บทที่ 608 ความงามทำให้คนเข้าใจผิด
นี่เป็นคำพูดจากใจจริง
เขาหวังเป็นอย่างมากว่าจะกลับเป็นเหมือนอดีต เขาติดตามข้างกายหลานเยาเยา ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
หากว่าสำนักหงอีมีนางอยู่ เขาจะต้องวางใจเป็นแน่!
“เทพธิดา ท่านจะกลับมาเมื่อไหร่ขอรับ? สำนักหงอีต้องการท่านในการควบคุมสถานการณ์ใหญ่”
หลานเยาเยาส่ายหน้าเบาๆ
“สำนักหงอีไม่มีข้า ยังมีเจ้า ข้าเป็นคนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง รู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดต่อข้า ข้าไม่สามารถจากเขาได้ และไม่อยากจากไป ช่วยขอโทษต่อเหล่าตาเฒ่าสักหน่อย
ยังมีอีก ในใจของเหล่าตาเฒ่าความจริงแล้วเป็นทุกข์มาก พวกเขาเคยเป็นหน่วยกล้าตายของเย่นเฉิงเสี้ยง เย่นเฉิงเสี้ยงก็คือความมั่นใจและศรัทธาที่ให้พวกเขามีชีวิตอยู่
ผ่านความเป็นตายหลายครั้ง จึงสามารถอยู่รอดมาได้ เย่นเฉิงเสี้ยงตายแล้ว ที่สามารถทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นศรัทธามีชีวิตต่อไปก็มีเพียงสำนักหงอีแล้ว
พวกเขาดูเหมือนว่าจะต่อต้านการศึกษาเจาะลึกวิชาพิษลวงตา หากว่าสังเกตการกระทำทุกอย่างของพวกเขาหน่อย เจ้าก็จะพบว่า บางทีเรื่องราวไม่ได้เหมือนกับที่พวกเราคิดไว้
ดูออกได้ว่า พวกเขาปฏิบัติต่อเจ้าเจ้าสำนักรุ่นที่สอง เป็นลูกรักมาก ดังนั้นไม่หวังจะให้เจ้าดินทางที่ไม่เที่ยงตรง เพียงแค่ไม่ได้สติลุ่มหลง แน่วแน่ในสิ่งที่ตัวเองเลือก วันหลังจะต้องมีการกระทำอย่างหนึ่งเป็นแน่”
นางก็หวังให้สำนักหงอีอยู่ดี
ดังนั้นกับยู่หลิวซูที่บอกล้วนเป็นคำพูดจากใจจริง
ยู่หลิวซูพยักหน้า
เขารู้ว่าที่หลานเยาเยาคาดเดาล้วนถูกทั้งหมด หากว่าเหล่าผู้อาวุโสไม่อนุญาตให้เขาศึกษาวิชาพิษลวงตาจริงๆ หลังจากรู้ว่าเขาเสาะหาสะสมตำราเกี่ยวกับวิชาพิษลวงตาไว้มากมาย ก็คงไม่ใช่ยึดไปอย่างง่ายดายขนาดนั้นแล้ว
รู้ว่าพวกเขาใช้ความคิดไตร่ตรองเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เขาจะพยายามร่วมมือ อย่างไรเสีย เหล่าผู้อาวุโสน่ารักขนาดนั้น ต้องทำให้พวกเขาเป็นห่วงเขาให้มากหน่อยเป็นธรรมดา หากว่าพวกเขาไม่มีเรื่องให้ทำ กลัวว่าจะนึกถึงอดีตที่ผ่านไปเท่านั้น เพิ่มความเศร้าโศกทันที…….
“จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนขอรับ!”
ต่อจากนั้น ทั้งสองคนกล่าวอำลา ยู่หลิวซูจากไปอย่างรีบร้อน
จุดที่ซุ่มสังหารทูตทหารของประเทศผึงไหลทางนี้ จัดการได้พอประมาณแล้ว สถานที่ลอบสังหารที่เหลืออื่นๆ อ๋องเย่เปลี่ยนให้เย่หลีเฉินจัดการเอง ตอนนี้พวกเขากลับเมืองหลวงอย่างรีบร้อน
เรื่องการลอบสังหารทูตทหาร จำเป็นต้องตรวจสอบให้กระจ่างชัด
“คุณชายซ่างกวน เจ้านายอยู่ในรถม้ารอท่านกลับเมืองหลวง” องครักษ์ลับผู้หนึ่งเดินมา ทำมือเคารพต่อนาง
“ได้!”
