องตามฤดูกาล ไพร่ฟ้าปลอดภัย

แต่ศัตรูก็ไม่เหมือนกันแล้ว

ไม่ว่าคำร่ำลือจะเป็นจริงเป็นเท็จ การทำให้เกรงกลัวด้านหนึ่งของอ๋องเย่ ในหนึ่งปีกว่ามานี้ ไม่เคยได้มีการพบเห็นอีกจริงๆ แบบนี้สำหรับพวกเขาแล้วคือข่าวดีเป็นที่สุด

เหตุผลก่อนหน้านี้ที่ข่าวลือเพิ่งจะออกมา พวกเขาไม่ได้มีการเคลื่อนไหว ก็เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงของเรื่องราว

วันนี้เห็นที พวกเขาควรลงมือแล้ว

ในจวนอ๋องเย่

ใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของพ่อบ้านเหมย ไม่ได้ยิ้มมาหนึ่งปีกว่าแล้ว จอนผมที่หูขาวเล็กน้อย อาจจะมีเรื่องให้จัดการมาก เขาพุ่งไปทางห้องบรรทมของอ๋องเย่อย่างรีบร้อน

กั้นด้วยผ้าม่านสีทึบหนาและหนัก พ่อบ้านเหมยหยุดฝีเท้าลง กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ :

“อ๋องเย่ขอรับ ฮ่องเต้มาอีกแล้วขอรับ”

ไม่รู้ว่าการเดินทางของทะเลทรายเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่ออ๋องเย่กลับมาก็ป่วยหนักไม่ดีขึ้น ใครก็ไม่พบ อดีตองค์ชายรัชทายาท วันนี้เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่ทุกเดือนปลายเดือนก็จะมาที่จวนอ๋องเย่ครั้งหนึ่ง

ประตูใหญ่ก็ไม่ให้เข้า ไม่ได้พบอ๋องเย่ก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ตอบกลับสักคำ ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็จะกลับวังอย่างเชื่อฟัง

เป็นเช่นนี้ทุกเดือน แม้คุณชายเหลียงเฉินจะอธิบายโน้มน้าวก็ไม่มีประโยชน์

“ไม่พบ!”

เสียงต่ำดังมา มีความแหบเล็กน้อย ในเสียงคือความโศกเศร้าที่พูดอย่างไรก็ไม่หมด

แต่สองคำนี้ เป็นคำพูดที่มากที่สุดในหนึ่งปีกว่าที่เคยพูดมา

“ขอรับ!”

พ่อบ้านเหมยมาอย่างรีบร้อน หลังจากเสียงตอบรับ ก็ถอยออกไปเงียบๆ มาถึงหน้าประตูใหญ่ มองดูผู้สวมชุดคลุมที่สูงส่ง แต่ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับสวมชุดเสื้อคลุมผ้าฝ้าย พ่อบ้านเหมยยกมือคารวะเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วกล่าว :

“เชิญฮ่องเต้กลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ! อ๋องเย่ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร ข้าจะกลับวังเดี๋ยวนี้” ในดวงตาของเย่หลีเฉินไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้ แต่ยังยกมุมปากขึ้น และเพิ่มคำพูดเล็กน้อย

“ใกล้ถึงการชำระค่าใช้จ่ายปลายปีแล้ว ทูตแต่ละประเทศล้วนมาแสดงความยินดี ความหมายในนั้น เกรงว่าเจตนาเดิมนั้นไม่ได้อยู่ที่เหล้า ยังไงขอเชิญเสด็จอาเสด็จมาในวันพิธีงานเลี้ยงใหญ่ให้ได้ เพียงแค่เป็นการทำเพื่อประชาชน”

ทั้งที่รู้ พูดสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์

แต่ทุกครั้งที่เขามายังจะนำเรื่องราวที่สำคัญมาบอกกล่าวด้วยตัวเอง

“ขอฮ่องเต้โปรดวางใจพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะบอกต่ออ๋องเย่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“ลำบากแล้ว”

พูดจบ เย่หลีเฉินก็หมุนตัวจากไป องครักษ์ที่ติดตามข้างกายก็ตามไปปกป้องเขาอย่างรีบร้อน

เงาหลังฮ่องเต้องค์ใหม่ที่โดดเดี่ยว พ่อบ้านเหมยมองไว้ในตา ได้เพียงถอนหายใจในใจ

ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ง่าย อ๋องเย่ก็ยิ่งไม่ง่าย!

