ตอนที่ 371 – ความพยายามของคทาในการหลอกลวงอีกครั้ง
วันที่ไม่มีอะไรจะทำได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและ ในที่สุดมันก็เป็นวันจ่าย
วันนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีและสือเหล่ยก็ได้ยินเสียงสวดนับไม่ถ้วน
วันไหว้มักจะเป็นวันที่ 30 หรือไม่ก็ 29 ถ้าไม่มีวันที่ 30 ของเดือน มันเป็นวันสุดท้ายของปีในปฏิทินจันทรคติเสมอ แต่วันจ่ายจะเริ่มจากวันที่ 24 ของเดือนที่สิบสองบนปฏิทินจันทรคติ ผู้คนจากภูมิภาคต่างๆอ้างว่าวันใดจะเป็นจ่ายมักจะเป็นเทศกาลที่วุ่นวายที่สดในประเทศ
วันจ่ายของจี้โจวคือวันที่ 25 หรืออย่างน้อยๆทุกคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านของสือเหล่ยก็คิดเช่นนั้น
แต่เมื่อเขาอยู่ในหวูตง สือเหล่ยได้ยินเพื่อนทั้งสามคนของเขากล่าวถึงวันที่พวกเขามั่นใจกัน หนึ่งในนั้นคิดว่าเป็นเวลาที่ 24 อีกคนกล่าวว่าเป็นวันแรกหลังจากวันที่ 30 ส่วนคนที่สามบอกว่างานเทศกาลโคมไฟเป็นจ่าย เพราะเหตุนี้ พวกเขาทั้งสามจึงเกือบจะต่อสู้กัน [TLE: ในอิ้งเค้าใช้คำว่า small New Year’s Eve กับ big New Year’s Eve ซึ่งทางผู้แปลหาความหมายไม่เจอเลย เลยได้แต่อนุมานว่าก่อนวันปีใหม่(ตรุษจีน) น่าจะเป็นวันจ่าย และวันไหว้ตามลำดับ ป.ล.จากที่ลองหาข้อมูลเหมือนที่จัดในประเทศจีนของทางนั้นจะเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวเลย ใช้คำว่าวันจ่ายกับวันไหว้อาจจะไม่ถูกนัก แต่ขออนุญาตใช้แบบนี้ไปก่อนเพื่อให้เห็นภาพชัดๆนะครับ]
ครอบครัวของสือเหล่ยก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แม่ของสือเหล่ยทำอาหารหลายจานและสือเหล่ยได้ดื่มชากับสือจงผิง
พวกเขายังมีดอกไม้ไฟเตรียมไว้ หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จ พวกเขาสามคนได้เดินลงไปข้างล่างเพื่อจุดดอกไม้ไฟและเป็นวันสิ้นสุดวันจ่าย
“แม่ครับ พยุงพ่อขึ้นไปก่อนเลย ผมต้องออกไปข้างนอก” สือเหล่ยช่วยพยุงสือจงผิงเดินมาที่ตีนบันได
“ลูกจะไปไหนเอาป่านนี้?” แม่ของสือเหล่ยถามเป็นนิสัย
สือจงผิงถลึงตาใส่เธอ “ลูกโตแล้วนะ และเขามีธุระต้องไปทำ โอ้ ใช่ ก้อนหิน พรุ่งนี้ไปอยู่บ้านใหม่กันนะ แม่ของลูกเตรียมของที่จำเป็นไว้เกือบเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกับแม่และซื้อของที่จำเป็นกลับมาละกัน นี่เป็นครั้งแรกที่อี้อี้และแม่ของเธอจะมาบ้านของเราในช่วงตรุษจีน และพวกเราต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้าไว้ โอ้ใช่ ลูกชาย ลูกอยู่ขั้นไหนกับอี้อี้แล้ว?”