เงยหน้ามองไป บนถนนใหญ่ที่ไม่ไกล รถม้าที่หรูหราโอ่อ่าจอดอยู่ที่นั่น ตำแหน่งของคนขับรถม้าว่างเปล่าไร้ผู้คน ม้าตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง กำลังกินหญ้าอยู่ตามลำพัง บนหลังม้าก็ไม่มีเงาของส้งเย่นกุย
แต่หลานเยาเยาสัมผัสได้อย่างชัดเจน เย่แจ๋หยิ่งก็อยู่ในรถม้า อีกทั้งกำลังรอนาง
นางถอนหายใจเงียบๆ
วันนี้ช้าเร็วก็ต้องมาถึง นางรู้ ตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะปิดบังตัวตน แต่งตัวเป็นผู้ชายเริ่มขึ้น นางก็คาดได้ว่าต้องมีวันนี้
เพียงแค่วันนี้ชั่งมาถึงรวดเร็วนัก นางยังไม่ทันทำให้กระจ่าง การข้ามเวลามาครั้งแรก ร่างกายของนางตาย ฮ่องเต้รุ่นแรกเย่ซางหลิงสิ้นพระชนม์เพราะความรัก ภูเขาถล่มแผ่นดินทลาย หลังจากดวงดาวนับหมื่นตก นางกลับไปยุคปัจจุบันได้อย่างไร? แล้วข้ามเวลามาอีกได้อย่างไร การเลื่อนขั้นระบบทำไมจึงได้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเย่แจ๋หยิ่งตอนนี้ ทุกอย่างนี้มีคำถามมากมาย
นางรู้สึกได้ว่านางยังมีความทรงจำส่วนหนึ่งขาดหายไปไม่ได้ฟื้นคืน
และบางทีทั้งชีวิตก็ฟื้นคืนไม่ได้แล้ว
นางไม่สามารถเพราะความรักความรู้สึกนี้ และกักตัวเอง ทำร้ายเย่แจ๋หยิ่งในตอนนี้ นางจำเป็นต้องเผชิญหน้า
หลานเยาเยายกเท้า เดินไปทางรถม้าทีละก้าวๆ ความสับสนในดวงตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้น ในใจก็เอาความคิดต่างๆนาๆทั้งหมดสลัดทิ้ง
ถึงด้านหน้ารถม้า นางชะงักเล็กน้อย จากนั้นเปิดม่านออกเข้าไปในรถม้า
ของทั้งหมดในรถม้า เหมือนเดิมทุกอย่าง เย่แจ๋หยิ่งก็ด้วย
เวลานี้เขายังคงสวมชุดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดทั้งตัว ราวกับว่าเหนื่อยมาก ดังนั้นพิงรถม้าหลับตาพักผ่อน โฉมหน้าที่สง่างามดั่งเทพเซียน เวลานี้ย้อมไปด้วยความเหนื่อยล้าเล็กน้อย ระหว่างคิ้วก็ย่นเล็กน้อย
รู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามา เป็นกลิ่นอายที่มีความคุ้นเคยปนกลิ่นเลือด
เขาลืมตาขึ้นทันที แวบเดียวก็เห็น คนที่เขารอคอยตลอด เห็นสีหน้าของนางเหมือนปกติ ไม่มีความเหนื่อยล้าสักนิด ฉับพลันนั้นแววตาก็อ่อนโยนลงมาก
ริมฝีปากบางๆเริ่มขยับ เสียงที่นุ่มนวลเรียกนางเสียงหนึ่ง : “ซู่เอ๋อ!”
เขายังคงเรียกนางซู่เอ๋อ
สีหน้าไม่เปลี่ยน น้ำเสียงปกติ ราวกับว่าไม่ได้มีความรู้สึกใดๆต่อเทพธิดาประโยคนั้นขององค์ชายเก้าของผึงไหล ในสีหน้าท่าทางไม่มีความแปรผันใดๆ
ดูเหมือนว่า เย่แจ๋หยิ่งรู้ล่วงหน้านานแล้ว
ถูกสิ!
เขาเฉลียวฉลาดเพียงไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เพื่อรักษาร่างกายของตัวเองแล้ว ทำให้ตัวเองล้มละลาย จนกระทั่งขายแม้แต่จวน ทั้งยังต้องการแถมสัญญาขายตัวอีกฉบับ
เขานี่ ก็คือเพื่อผูกมัดร่างกายตัวเขาเองไว้กับตัวเอง ทำให้นางคิดจะปัดความรับผิดชอบก็ปัดไม่หลุด
หลานเยาเยาก็พยักหน้า ไม่ได้พูดจา หลังจากนั่งลงข้างกายเขาแล้ว ก็เริ่มเอื้อมมือไปปลดเสื้อผ้าของเขา การกระทำอ่อนนุ่ม เกรงว่าเขาจะไม่สบายตัว
“เจ้า……ทำอะไร?”
เมื่อขึ้นมา ไม่พูดอะไรก็ถอดเสื้อผ้าเขา สีหน้านุ่มนวล สีหน้าแฝงความรู้สึก
คิดทำให้เขาไม่คิดไม่ซื่อก็ยาก
ดังนั้นเมื่อพูดออกไป เสียงของเขาล้วนแหบทุ้ม
หลานเยาเยายังคงไม่พูดจา การกระทำในมือไม่หยุด เวลานี้ดึงเสื้อออกเบาๆครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นทรวงอกขาวละเอียดออกมา
“ซู่เอ๋อ!”
