หานแสไม่มีอะไรจะพูดทันที นานแล้วที่เขาไม่รู้สึกว่าทำอะไรต่อคนผู้หนึ่งไม่ได้ ความรู้สึกที่คุ้นเคยทั้งแปลกหน้าชนิดนี้
เขาหัวเราะเบาๆอย่างฉับพลัน!
ยื่นมือชี้ฮัวหยู่อันที่สลบไม่ได้สติ เลิกคิ้วขึ้น เสียงสบายๆที่มีความหมายลึกซึ้งดังขึ้น
“นางลอบสังหารข้าครั้งแล้วครั้งเล่า หากว่าไม่ได้เห็นแก่ไมตรีจิตในอดีตของบางคน นางตายร้อยครั้งไปนานแล้ว แต่ถึงวันนี้ มิตรไมตรีของคนผู้นั้นได้มอดแล้ว ข้าก็ปล่อยคนผู้นี้ไม่ได้ หรือว่าฆ่านางตอนนี้ดี”
พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นเตรียมลงมือ
กลับได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ หานแสหันมองไปทางเสียง เห็นดวงตาเหยียดหยามคู่หนึ่งพอดี ซ่างกวนหนานซู่มือไว้ด้านหลัง ท่าทางสีหน้ามองดูละคร
“เจ้าหัวเราะอะไร?”
“เรื่องที่น่าขำเช่นนี้ไม่หัวเราะได้อย่างไร?” หลานเยาเยาหัวเราะอีกที ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “หานแส เจ้าไล่ตามไม่หยุดหย่อน ไล่ตามจนถึงด้านหน้าของข้า แล้วใช้คนผู้นี้ทำเป็นเหยื่อ ขวางกั้นทางไปของข้า คิดทดสอบอะไรเป็นแน่
ตอนยังทดสอบความจริงออกมาไม่ได้ แล้วเจ้าจะคิดฆ่าคนที่เป็นกุญแจสำคัญได้อย่างไร?
เจ้าคิดยืมสิ่งนี้เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองของข้า ดูสิ ตอนนี้ข้าตอบสนองเช่นนี้…….เจ้าพอใจหรือไม่?”
สีหน้าหลานเยาเยาไม่สะทกสะท้าน มุมปากยังปรากฏความเย้ยหยั่นบางๆ นางเดินเข้าไปอย่างไม่ไยดี สายตาจ้องมองหานแส
ความคิดของหานแสถูกเปิดโปง ในใจก็ไม่ได้โกรธ
แต่ยกมือขึ้นขับเคลื่อนกำลังภายใน ราวกับว่าวินาทีต่อมาก็จะฆ่าฮัวหยู่อันกับมือ
“การตอบสนองของเจ้าข้าไม่พอใจมาก ดูท่าแล้วต้องฆ่าคนจริงๆถึงสามารถดูการตอบสนองที่แท้จริงของเจ้าออก วิธีฆ่าคนที่ข้าชื่นชอบเป็นที่สุด ก็คือใช้กำลังภายในดูดเลือดเนื้อของคนให้แห้ง เหลือเพียงโครงกระดูกเลือดและเสื้อผ้าทั้งชุด เพราะวิธีการตายชนิดนี้คนที่ตายบนร่างของเข้า……เจ้าได้ฟังข้าพูดอยู่หรือไม่?”
เวลานี้ หลานเยาเยาเดินมาถึงด้านหน้าของหานแส แต่สายตาไม่ได้ตกอยู่บนร่างของเขา จากนั้นภายใต้สายตาที่ไม่น่าเชื่อของเขา หลานเยาเยาสับหลีกเขาไปก้าวหนึ่ง มองทางฮัวหยู่อันที่ถูกมัดอยู่ จากนั้นเอื้อมมือไม่รู้ว่าใช่ของอะไร ตัดด้ายเงินที่มัดฮัวหยู่อันไว้หลุด
หานแสกล่าวขึ้นอย่างโหดเหี้ยม : “ยังแตะต้องนางอีกหน่อยข้าจะฆ่าเจ้าไปพร้อมกัน”
หลานเยาเยาพยักหน้า : “อืม รู้แล้ว”
ปากพูดว่ารู้แล้ว ในการกระทำกลับลงมือเอาฮัวหยู่อันแย่งมาจากมือของหานแส
จากนั้นก็คว้าไว้แน่นไม่ปล่อย เห็นคนตรงหน้าพยายามดึงสุดๆ เขาไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรลงมือ เพียงมองไปทางเจ้าของเรือขอคำบอกใบ้ แต่แววตาของเจ้าของเรืออยู่เพียงบนร่างของซ่างกวนหนานซู่ ปากพูดจาโหดเหี้ยมเป็นที่สุด แต่มือที่เคลื่อนกำลังภายในกลับลังเลไม่ลงมือ
“เพี๊ยบ” เสียงหนึ่ง! บนมือผู้ติดตามก็ถูกตีไปฉาดหนึ่ง
หลานเยาเยามองดูเขา จ้องมองเขาอย่างดุร้าย
“ปล่อยมือ!”
