ตอนที่ 376 – พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
สือเหล่ยเมามากเมื่อตอนที่เขากลับบ้านและเขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากการปวดหัวอย่างรุนแรง แม่ของสือเหล่ยบ่นเขาเนื่องจากเดิมทีพวกเขาวางแผนที่จะย้ายของในวันนี้ แต่เมื่อเป็นแบบนี้เธอจึงย้ายของบางส่วนด้วยตัวเองไปก่อน
สือเหล่ยไม่ลุกขึ้นมาจนกระทั่งถึงตอนบ่าย และพวกเขาก็ไม่ได้เลื่อนทริปการไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาซื้อของราวกับคนบ้านและย้ายของทั้งหมดไปยังบ้านหลังใหม่
พวกเขายุ่งจนถึงเวลาอาหารเย็นและเกือบจะจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว แม่ของสือเหล่ยยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นและยิ้มอย่างพึงพอใจให้กับบ้านหลังใหม่
“พวกเราเองก็อยู่ในบ้านกว้าง 100 ตารางเมตรได้เหมือนกัน” แม่ของสือเหล่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
สือเหล่ยวางเรื่องของเว่ยชิงเยว่ไว้ชั่วคราว “พวกเราจะซื้อมันเป็นของเราเองในอนาคต ผมจะซื้อคฤหาสน์ให้พ่อกับแม่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นแม่จะรอชูกชายของแม่ทำให้แม่มีความสุขที่สุดละกัน!” แม่ของสือเหล่ยมีความสุขมากยิ่งขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารเย็น พวกเขาก็ได้ขับรถไปมาอีกสองรอบและย้ายทุกสิ่งทุกอย่างไปบ้านหลังใหม่จนแล้วเสร็จ พวกเขาเสร็จสิ้นการย้ายของแล้ว
ภายใต้การกระตุ้นของสือจงผิงและแม่ของเขา สือเหล่ยได้โทรหาซุนอี้อี้และคุยกับเธอ เขาถามว่าเมื่อไหร่ที่แม่ของเธอจะหยุดและหลังจากมั่นใจว่ามันจะเป็นวันที่ 30 สือเหล่ยจึงได้บอกว่าเขาจะไปรับพวกเธอในวันที่ 29 พวกเธอจะได้ตรงมาที่นี่หลังจากที่แม่ของซุนอี้อี้ทำงานเสร็จ และกลับมาทานมื้อเย็นที่นี่ได้
ในที่สุดสือจงผิงและแม่ของสือเหล่ยก็ปล่อยเขาไปหลังจากยืนยันเวลาได้แล้ว สือเหล่ยเมาค้างและยุ่งมาตลอดทั้งวัน เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง เขาพุ่งเข้าไปในห้องนอนและโยนตัวเองลงบนเตียง
เมื่อเขากำลังจะหลับ โทรศัพท์ของเขาก็เริ่มสั่น สือเหล่ยไม่แม้แต่จะดู เขาเลื่อนโทรศัพท์และเลือกรับมัน
“สวัสดี? ผมกำลังนอน!” สือเหล่ยพูดโดยไม่มีพลังงาน
เสียงของปลายสายฟังดูยุ่งๆ “นายบ้ารึเปล่า? มันสามทุ่มอยู่เลย นายจะนอนแล้วเหรอ? นายอยู่ราศีหมูรึไง?”
สือเหล่ยตื่นขึ้นมาในทันใด พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
เขาลุกขึ้นมองโทรศัพท์และมันก็เป็นซงเมียวเมียวจริงๆ
“คนส่งน้ำ อย่าบอกฉันนะว่าเธอมาที่จี้โจว?”
“ฮีฮี ไม่เซอร์ไพรส์เลย ฉันอยู่หน้าโรงงานของนาย รีบออกมาต้อนรับฉันเร็ว”
สือเหล่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงจากเตียง เขาพูดในขณะที่ใส่รองเท้า “ถ้าฉันไม่ไป เธอจะแหกปากไปทั่วรึเปล่า?”
ซงเมียวเมียวตอบกลับด้วยความรังเกียจว่า “เป็นไปไม่ได้ เสียงของฉันไม่ได้ดังอะไร อย่างไรก็ตาม ฉันจะบีบแตรไปเรื่อยๆจนเพื่อนบ้านของนายไม่สามารถทนได้ มาดูกันว่าพวกเขาจะยอมไหม”
“ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ เธอชนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อเห็นเช่นนั้น สือเหล่ยจึงสวมแจ็คเก็ตและกำลังจะออกไป แต่แม่ของเขาก็พบว่ามันแปลก “ไม่ใช่ลูกบอกว่าปวดหัวเหรอ? ทำไมถึงได้ออกไปข้างนอกอีก?”
สือเหล่ยยักไหล่ “ผมมีเพื่อนมาจากเมืองอื่น เป็นคนที่ไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล แม่คิดว่าเธอเป็นเพื่อนของผม แต่จริงๆแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่โกนหัวของเธอ”
“โอ้ ผู้หญิงจากซีซีคนนั้นงั้นเหรอ? ก้อนหิน แม่ก็ไม่อยากจะพูดนะ แต่ลูกมีแฟนแล้ว ลูกควรเรียนรู้ที่จะรักษาระยะห่างของลูกผู้หญิงคนอื่นๆด้วย”
สือเหล่ยกรอกตาของเขาและคิด ‘ผมคงทำไม่ได้แม้ว่าผมเองจะอยากรักษาระยะห่างกับยัยผู้หญิงบ้าคนนี้เหมือนกัน’
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดเรื่องนั้นกับแม่ของเขาได้ “เมื่อครั้งล่าสุดเธอช่วยผมไว้ตั้งเยอะโดยที่ผมไม่ได้ขอเลย ในตอนนี้เมื่อเธออยู่ในจี้โจว ผมจึงไม่สามารถเมินเฉยต่อเธอได้ ไม่ต้องห่วง ผมจะกลับมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“อย่าขับรถล่ะ แม่ยังได้กลิ่นเหล้าจากตัวลูกอยู่เลย คืนนี้อย่าดื่มอีกละกัน” แม่ของสือเหล่ยมองออกไปจากห้องด้วยความเป็นกังวลและเตือนสือเหล่ยที่เดินลงไปแล้ว
สือเหล่ยเดินนวยนาดไปด้านหน้าของโรงงาน และตามที่คาดไว้ เขาเห็นรถจอดอยู่ติดกับป้ายรถเมล์ มันแตกต่างจากครั้งล่าสุดอีกครั้ง มันคือ STV Raptor แม้ว่าด้านหลังของรถจะถูกปิดไว้ แต่มันก็ยังดูใหญ่เกินไป
เขาไม่รู้ว่าซงเมียวเมียวกำลังคิดอะไรอยู่ถึงชอบรถเหล่านี้ที่เป็นของผู้ชาย สือเหล่ยไม่ได้ชอบรถพวกนี้เลยแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย
เขาเคาะกระจกและซงเมียวเมียวก็ปลดล็อกประตูหลังจากเห็นว่ามันเป็นเขา
สือเหล่ยเข้ามาและซงเมียวเมียวได้ถามด้วยความไม่พอใจว่า “ทำไมนายถึงได้ช้านัก?”
“ฉันบอกเธอว่าฉันกำลังนอนอยู่ ฉันต้องลุกขึ้น ใส่เสื้อผ้า และเดินออกมาที่นี่ ทำไมเธอถึงมาที่จี้โจวอีก?”
