ตอนที่ 378 – พี่เขยและหนูขาว
ความเป็นจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าซงเมียวเมียวเป็นคนที่มีเส้นสายมากมาย
แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักสถานที่และคนที่นี่ แต่เธอก็มีความสามารถในการหาสิ่งที่จะเล่น
เธอโทรศัพท์ไม่กี่ครั้งและก็มีคนขับรถมายังที่ที่พวกเขาอยู่อย่างรวดเร็ว คนขับรถเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี เขาดูอ่อนเยาว์กว่าสือเหล่ย
ชายหนุ่มยิ้มให้ซงเมียวเมียวทันทีเมื่อเขาลงมาจากรถ และตะโกน “พี่ซง ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าพี่มาจี้โจว? พ่อบอกผมว่าคราวที่แล้วพี่มาที่นี่ ผมบอกว่าผมอยากจะมาเล่นกับพี่ แต่เขาก็ห้ามผมไว้”
ซงเมียวเมียวหัวเราะและยีผมของชายหนุ่ม เธอไม่หยุดจนกระทั่งทำให้มันยุ่ง “ไอ้หนูขาว [TLN: หนูในที่นี้คือหนูจริงๆ เพราะอิ้งใช้ครับว่า Rat] นายสูงขึ้นหนิ! ฮ่าฮ่า พี่สาวไม่ได้เจอนายหลายปีเลย”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหนูขาวเบ้ปากและบ่น “พี่ซง ผมบรรลุนิติภาวะแล้วนะ พี่ไม่สามารถมายีผมของผมได้เหมือนเมื่อผมยังเป็นเด็กนะ ผมคิดว่าผมโง่ก็เพราะพี่ทำแบบนี้นี่แหละ”
ซงเมียวเมียวยังหัวเราะ “ทำไม? ตอนนี้นายโตขึ้นแล้วและฉันก็ไม่สามารถเล่นกับนายได้แล้วเหรอ?”
หนูขาวดูสับสนมาก เมื่อเขาเห็นสือเหล่ย เขาก็วิ่งเข้าไปหาในทันที “นี่คือพี่เขยงั้นเหรอ? อืม ไม่เลว พี่หล่อมาก แต่ก็แน่นอน ไม่หล่อเท่าผม พี่ซง ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบสิ่งที่พวกเขาพูด พี่กำลังทำมันเพื่อตั้งใจให้ลุงซงโกรธ!”
ซงเมียวเมียวมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีกหลังจากได้ยินแบบนั้น เธอเอื้อมมือไปที่หนูขาวและยีมันในขณะที่เขาบ่น
สือเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ผมก็แค่เพื่อนธรรมดาๆของพี่สาวนาย อย่าเข้าใจผิดเลย”
ซงเมียวเมียวไม่พอใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอหันไปถลึมตาใส่สือเหล่ย “นายรู้สึกแย่งั้นเหรอที่ได้เป็นแฟนของฉัน?”
สือเหล่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันรู้สึกแย่จริงๆ”
ซงเมียวเมียวโกรธมากจนเธออยากจะเตะเขา แต่ก็นึกได้ถึงทักษะการต่อสู้เหนือมนุษย์ของสือเหล่ย เธอชี้ไปที่สือเหล่ย “ถ้านายไม่ใช่ผู้ชาย นายคงตายไปแล้ว ผู้หญิงดีๆเค้าไม่เตะผู้ชายหรอก!”
“ฉันอยากเห็นเธอลองนะ ถ้าเธอทำได้ งั้นไม่ลองเตะฉันดูล่ะ?” สือเหล่ยโต้กลับไป ทำให้ซงเมียวเมียวอ้าปากค้างแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
หนูขาวหัวเราะและยื่นมือของเขาออกมา “สวัสดีครับพี่เขย ผมไป่ชู ชูที่มาจากคำว่าพิเศษ ผมจะเรียกพี่เขยว่ายังไงดี?”