เขาจับมือของนาง ดวงตาขุ่นมัวขึ้นมาก เสียงยิ่งแหบแห้งแล้ว
หลานเยาเยายังคงไม่สนใจเขา ยื่นมืออีกข้าง ปัดมือข้างนั้นที่จับมือนางออก จากนั้นเปิดเสื้อของเขาออก ยื่นมือไปคลุมบนทรวงอกขาวละเอียดของเขา เคลื่อนไหวเบาๆ
บอกใบ้ชัดเจนขนาดนี้ เย่แจ๋หยิ่งจะไม่เข้าใจได้อย่างไร
แต่ว่า……
ตอนนี้ไม่ได้
บนตัวของเขาเปื้อนเลือดของผู้อื่น กลิ่นคาวเลือดรุนแรง บวกกับเหงื่อที่ออกทั้งตัวเวลาก่อนหน้านี้ที่ห้ำหั่นกัน แม้ว่าตอนนี้ถูกลมพัดแห้งแล้ว
แต่ก็ยังมีกลิ่นเหงื่อเล็กน้อย
เขาไม่อยากล่วงเกินนาง
อีกทั้งยังอยู่ในรถม้า
แต่หลานเยาเยาไม่แยแสต่อเสียงปฏิเสธเบาๆของเขา นิ้วเรียวขาวยังคงค่อยๆวาดเบาๆบนทรวงอกของเขา
ฉับพลันนั้น มุมปากของนางยกขึ้น
นิ้วมือที่เปลี่ยนทิศทางวาดขยับทันที จากบนลงล่าง จากทรวงอกค่อยๆวาดถึงช่วงท้อง สัมผัสขอบกางเกงจึงได้เกี่ยวเบาๆ เต็มไปด้วยการบอกใบ้
เย่แจ๋หยิ่งคว้าจับนิ้วมือที่ที่ยั่วยุให้เร่าร้อนของนางอีกครั้ง ไฟปรารถนาในตายิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แต่เขายังคงกลับพยายามอดกลั้นควบคุม
“ท่านไม่อยาก?” หลานเยาเยาแสดงความรัก เลิกคิ้วมองดูเขา
“ข้า……” เย่แจ๋หยิ่งถอนหายใจ ประนีประนอมในที่สุด “อยาก!”
แล้วเขาจะปฏิเสธนางจริงๆได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่อยากปฏิเสธ เพียงแค่กลัวว่าตัวเองสกปรก ล่วงเกินนางเท่านั้น
ในเมื่อ นางไม่รังเกียจ แล้วเขาจะต้องอดกลั้นอีกทำไม?
ด้วยเหตุนี้ยื่นมือไปกุมใบหน้าของนาง เห็นสีหน้าของนาง ก็ตกลงไปทันที ในใจในดวงล้วนเป็นนาง โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ต้องการจูบริมฝีปากของนาง
หลานเยาเยาเปิดปากเบาเบา : “เรียกข้า”
“เยาเยา”
“เรียกอีกครั้ง”
“เยาเยา……”
ริมฝีปากชุ่มชื่นอ่อนนุ่มก็อยู่ตรงหน้า นาทีนั้นที่จะจูบโดน ถูกมือน้อยๆข้างหนึ่งกั้นไว้ เย่แจ๋หยิ่งงงงวย ถามด้วยเสียงที่แหบพร่า :
“ทำไมหรือ?”
เห็นหลานเยาเยายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เย่แจ๋หยิ่งจึงดึงสติกลับมาได้ รู้ว่าตัวเองพูดอะไรแล้ว
อดที่จะเอามือกุมหน้าผากไม่ได้ จึงได้หัวเราะเสียงต่ำออกมา
เป็นเวลานาน เย่แจ๋หยิ่งถึงได้หยุดหัวเราะ สีหน้าจริงจัง
“เยาเยา ข้าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ยังหนุ่มแน่น เจ้ายั่วยวนเบาๆ ข้าก็ไฟปรารถนาแผดเผาร่าง เกรงว่าตอนนี้ลดลงไม่ได้แล้ว เจ้าว่าควรทำอย่างไร?”
เขาพูดพลางยื่นมือไปถูริมฝีปากของนางพลาง ราวกับว่ากำลังทำโทษนางเช่นนั้น
“อย่าพูดมาก” หลานเยาเยาคว้ามือของเขาไว้ เอาลงมาจับไว้แน่น ไม่ให้เขาบุ่มบ่าม “พูดมาสิ ข้าทำตรงไหนดีไม่พอ ทำให้ท่านมั่นใจว่าเป็นข้าเนิ่นๆ”
“เช่นนั้นเจ้าปล่อยข้าก่อน หากไม่ปล่อย ข้าจะต้องถูกเผาตายแล้ว” เย่แจ๋หยิ่งอดทนต่อการกล่าวหา
“หืม?”
หลานเยาเยาสงสัย นอกจากเมื่อครู่ นางก็ไม่ได้ลุ่มล่ามนี่!
แต่ทว่า
จากการเคลื่อนสายตาของเย่แจ๋หยิ่ง ได้พบอย่างตะลึงว่า มืออีกข้างของนางยังคงเกี่ยวขอบกางเกงของเย่แจ๋หยิ่งไม่ปล่อย จากเนื้อผ้าหรูหราที่กั้นไว้ นางล้วนเห็นถึงความผิดปกติของร่างกายส่วนล่างของเขา…..