สือเหล่ยเกาหัว “พวกเราจับมือกันแล้ว เธอเป็นแฟนของผม”
“งั้นก็ดีแล้ว ทั้งสองครอบครัวสามารถพบปะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เมื่ออี้อี้เรียนจบ พวกลูกสองคนจะได้แต่งงานกัน”
สือเหล่ยพูดไม่ออก “พ่อ พูดอะไรแบบนั้น? พ่อพูดถึงการแต่งงานแล้วเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า ไอ้เด็กคนนี้นี่ขี้อายจริงๆ เอาเถอะ ไปทำเรื่องที่ลูกต้องทำได้แล้ว อย่าลืมถามวันมาของแม่อี้อี้ให้เรียบร้อยและเตรียมไปรับพวกเธอ”
สือเหล่ยโบกมือของเขา เขาเอามือล้วงกระเป๋าและเดินไปยังประตูทางเข้า
ในความเป็นจริง สือเหล่ยไม่ได้มีธุระอะไร เหลืออีกเพียงแค่สามวันก่อนจะหมดระยะเวลาใช้จ่าย ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือการหาตู้เอทีเอ็มเพื่อถามคทาเกี่ยวกับเงินที่เขาเหลืออยู่ในเดือนนี้
เขาเดินมาเกือบ 1 กิโลเมตรก่อนที่จะเจอตู้เอทีเอ็ม เขาบิดคอและเดินเข้าไป
เขาสอดบัตร ป้อนรหัสผ่าน และคทาได้ปรากฏตัว
“เจ้ามาถามเกี่ยวกับโควต้าที่เหลืออยู่ใช่ไหม?” คทาดูเหมือนจะเข้าใจจุดประสงค์ของสือเหล่ย
สือเหล่ยพยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าคทาจะสังเกตเขาได้ผ่านสิ่งใด แต่เขาก็รู้ว่าคทาสามารถ “ดู” การกระทำทั้งหมดของเขาได้
“โควต้าที่เหลืออยู่ของพนักงานระดับที่สองในเดือนนี้คือ 37,208 หยวน”
มันแตกต่างกันเล็กน้อยกับการคำนวณของสือเหล่ยเอง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ประมาณ 10 หยวนเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นอะไร
“ฉันถามหน่อยได้ไหมว่าคะแนนสะสมของฉันเป็นเท่าไร?” สือเหล่ยถามอีกครั้ง
คทาเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ถึงห้าสิบคะแนน”
สือเหล่ยรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าคทาจะไม่เปิดเผย แต่มันก็บอกช่วงคร่าวๆให้เขาทราบ
ไม่ถึงห้าสิบคะแนนถือเป็นช่วงที่กว้างเกินไป แต่มันก็ยังดีกว่าการไม่รู้อะไรเลย สือเหล่ยรู้ว่าเขาไม่สามารถคิดและเข้าใจคทาได้ตามแนวทางปกติ โดยปกติ เมื่อคนปกติพูดว่าอะไรไม่ถึงห้าสิบ มันจะหมายความว่าราวๆสี่สิบ นี่หมายความว่าสือเหล่ยได้ใช้ช่วงเวลาของการใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวเพื่อรับคะแนนมากว่าสี่สิบคะแนน และมันก็รวดเร็วราวกับจรวด
สือเหล่ยคิดกับตัวเอง แม้ว่าคนที่เขารับเป็นลูกบุญธรรมจะเป็นเฉินหยานวี่ แต่อำนาจของตระกูลไป่ก็ได้อยู่เบื้องหลังของเขา
แน่นอนว่าสือเหล่ยหวังว่าเขาจะไม่ต้องขอความช่วยเหลือใดๆจากครอบครัวไป่ ตลอดชีวิตของเขา เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับการพึ่งพาคนพวกนั้นในการทำอะไร เขาเพียงแค่ต้องการสร้างข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมนี้เท่านั้น ถึงอย่างไรก็ตาม สำหรับบัตรสีดำ เมื่อตระกูลกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเบื้องหลังของเขาแล้ว มันก็จะเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดที่สือเหล่ยเคยได้รับมา