สือเหล่ยไม่สามารถจับมือกับเขาได้ ถ้าเขาทำ ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นการยอมรับว่าเขาเป็นพี่เขยของไป่ชูงั้นเหรอ? แต่ซงเมียวเมียวก็พูดขึ้น “แค่เรียกเขาว่าพี่เขยก็พอ”
สือเหล่ยรีบคว้ามือของไป่ชู “อย่าไปฟังเธอ ถ้าฉันอยากได้แฟน ฉันคงจะมองหาผู้หญิง ฉันสือเหล่ย หินสี่ก้อน”
ไป่ชูหัวเราะเสียงดัง “ก็ได้ ผมเข้าใจพี่เขย พูดก็พูดเถอะ พี่สยบพี่ซงของผมได้ยังไง? โอ้พระเจ้า ผมคิดว่าพี่น่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่กล้าพูดกับเธอแบบนั้น”
ซงเมียวเมียวไม่สามารถทำอะไรกับสือเหล่ยได้แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอจะทำอะไรกับไป่ชู เธอตบหัวเขาและกล่าวว่า “ไอ้เด็กบ้า นายคิดว่านี่เป็นเรื่องตลกนักเหรอ? นายคันงั้นเหรอ? นายต้องการให้พี่สาวคนนี้เลาะกระดูกออกให้ไหม?”
ไป่ชูรีบกระโดดถอยหลัง และประสานมืออ้อนวอน “ปล่อยผมไปเถอะพี่ซง ไว้หน้าผมบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าพี่เขย”
ซงเมียวเมียวกำลังจะพยายามทำให้เขากลัว แต่เธอก็รู้สึกพึงพอใจเพราะไป่ชูเรียกสือเหล่ยว่า ‘พี่เขย’
อย่างไรก็ตามสือเหล่ยกลับไม่พอใจ “เอาล่ะ ตอนนี้เธอก็มีคนเล่นด้วยแล้ว งั้นฉันไปก่อนล่ะ”
“นายจะไปไหน? ฉันจะบอกให้นะ วันนี้นายจะไม่ได้ไปไหนก่อนที่ฉันจะนอน!” ซงเมียวเมียวกางแขนออกและยืนอยู่ตรงหน้าสือเหล่ย สือเหล่ยหยุดไปเนื่องจากเขาไม่สามารถโยนเธอออกไปได้เพราะเขาไม่สามารถทำมันได้ถ้าไม่ใช่บัตรศิลปะการต่อสู้
“พี่ซง พี่ขับรถเองนะ ให้พี่เขยมานั่งกับผมก่อน ผมจะได้เรียนรู้จากเขาบ้าง” ไป่ชูยิ้มอย่างซุกซน
ซงเมียวเมียวกรอกตาของเธอ “อะไร นายอยากจะเรียนรู้วิธีการจัดการกับฉันจากเขางั้นเหรอ?”
“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? ผมแค่อยากจะสนิทกับพี่เขยให้มากขึ้นหน่อย ไม่ใช่ว่าเขาก็มาจากจี้โจวเหมือนกันงั้นเหรอ? ผมควรจะคุยกับเขาให้มากหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
ซงเมียวเมียวไม่ได้สนใจอะไรมากในขณะที่เธอเข้าไปในรถของเธอและไป่ชูก็นำสือเหล่ยมายังรถของเขาในขณะที่เขาโค้งคำนับ
รถของเขาไม่ได้ฉูดฉาด มันเป็นแค่ออดี้ที่มีราคาประมาณ 200,000 หยวน แน่นอนว่ามันไม่ได้สบายเท่ากับการนั่งในรถอันกว้างขวางของซงเมียวเมียว
“พี่เขย พี่ทำงานที่ไหน?” ไป่ชูสตาร์ทรถและยิ้ม
สือเหล่ยส่ายหัว “ฉันกำลังจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยในเดือนกรกฎาคมนี้ฉันยังไม่ได้ทำงาน”
“ฮะ? งั้นพี่ก็เด็กกว่าพี่ซงสิ?”