ได้ยินดังนั้น ผู้ติดตามไม่ได้รับการบอกใบ้ของเจ้าของเรือ ก็ถอนใจอย่างอธิบายไม่ถูก แล้วหลังจากนั้น คนก็ถูกลากไปแล้ว
ผู้ติดตาม : “…….” ดุชะมัดเลย!
จากนั้นเบิกตากว้างมองไปทางเจ้าของเรือ ร้องตะโกนโดยไร้เสียง : เจ้าของเรือ ท่านก็ลงมือสิขอรับ!
แต่ว่า!
คนถูกพาไปแล้ว ซ่างกวนหนานซู่พาคนไปถึงข้างรถม้าที่พลิกคว่ำ ตะโกนเพียงเสียงหนึ่ง : “อาส้ง!”
ก็มีเงาคนผู้หนึ่งแฉลบตัวออกมาจากที่ลับ จากนั้นดันรถม้าพลิกขึ้นมา ราวกับว่าเห็นส้งเย่นกุยดันรถม้าคนเดียวค่อนข้างเปลืองแรง หลานเยาเยาหันมา มองทางหานแส ยิ้มให้เขาเล็กน้อย :
“หานแส รีบมาช่วยหน่อย!”
คนติดตามข้างกายของหานแส มองซ่างกวนหนานซู่เหมือนมองคนโง่เช่นนั้น
เจ้าของเรือของเขาเป็นผู้มีเกียรติเพียงใด ตลอดมาล้วนฆ่าตนโดยไม่เห็นเลือด ปฏิบัติต่อผู้คนเย็นชาเป็นที่สุด มีที่ทำให้เขาไม่พอใจสักหน่อย เขาก็ฆ่าคนระบายความโกรธ แต่ไหนแต่ไรก็มีเพียงเขาชี้นำคนอื่น ไม่มีคนกล้าชี้นำเขา
แต่ต่อจากนั้นทำให้คนติดตามตกใจเป็นที่สุด เจ้าของเรือของเขาลังเลครู่หนึ่ง ทั้งยังวางมือที่ยังลังเลอยู่ลง จากนั้นเดินเข้าไปอย่างว่องไว ช่วยคนที่เรียกว่าอาส้งผู้นั้นดันรถม้าด้วยกันจริงๆ
ผู้ติดตามสับสนงงงวยในพริบตา…….
นี่ไม่ใช่เจ้าของเรือของเขา!
เขาต้องฝันอยู่แน่ๆ!
เป็นดังคาด ไม่สามารถคิดกับเจ้าของเรือตัวเองมั่วซั่วเวลาที่ไม่มีคนอยู่ได้ ดู เป็นความจริงแล้วสินะ!
รอจนรถม้าดันจนตรง ซ่างกวนหนานซู่พาฮัวหยู่อันเข้าไปนั่งในรถมา อาส้งเป็นคนขับรถม้า ก่อนไป ซ่างกวนหนานซู่เงยหน้าขึ้นมา กล่าวกับเจ้าของเรือตัวเอง :
“ลำบากแล้ว ท่านชายหยิ่ง”
จากนั้นก็จากไป
มองดูรถม้าไปไกล ในที่สุดผู้ติดตามก็ขยับฝีเท้า เคลื่อนที่ไปข้างกายเจ้าของเรืออย่างรวดเร็ว สมองทำงานอย่างรวดเร็ว พยายามพิจารณาภาษา ในที่สุดพูดออกมาหนึ่งประโยค
“เจ้าของเรือขอรับ ท่านกินยาผิดหรือไม่ขอรับ?”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกไป ผู้ติดตามถูกคลุมด้วยความเย็นยะเยือกที่อันตรายเป็นที่สุดในพริบตา ใจเขาตระหนกเล็กน้อย แอบกล่าวว่า : จบแล้ว
……
ถึงเวลากลางคืน ในโรงหมอของหลานเยาเยา ในที่สุดก็รอจนกระทั่งหานแสให้คนมาส่งบันทึกการแลกเปลี่ยนของยิงจวน ดูอย่างคร่าวๆรอบหนึ่ง นางก็เอาบันทึกแลกเปลี่ยนคืนให้คนของหานแส
เมื่อคนผู้นั้นไป หลานเยาเยาก็ออกจากโรงหมอ
ดีดนิ้ว ส้งเย่นกุยก็รีบปรากฏตัวต่อหน้านางทันที ดูการแต่งตัวของวัยกลางคนผู้นี้ กลับยังคงเป็นส้งเย่นกุยที่มีท่าทางของปัญญาชน ปลื้มปริ่มในใจ
นางถอนหายใจเสียงหนึ่ง
“ไม่มีเจ้าข้าควรจะทำอย่างไร?”