หากว่าพระชายายังอยู่ หรือเทพธิดายังอยู่ ทุกอย่างก็ไม่ถึงขนาดนี้

ห้องบรรทมอ๋องเย่

ผ้าม่านโปร่งแสง เงาคนผู้หนึ่งเอนพิงเตียง ใบหน้าเหนื่อยล้า ภาพวาดรูปคนที่เป็นหญิงงามแผ่นหนึ่งอยู่บนมือ นิ้วมือที่เรียวยาวสัมผัสเบาๆ แต่ดวงตาทั้งคู่ของเขากลับใช้ผ้าแดงยาวๆปิดไว้ จุดที่พันกันของผ้าแดงอยู่ด้านหลังศีรษะ ถูกผมดำที่ห้อยลงมาบังไว้ เหลือเพียงผ้าแดงสองเส้นห้อยลงมาด้านหลังเหมือนผม

สีหน้าเดิมทีที่ครุ่นคิดของเขา เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลเพราะภาพวาดบุคคลแผ่นนี้ แต่หางตามีน้ำตาเลือดไหลออกมา ไหลลงมาตามแก้มนานแล้ว เหลือคราบน้ำตาเข้มๆสองเส้น……

หนึ่งปีสามเดือน คนงามยังคงไม่กลับมา

รอเจ้าไม่ได้น่ากลัว ที่น่ากลัวคือ รอแล้วไม่มีข่าวคราวของเจ้ามาตลอด

ข้าควรทำอย่างไร?

ทำอย่างไรเจ้าถึงจะสามารถกลับมาได้?

ฉับพลันนั้น ในอากาศมีความเคลื่อนไหว เงาคนร่างหนึ่งแฉลบตัวเขามาจากทางหน้าต่าง คุกเข่าข้างหนึ่งหน้าเตียง ทำมือคารวะ

“เจ้านาย ข้าน้อยกลับมาแล้วขอรับ”

ผู้ที่มาคือจื่อเฟิงที่ถูกส่งออกไปทำภารกิจให้สำเร็จเมื่อไม่กี่เดือนก่อน วันนี้เพิ่งจะกลับมา บนใบหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข มีเพียงสีหน้าที่เศร้าสลด

“ทิวทัศน์ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เมืองหวยหลอ ดอกเหมยผลิบาน ทั่วทั้งเขาที่ราบ ครอบคลุมด้วยหิมะ มีสีแดงในสีขาว งามดั่งแดนสวรรค์ สวยงามกว่าทิวทัศน์ที่สวยงามนับไม่ถ้วน สวยเป็นที่สุด เจ้านายต้องการไปหรือไม่ขอรับ?”

จื่อเฟิงที่พูดน้อยพูดสั้นๆโดยปกติ หนึ่งปีมานี้เขาเดินทางข้ามแม่น้ำภูเขานับหมื่นพัน เพียงเพื่อค้นหาทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดที่หนึ่ง ทำให้เจ้านายก้าวออกนอกประตูจวน สูดอากาศที่บริสุทธิ์

“สวยเท่านางหรือไม่?”

จื่อเฟิงตะลึงไปครู่หนึ่ง

ที่เจ้านายพูดก็คือคุณหนู แต่คุณหนูกลับมาไม่ได้แล้ว แม้ว่าจะหลอกตัวเองเพราะคำพูดของเย่หลีเฉิน แต่ในใจใครจะไม่เข้าใจ? เจ้าหนูจะไม่กลับมาแล้ว

แต่มีเพียงเจ้านายที่ยังคงเชื่อ

เชื่อมาโดยตลอด……

“ไม่ถึง ไม่เท่าหนึ่งในหมื่นขอรับ”

“หาอีก” พูดจบ เย่แจ๋หยิ่งโบกมือเล็กน้อย แล้วสัมผัสคนบนภาพวาดบุคคลต่อ

“……ขอรับ”

มองดูเงาร่างที่ดูเศร้าและหดหู่ในผ้าม่าน จื่อเฟิงแอบตาแดงเล็กน้อย หลังจากรับปากก็จากไปอย่างเงียบๆ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท