ตอนที่ 373 – สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลเว่ย
สือเหล่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเว่ยชิงเยว่ในทันที ลางไม่ดีที่เขาเคยรู้สึกปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันเป็นความอับอายที่สือเหล่ยไม่ได้ให้ความสนใจกับเว่ยชิงเยว่ในเวลานั้น เขาคิดว่าจะไม่มีใครสามารถทำอันตรายต่อตระกูลเว่ยได้
เว่ยฉิงรู้คำตอบอยู่แล้วเมื่อเขาเห็นการกระทำของสือเหล่ย เขาส่ายหัว “อย่าเสียเวลาเลย ฉันลองโทรหาเธอดูแล้ว แต่โทรศัพท์ของเธอปิดอยู่”
แน่นอนว่าสือเหล่ยไม่หยุดโทรเพราะสิ่งที่เว่ยฉิงกล่าว ไม่นอนหลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยผ่านทางโทรศัพท์
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เสียงของเว่ยชิงเยว่ มันเป็นเสียงของระบบ
โทรศัพท์ของเว่ยชิงเยว่ถูกปิดอยู่!
“มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ย?” สือเหล่ยมองไปที่เว่ยฉิงด้วยความไม่เชื่อ ดวงตาของเขาแดงก่ำขึ้นมาในทันทีและในเวลานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเขาและเว่ยชิงเยว่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว พวกเขาสนิทสนมกันมากกว่าแค่เพื่อน
เว่ยฉิงยังคงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้ ฉันไปเจอคนและถามหลายๆคน แต่ก็ไม่มีใครรู้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงแปลก เว่ยชิงเยว่ไม่น่าจะหายตัวไปอย่างไม่มีเหตุผล มันต้องเป็นเพราะตระกูลเว่ยตกอยู่ในอันตราย แต่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเว่ย พวกเขาจะเจอกับอันตรายแบบนั้นขึ้นมาอย่างเงียบๆได้ยังไง?”
หัวใจของสือเหล่ยเต็มไปด้วยความวอกแวกและเขาก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไป แต่เขาก็เข้าใจว่าเขาไม่ควรตีตนไปก่อนไข้ ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ยจริงๆ เขาก็ไม่สามารถคิดถึงใครอื่นในโลกนี้ที่สามารถช่วยพวกเขาได้นอกซะจากตัวสือเหล่ยเอง ไม่ใช่ว่าสือเหล่ยมีอำนาจ แต่เป็นเพราะสือเหล่ยมีสิ่งที่เรียกว่าบัตรสีดำอยู่ในมือ
ความรู้ความเข้าใจที่บัตรสีดำมอบให้กับสือเหล่ยคือสิ่งที่มีอำนาจล้นฟ้า
ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแค่ไม่สามารถติดต่อกับเว่ยชิงเยว่ได้ บางทีพ่อของเธออาจจะส่งเธอไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่สามารถติดต่อได้ หรือบางทีนายท่านเว่ยอาจจะไม่สามารถทนกับความสัมพันธ์ของเว่ยชิงเยว่กับเขาได้และกักบริเวณเธอ แน่นอนว่าสือเหล่ยรู้ว่าทั้งสองความเป็นไปได้นั้นต่ำมากและเขาก็ปลอบตัวเองไปเท่านั้น
แต่ความรู้สึกไม่สงบในใจของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าสือเหล่ยก็ดื่มเหล้าไปแล้ว 3 – 4 แก้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถข่มความรู้สึกไม่สบายใจนี้ไว้ได้
ไม่สิ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยเขาก็ต้องยืนยันให้ได้ว่าเว่ยชิงเยว่ยังปลอดภัยดี
สือเหล่ไม่ได้ห่วงใยใครอื่นในตระกูลเว่ย แต่เขาแค่ห่วงเว่ยชิงเยว่!
“นายมีเบอร์ของนายท่านเว่ยมั้ย?” ดวงตาของสือเหล่ยแดงก่ำราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกขังไว้
เว่ยฉิงหัวเราะออกมาอย่างโศกเศร้า “ขอล่ะ ฉันเป็นแค่คนรุ่นหลัง ฉันจะมีเบอร์ของคนอย่างนายท่านเว่ยได้อย่างไร”
“หยูปันจือ นายมีใช่ไหม?”
เว่ยฉิงพยักหน้า “ฉันคิดว่าหยูปันจือน่าจะบอกเบอร์ของนายท่านเว่ยให้กับนาย อย่างไรก็ตาม ฉันกังวลว่านายท่านเว่ยจะยอมให้นายพูดจนจบไหม หรือไม่ก็จะรับสายนายไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้”
“เขายอมแน่!” สือเหล่ยพยักหน้าด้วยความมั่นใจในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งและหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะออกมาโทรหาหยูปันจือ
……
ณ ริมแม่น้ำเมืองหวูตง หยูปันจือยืนอยู่บนยอดตึกแห่งหนึ่งและหันหน้าเข้าหาเสียงคำรามของคลื่น เขามองเห็นแสงสลัวของเรือผ่านไปในบางครั้งและฟังเสียงหวีดหวิวต่ำจากระยะไกล
เมื่อโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาได้วางแก้วชาในมือลง เขาหยิบมันขึ้นมาและยิ้ม “อย่างที่คาดไว้ เขาโทรมา”
“น้องสือ มันดึกไปหน่อยมั้ง” เสียงของหยูปันจือฟังดูเนิยบนาบ
สือเหล่ยข่มความกระวนกระวายภายในใจของเขาเอาไว้และพูดอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “พี่หยู ผมขอเบอร์นายท่านเว่ยจากพี่หน่อย”
หยูปันจืออึ้งไปสักครู่ เบอร์ของนายท่านเว่ย? ไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้ควรที่จะถามฉันว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ยหรือไม่อย่างนั้นเหรอ? หรือเขาไม่เข้าใจประโยคที่ฉันพูดออกไปเมื่อคืนนั้นภายในรถ? บางทีเขาอาจจะมองสิ่งต่างๆไปตามธรรมชาติ เขามีชะตากรรม แต่เขาไม่ได้มีหัวใจของพระโพธิสัตว์
“นายต้องการเบอร์ของเขาไปทำไม?”
“ผมอยากติดต่อเขา พี่หยู พี่ก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
หยูปันจือหยุดไปและตัดสินใจที่จะเตือนสือเหล่ยอีกครั้ง “นายรู้ว่านายสามารถถามฉันได้”
สือเหล่ยพูดคำต่อคำ “ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ย พี่หยู พี่ต้องมีส่วนกับมัน ถ้าผมถามพี่ มันอาจจะดูไม่ดีเท่าไร ผมต้องถามนายท่านเว่ยเอง!”
หยูปันจืออึ้งไปกับคำพูดของเขา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า หินก้อนนี้ช่างเป็นหยกที่งดงามเหลือเกิน ฉันคิดว่านายจะไม่สนใจคำใบ้ที่ฉันบอกนายไป แต่นายกลับคิดมันมากกว่าที่ฉันใบ้ให้กับนาย ได้ ฉันจะส่งเบอร์ไปให้” จากนั้นหยูปันจือก็วางสายไป
หยูปันจือถือโทรศัพท์ไว้แต่ไม่ได้ส่งเบอร์ของนายท่านเว่ยให้สือเหล่ยในทันที กลับกัน เขาเหลือบมองไปที่อีกฝากหนึ่งของริมฝั่งแม่น้ำ เขามองไม่เห็นอะไรในค่ำคืนที่มืดมิด แต่หยูปันจือก็รู้ว่ามีป่าเล็กๆอยู่ที่อีกฝั่ง ภายนอกป่ามีบ้านพักของโรงงานที่พังแล้วอยู่หลายหลัง