ส้งเย่นกุยยิ้มแล้ว ค่อนข้างแปลกใจที่ได้รับคำชื่นชม
ติดตามเจ้านายสองชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือว่าชาตินี้ เจ้านายล้วนไม่เคยทอดทิ้งเขา และเขาก็รู้ว่าตัวเองครอบครองตำแหน่งไหนในใจของเจ้านายตัวเอง ไม่สามารถแยกได้ตั้งนานแล้ว
เจ้านายอยากให้เขาใช้ชีวิตของตัวเอง
แต่ชีวิตของเขาก็คือนางนี่!
เขารู้ว่าหลังจากจากเจ้านายไปแล้วเป็นรสชาติอย่างไร เขารู้สึกได้ถึงความเดียวดายและความว่างเปล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีเจ้านายอยู่ข้างกาย เขาจึงรู้สึกว่าทุกอย่างล้วนสดใสขึ้นมา
ดังนั้น เขาต้องการเพียงแค่ติดตามนางชั่วชีวิต ปกป้องนาง
“ข้าจะอยู่ข้างกายท่านตลอดไป”
“ดี!” หลานเยาเยายิ้มแล้ว “ด้านหลังมีหาง นั่งรถม้าและขี่ม้าล้วนถูกสะกดรอยอย่างง่ายดาย ความสุขของข้าล้วนมอบไว้บนกายของเจ้าแล้ว พาข้าไปสถานที่ที่ข้าอยากไปเถอะ!”
น้อยมากที่นางจะเอ่ยคำพูดที่ผ่อนคลายเช่นนี้ออกมา
ส้งเย่นกุยส่ายหน้าอย่างจนปัญญา : “เจ้านาย ท่านยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่รู้จักอายแล้ว”
เพียงประโยคหยอกล้อประโยคหนึ่ง พูดจบก็ยื่นมือให้นาง
ตอนนี้ความคิดที่แท้จริงของเจ้านายเปิดเผยออกมาเกินไปแล้ว ไม่ต้องใช้ใจเข้าใจ เพียงแค่ความหมายบนใบหน้า เขาก็เข้าใจแล้วว่ากำลังคิดอะไร
เป็นดังคาด ชายหญิงที่อยู่ในจุดแอบรักล้วนไม่รู้จักอาย
หลานเยาเยาหน้าแดงทันที มองเขาอย่างโมโหแวบหนึ่ง “ไม่รู้จักอายที่ไหน ข้าก็ไม่ได้พูดคำที่น่าเกลียดอะไร เป็นเจ้าที่คิดสกปรกเอง ช้าเร็ววันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าสัมผัสเข้าใจถึงความรู้สึกตอนนี้ของข้าสักหน่อย”
รอเรื่องคนโดนมนต์ดำและทูตโดนสังหาร จัดการเสร็จแล้ว นางต้องแอบ มองหาคนรักให้เจ้าระบบ ทำให้เขามีชีวิตหวานซึ่งมีความสุขทั้งวัน จากนั้นเอาเขาแต่งงานออกไป ดูว่าถึงเวลานั้นเขายังจะมีกระจิตกระใจมาล้อเล่นกับนางอีกหรือไม่
หลังจากที่คิดเช่นนี้
หลานเยาเยายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่รอยยิ้มเข้าไปอยู่ในตาของส้งเย่นกุย มักจะรู้สึกว่าประสงค์ไม่ดีเสมอ
หลานเยาเยาเอื้อมมือไปคว้าแขนของส้งเย่นกุย ส้งเย่นกุยก็เก็บความคิดในการคาดเดาเจ้านายของตัวเอง ปลายเท้าจรด เพียงแค่เหาะเท่านั้น ด้วยความเร็วเป็นที่สุด เหมือนดั่งลูกศรแหลมคมที่หลุดออกไปจากคันธนู
ด้านนอกโรงหมอในที่ลับ เงาคนผู้หนึ่งเหาะออกไป คิดต้องการไล่ตามไป แต่กลับถูกเสียงของหานแสหยุดยั้งแล้ว
“แม้ข้าก็ตามไม่ทัน เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้?”
หานแสที่ยืนอยู่บนหลังคา สวมชุดคลุมสีม่วงเข้ม ภายใต้ลมหนาว ชายเสื้อพลิ้วไหว สายตาจ้องมองทิศทางที่พวกหลานเยาเยาหายตัวไป หัวเราะเยาะเย้ยในใจเสียงหนึ่ง หัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา
ทำให้ผู้ติดตามตกใจไม่น้อย
จบแล้ว จบแล้ว เจ้าของเรือไม่รู้ว่าต้องการทำเรื่องไม่ดีอะไรอีกแล้ว…..