“ใช่ แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่เขยทุกๆประโยคก็ได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับซงเมียวเมียว”
“ฮีฮี ถ้าพี่ว่างั้น บางทีตอนนี้พี่อาจจะไม่ได้เป็นอะไรกับเธอมากมายจริงๆ แต่กับพี่ซงของผม ไม่มีอะไรที่เธอต้องการแล้วเธอจะไม่ได้นับตั้งแต่เธอยังเด็ก โอ้พี่เขย ผมได้กำลังจะบอกว่าพี่เป็นสิ่งของ พี่ไม่ใช่… เอ่อ ไม่สิ พี่ไม่ใช่แค่สิ่งของ… บัดซบ มันเหมือนกับผมกำลังด่า…”
สือเหล่ยส่ายหัว “เอาเถอะ หยุดอธิบายได้ละ ขับรถไปเถอะ”
ไป่ชูหัวเราะคิกคักและถาม “พี่ชาย ผมไม่ได้บอกพี่ก่อน พี่ของผมคือ…”
“พี่ของนายคือรองนายกเทศมนตรีไป่ ฉันเจอเขามาแล้ว”
“งั้นพี่ก็รู้! เอาล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็อย่าสุภาพกับผมเลย ผมไม่สามารถสัญญาอะไรอย่างอื่นได้ แต่ในจี้โจว… ฮ่าฮ่า พี่สามารถทำให้แม้กระทั่งพี่ซงเชื่องได้ขนาดนั้น ผมคิดว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรที่พี่แก้ไม่ได้ในจี้โจว แต่พี่เคย เรามาแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม? พี่บอกผมหน่อยได้ไหมว่าพี่เอาเธอลงได้ยังไง?”
สือเหล่ยพูดไม่ออก “ฉันไม่ได้มีอะไรกับซงเมียวเมียวจริงๆ ลืมมันไปเถอะ นายไม่เข้าใจมันหรอก โอ้ใช่ นายจะพาเธอไปทำอะไร?”
“ไม่มีอะไรมาก แค่ปาร์ตี้ ผมชวนคนมากลุ่มหนึ่งและพวกเขาก็เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อพวกเราไปถึง โอ้ ผมเชิญกลุ่มนางแบบมาร่วมแสดงด้วย พวกเธอมาจากรัสเซีย พวกเธอสูงกว่า 180 เซนติเมตรกันทั้งนั้น ขาก็ยาว และผิวใต้คอของพวกเธอก็ขาวยังกะหิมะ พี่เขย ถ้าพี่สนใจ ผมจะ… โอ้ ไม่ พี่ซงก็อยู่และคืนนี้พี่คงทำไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าพี่ต้องการ บอกผมได้ทุกเมื่อเลย ผมจะจัดการให้เองโดยไม่ปล่อยให้พี่ซงรู้”
สือเหล่ยพูดไม่ออกจริงๆ เด็กคนนี้พูดมากจริง เขาพูดกับตัวเองตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในรถ
พวกเขาขับออกมาจากเมือง อย่างไรก็ตาม จี้โจวก็มีขนาดเล็กและมันก็ไม่ได้ไกลอะไรนัก พวกเขามาถึงภายใน 20 นาที
มันอยู่ข้างแม่น้ำ แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่น มีอาคารขนาดเล็กแห่งนี้สว่างไสวไปด้วยแสงไฟและพวกเขาก็สามารถได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกล
สือเหล่ยเริ่มปวดหัวแต่เขาดันมาถึงแล้ว เขาเดินตามไป่ชูออกมาจากรถ และรอซงเมียวเมียวเพื่อเดินเข้าไปด้วยกัน
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไป ไป่ชูก็ตะโกนออกมา “ปิดเพลง ให้ฉันได้เปิดตัวก่อน!”
คนที่รับผิดชอบดนตรีปิดมันและไป่ชูก็พุ่งไปคว้าไมค์ “นี่คือนายท่านซงในตำนาน!”
ซงเมียวเมียวเล่นด้วยและโบกมือให้กับทุกคนราวกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่
จากนั้นไป่ชูก็พูดอีกครั้งว่า “ถัดจากนายท่านซงก็คือพี่เขยของฉัน ทุกคนสามารถเรียกเขาว่าพี่เขยเหมือนกับฉันได้!”
สิ่งทุกๆประเภทดังมาจากทั่วทุกทิศทางซึ่งได้เรียกเขาว่าพี่เขย มันทำให้สือเหล่ยพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ได้สนใจที่จะจัดการกับเด็กๆในขณะที่เขาหามุมๆหนึ่งและเอนตัวลง