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้มีหัวใจของพระโพธิสัตว์ แต่เขาตระหนักได้ถึงเจตนารมของพระโพธิสัตว์ เอาล่ะ เฉินหยานวี่บอกให้ฉันยอมรับนายเป็นลูกศิษย์ของฉัน ฉันไม่เต็มใจเพราะฉันควรจะปฏิบัติต่อนายเหมือนเป็นเด็กน้อย แต่วันนี้ สือเหล่ย สือเหล่ย นายทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด ดี ฉันจะรับนายเป็นลูกศิษย์ของฉัน”
……
สือเหล่ยรออยู่นานก่อนที่จะได้รับข้อความจากหยูปันจือ มันมีเพียงแค่หมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น เขาไม่ได้ส่งคำพูดอะไรมาด้วย
สือเหล่ยกดไปที่เบอร์ในทันทีและโทรออก
ตู๊ด…
ตู๊ด ตู๊ด…
หลังจากสามครั้ง สือเหล่ยก็ได้ยินเสียงของนายท่านเว่ยที่เขาเคยได้ยินมาก่อนอีกครั้ง
“สหายเก่าคนไหนโทรหาฉันเอาในเวลาแบบนี้?” เสียงของนายท่านเว่ยฟังดูไม่แยแสราวกับว่าเขาไม่ได้มีเรื่องผิดปกติอะไร สือเหล่ยไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ยก่อนที่เขาจะโทรหาหยูปันจือ แต่ตอนนี้ มันไม่มีคำถามใดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
สือเหล่ยอดไม่ได้ที่จะยกย่องนายท่านเว่ย ตามที่คาดไว้ของคนที่ยืนอยู่บนจุดยอดของโลกใบนี้ ไม่มีสายลมหรือสายฝนครั้งไหนที่ทำให้เขาตื่นตระหนกได้
เว้นเสียแต่ว่ามันน่าเสียดายที่ประวัติของนายท่านเว่ยได้พัฒนาขึ้นมาจากครอบครัวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร
และตอนนี้ ในขณะที่เขากำลังจะสูญเสียอำนาจของตัวเองไป เขายังได้เหลือความแข็งแกร่งทิ้งไว้เบื้องหลังราวกับหอคอยที่พังทลายลง แต่คงไว้ซึ่งรากฐาน
“นายท่านเว่ย ผมสือเหล่ย” สือเหล่ยพูดเบาๆใส่โทรศัพท์ของเขา ภายใต้อิทธิพลของนายท่านเว่ย สือเหล่ยสงบตัวลงโดยไม่คาดคิด
เขากุมโทรศัพท์ไว้และเดินไปที่ประตูหน้าของโรงแรมอย่างช้าๆ เขาเดินออกไปยืนรับสายลมหนาวในขณะที่เขารอฟังการตอบสนองของนายท่านเว่ย
เมื่อนายท่านเว่ยได้ยินสือเหล่ยพูดชื่อของเขาว่า “นายท่านเว่ย” เขาก็จำได้ขึ้นมาในทันที
เขาเคยสนทนาสั้นๆกับสือเหล่ย สือเหล่ยไม่ได้พูดอะไรมากในเวลานั้น เขาแค่บอกนายท่านเว่ยว่าระดับของเขาสูงกว่าของนายท่านเว่ย นายท่านเว่ยเข้าใจเรื่องนี้ดีเนื่องจากเขารู้ว่าสือเหล่ยอยู่ในรายชื่อวีไอพีของดวงตาแห่งรัตติกาล ซึ่งมีระดับสูงกว่าเขา มันเป็นคำเตือนให้นายท่านเว่ยหยุดการสืบสวนสือเหล่ย แม้ว่าสือเหล่ยจะไม่ได้ตอบสนองอะไร แต่ดวงตาแห่งรัตติกาลจะไม่ยอมให้ลูกค้าระดับต่ำตรวจสอบลูกค้าที่มีระดับสูงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวองค์กร
นายท่านเว่ยไม่คิดว่าสือเหล่ยจะโทรหาเขาในเวลานี้
“ฮ่าฮ่า เป็นนาย ขอโทษที ฉันขอไม่บอกนะว่าชิงเยว่อยู่ที่ไหน แต่นายสามารถมั่นใจได้เลยว่าเธอสบายดี”
นายท่านเว่ยยิ้ม