คะแนนพื้นฐานมีการเชื่อมต่อกันอย่างแน่นแฟ้นกับคุณภาพของการใช้จ่าย เห็นได้ชัดว่าสือเหล่ยใช้เงินเพียงไม่กี่ร้อยเพื่อทำข้อตกลงซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นระดับห้าดาว ดังนั้นคะแนนพื้นฐานในเวลานี้จึงสูงเป็นอย่างมาก
โชคดีที่คะแนนพื้นฐานที่สูงที่สุดที่สามารถทำได้ภายในหนึ่งช่วงการใช้จ่ายคือสามสิบคะแนน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะได้คะแนนพิเศษมาเท่าไรจากข้อตกลงยอดเยี่ยม สือเหล่ยก็ไม่สามารถเลื่อนระดับได้ในทันทีแม้ว่าจะมีคะแนนเกินกว่าหกสิบคะแนน
แน่นอนว่าในภายหลังจากที่เขาเลื่อนระดับขึ้น มันย่อมต้องดีขึ้น
สือเหล่ยมีการใช้จ่ายที่ถูกยืดเวลาออกไปและมีคะแนนที่จะถูกหักออกไป สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือการซื้อรถและสือเหล่ยก็คิดว่าอย่างน้อยต้องมี 3 – 4 คะแนนที่ถูกหักออกไปเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว
สถานะในอุดมคติที่สุดคือสือเหล่ยมีคะแนนประมาณ 20 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนพื้นฐาน 10 คะแนนและคะแนนจากการสร้างข้อเสนออันยอดเยี่ยมอีก 10 คะแนน
แต่ตอนนี้ที่คทาบอกว่ามีคะแนนไม่ถึง 50 คะแนน มันทำให้สือเหล่ยคิดไม่ออกว่ามันหมายถึงอะไร
จากความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับคทา นี่อาจจะเป็นกลอุบายก็ได้ มันอาจจะเป็นช่วงราวๆ 40 คะแนนได้ถ้ามันยังไม่ถึง 50 คะแนน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 1 ถึง 49 มันก็เป็นไปได้ทั้งหมด เหมือนเมื่อคนที่กำลังขอแต่งงาน ฝ่ายหญิงถามฝ่ายชายว่ารายได้ประจำปีของเขาเป็นเท่าไร และเขาก็บอกว่าไม่ถึงหนึ่งล้าน คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเขาจะมีเงิน 600,000 – 700,000 หยวนจึงกล้าพูดเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม รายได้ต่อเดือน 3,000 หยวนก็ถือว่าน้อยกว่าหนึ่งล้าน
ดังนั้นคำพูดของคทาจึงเป็นกลอุบายจริงๆหลังจากวิเคราะห์คำพูดของมัน คะแนนสะสมของสือเหล่ยอาจจะมีเพียง 20 คะแนนเท่านั้น อย่างมากก็ 30 คะแนน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกินไปกว่า 40 คะแนน
แต่จุดประสงค์ของคทาคืออะไรกัน? มันมีประโยชน์อะไรที่จะทำให้สือเหล่ยคิดว่าเขาได้คะแนนเกิน 40 คะแนนไปแล้ว?
ดังนั้นเมื่อมีอะไรอะไรไม่ปกติ เขาจึงต้องสอบสวนต่อ
เพราะฉะนั้น สือเหล่ยจึงถาม “ผลการการใช้จ่ายกับตระกูลไป่ถือว่าเป็นดีลที่ยอดเยี่ยมรึเปล่า?”
คทารู้สึกประหลาดใจที่สือเหล่ยถามเช่นนี้
ดูเหมือนว่าไอ้เด็กนี่จะคิดว่าข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมนี้ได้รับการยอมรับแล้ว
คทาแอบหัวเราะอย่างเงียบๆ ในที่สุดมันก็หลอกไอ้มิกกี้เมาส์นี่ได้
มันพยายามอย่างหนักที่จะกั้นหัวเราะไว้ “เนื่องจากข้าคือชนชั้นสูง ข้าจะบอกเจ้าว่าถึงผลรับของข้อตกลงนี้เมื่อถึงช่วงสิ้นสุดของการใช้จ่าย”
สือเหล่ยส่ายหัว “ไม่ ข้อตกลงนี้ต้องรวมเข้าไปแล้วเพราะแกบอกฉันแล้วว่าฉันเหลือเงินเท่าไร แม้ว่ามันจะห่างไปจากที่ฉันคำนวณเล็กน้อย แต่มันก็แค่หลักสิบซึ่งไม่น่าเกี่ยวกับข้อตกลงของตระกูลไป่ ซึ่งหมายความว่าบัตรสีดำได้ยอมรับข้อตกลงนี้แล้วเนื่องจากมันยอมรับแล้ว ข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมจึงต้องเกิดขึ้