“เพราะฉันคิดถึงนาย ฮีฮี ไปกันเถอะ ไปกินลูกชิ้นกับฉัน” ซงเมียวเมียวหัวเราะคิกคักและเธอดูเหมือนจะพอใจกับตัวเองมาก “ฉันไม่ยอมปล่อยให้เว่ยชิงเยว่นำหน้าฉันไปได้หรอกนะ”
สือเหล่ยได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ จากน้ำเสียงของเธอ เธอดูเหมือนจะไม่ทราบว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ย สำหรับรายละเอียดเขาต้องสอบสวนเพิ่มเติม
“ฉันไม่มีปัญหากับมันหรอกนะ แต่คืนนี้ฉันไม่ดื่ม เมื่อคืนฉันดื่มกับเว่ยฉิงมาหนักมาก”
ซงเมียวเมียวขับรถและเหลือบมองสือเหล่ย “ไม่แปลกเลยที่นายดูเหนื่อยขนาดนั้น เอาเถอะ ฉันมีน้ำธรรมดาๆให้นายอยู่น่า”
เพราะเป็นฤดูหนาว แม้ว่ามันจะเป็นฤดูหนาวที่ค่อนข้างอบอุ่น แต่การนั่งอยู่ในแผงข้างทางมันก็ยังหนาวอยู่เล็กน้อย
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ดื่ม พวกเขาห่อใส่ถุงและมากินกันในรถของซงเมียวเมียว
ซงเมียวเมียวกินโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของเธอและสือเหล่ยก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่าเธอเกิดในตระกูลข้าราชการ เธอทำหน้าตาบูดเบี้ยวจากความเจ็บปวดและสั่นจากเครื่องเทศ แต่บอกว่ามันรู้สึกดี
“ไอ้หยา ไม่ไหวๆ เผ็ดมาก ฉันจะตายแล้ว” ซงเมียวเมียวตะโกนออกมาหลังจากกินเสร็จ “ฉันกำลังจะตาย ฉันกำลังจะตาย ฉันกำลังจะตายจริงๆ”
แต่หลังจากจิบโค้กเข้าไป เธอก็หยิบขึ้นมาอีกไม้ “โอ้ ดี ฉันจะตายอีกครั้งแล้ว!”
สือเหล่ยหัวเราะครึ่งโกรธให้กับผู้หญิงคนนี้ที่มีเบื้องหลังอันยิ่งใหญ่ เขาพูดไม่ออกเลย
“โอ้ใช่ เว่ยชิงเยว่รุกหนักด้านความสัมพันธ์กับนายเมื่อเร็วๆนี้ใช่ไหม?” ซงเมียวเมียวสูดหายใจเข้าและถาม
“ฉันไม่ได้ติดต่อกับเธอมาสักพักแล้ว”
“จริงเหรอ?”
สือเหล่ยพยักหน้า “เธอมีข้อตกลงอะไรกัน?”
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงสองคน นายเป็นผู้ชาย ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกน่า”
สือเหล่ยวางไม้ในมือของเขาลง “เธอรู้ไหมว่าเว่ยชิงเยว่ก็เป็นคนบ้าเหมือนกัน?”
ซงเมียวเมียวเบิกตาของเธอและก่นดา “สือเหล่ย ฉันจะบอกให้นะ อย่าทำน้ำเสียงเหมือนกับว่าฉันเป็นผู้ชายแบบนั้น ถ้านายพูดกับฉันแบบนี้ วันนี้ฉันอาจจะเป็นผู้ชายจริงๆและกินนายในรถ” เธอยังได้พยักหน้ากับตัวเองราวกับว่าเธอพึงพอใจกับตัวเอง “อืม ในรถก็น่าจะกว้างพอสำหรับพวกเรา ครั้งแรกในรถ ไม่เลวเลย!”
สือเหล่ยทำได้เพียงแค่กำหมัดของเขา และหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ขู่ “ฉัคคิดว่าเธอจะเข้าข้างตัวเองมากไปแล้วนะ ใครจะกินใครกัน? ถ้าเธอกล้าตอแยกับฉันแม้เพียงเล็กน้อย เธอควรจะระวังตัวหน่อยนะ ฉันอาจจะผูกเธอไว้กับรถและโยนเธอออกไปข้างนอก”
ซงเมียวเมียวหัวเราะคิกคักและทำหน้าทำตา “นายทนทำแบบนั้นไม่ได้หรอกน่า”
“คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ? โอ้ ใช่ เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเธอมาที่นี่ทำไมเอาดึกป่านนี้”
ซงเมียวเมียวขมวดคิ้ว “ฉันเพิ่งออกมาตอนมื้อเย็น มันอยู่ห่างไปกว่า 200 กิโลเมตร นายต้องขับรถคันนี้โดยใช้เวลาอย่างน้อยถึง 3 ชั่วโมง ฉันกำลังจะมาทานมื้อเย็นกับนาย แต่มันก็ดึกเกินไปเรื่องจากฉันใช้เวลาไปกับการเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง ฉันไม่สามารถกินข้าวที่บ้านได้ในวันนี้และไม่อยากเจอคนที่ฉันไม่อยากจะเจอ”