ตอนที่ 366 – การมาถึงของเจ้าชาย
คนขับที่ชื่อหวังเพิงอึ้งไป
ไม่ต้องพูดถึงว่าเจียงหยวนเชาได้ขับรถอะไรมาและกล้าชน BMW 730 เขาไม่ได้เห็นใครอยู่ในสายตาตั้งแต่แรกเลย ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาชื่อหวังเพิงและรู้ว่าเขาทำงานอะไรได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเจียงหยวนเชารู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับตัวเขาและไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเขาเลย
จากน้ำเสียงของเจียงหยวนเชา เขาก็สนใจแม้กระทั่งว่าเขาเป็นคนขับรถของรัฐบาล
ไม่ว่าจะยังไง หวังเพิงก็เอาตัวรอดมาได้เสมอด้วยการพึ่งใบบุญของผู้นำในเมือง บางทีเขาอาจจะไม่เก่งในเรื่องอื่นๆ แต่เขาก็มีทักษะในการสังเกตขั้นพื้นฐาน มิฉะนั้นแล้ว เขาคงจะไม่เอาตัวรอดมาได้ถึงทุกวันนี้
เมื่อเจียงหยวนเชาเรียกชื่อของเขา หัวใจของหวังเพยก็เต้นอย่างรุนแรง เขาไม่กล้าโต้กลับไป
อย่างไรก็ตาม ลูกชายของหวังเพิง หวังเซียวหยูก็ไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้มากเท่ากับพ่อของเขา เขาถูกกระแทกลงกับพื้น เขาเสียหน้าและเจอกับความสูญเสีย เมื่อเห็นว่าเจียงหยวนเชากำลังสั่งสอนพ่อของเขา เขาได้ผุดลุกขึ้นในทันทีและทะยานเข้าใส่เจียงหยวนเชาอีกครั้ง
เจียงหยวนเชาไม่ได้อยู่ในโหมดป้องกันตัวและเขาไม่ได้มีฝีมือเท่ากับคนที่ถูกสิงสู่โดยปรมาจารย์แห่งการต่อสู้ เขาแค่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยและเขาก็ไม่สามารถป้องกันตัวจากการโจมตีข้างหลังได้
เจียงหยวนเชากระแทกกับรถของเขาหลังจากถูกผลักจากข้างหลังอย่างรุนแรง หัวของเขากระแทกกับหน้าต่างและเขาก็รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
หวังเซียวหัวปล่อยหมัดตามมา และกระแทกกำปั้นลงบนแก้มของเจียงหยวนเชา
หมัดนี้ได้ปลุกเจียงหยวนเชาให้ได้สติ เมื่อหวังเซียวหัวเหวี่ยวกำปั้นของตัวเองอีกครั้ง เขาก็คว้าข้อมือของหวังเซียวหยูไว้และบิดมันด้วยแรงทั้งหมด
หวังเซียวหยูเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ เขาพึ่งพาชื่อเสียงของบิดาในการทำงานเป็นคนขับรถของรัฐบาล มันเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงผยองแบบนี้ แต่ในความเป็นจริง เขาผอมพอๆกับถั่วงอกและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเจียงหยวนเชาได้
เขากัดฟันด้วยความเจ็บปวดแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่เบี่ยงแขนเท่านั้น ฝ่ายเจียงหยวนเชานั้นได้ใช้แรงไปมากจนทำให้เขาดันหวังเซียวหยูล้มลงไปกองกับพื้นและย่ำหลังของเขาซ้ำไปอีก หวังเซียวหยูทอดตัวอยู่บนพื้นในขณะที่ใบหน้าของเขาถูกกดลงกับพื้นคอนกรีตและปากของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด
หวังเซียวหยูไม่ได้มีความสามารถใดๆแต่เขาดันเป็นคนอารมณ์ร้อน แม้ว่าปากของเขาจะเต็มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ยังก่นด่าออกมาโดยไม่สนใจอะไร
เจียงหยวนเชาไม่สนใจเขาและเหยียบลงไปบนแผ่นหลังของเขาด้วยแรงทั้งหมดของตัวเอง เขาไม่เคยถูกทุบตีมาก่อนนับตั้งแต่ยังเป็นเด็กและเขาก็เกลียดขี้หน้าหวังเซียวหยูมากที่ดันมาผลักและชกเขา
ในที่สุดหวังเพิงก็มีปฏิกิริยา ยิ่งเจียงหยวนเชาเกรี้ยวกราดมากแค่ไหน หวังเพิงก็ยิ่งรู้ว่าเขาไม่สามารถรุกรานคนผู้นี้ได้
เขาไม่สามารถทนดูลูกชายของเขาถูกทุบตีต่อไปได้ หวังเพิงทำได้เพียงแค่กุมมือของตัวเองไว้ “คุณครับ พวกเราคุยกันได้ คุณช่วยปล่อยลูกชายของผมก่อนได้ไหมครับ? แบบนี้เขาจะตายเอาได้”
“ตาย? ลูกชายของนายผลักฉันใส่รถและหัวของฉันก็ยังมึนๆอยู่เลย ไม่ใช่ว่าฉันกำลังจะตายมากกว่าเหรอ? ดังนั้นฉันจึงมีสิทธิ์จริงไหม?”
“นั่นคือความผิดของเขา ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา อย่าลดตัวของคุณลงมาเลย คุณจะชกผมแทนสักสองสามครั้งก็ได้ เขาไม่ส่งเสียงอะไรออกมาแล้ว เขาจะตายจริงๆนะถ้าเป็นแบบนี้”
หวังเซียวหยูได้เงียบไปแล้วจริงๆ เขาไม่ได้หมดสติไป แต่เขารู้ตัวว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะส่งเสียงออกมาเพราะมันทำให้เขาต้องเจ็บตัวมากขึ้นเปล่าๆ เขาคิดว่าเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากพื้น เขาจะต้องเรียกคนมาสั่งสอนไอ้เด็กบ้านี่อย่างแน่นอน
เจียงหยวนเชาได้ปลดปล่อยความโกรธของตัวเองออกมาจนพอใจแล้ว เขาเหลือบมองหวังเซียวหยูที่ดูเหมือนสุนัขตายและถ่มน้ำลายลงบนศีรษะของเขาด้วยความดูถูก เขาเตะหวังเซียวหยูให้กลิ้งไปด้านข้าง
หวังเพิงไม่อาจทนเห็นลูกชายของตัวเองทนกลิ้งไปบนพื้นได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอดทนไว้และฝืนยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าคุณแซ่อะไรครับ?”
เจียงหยวนเชาหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไม? นายต้องการตรวจสอบเหรอว่านายสามารถรุกรานฉันได้ไหม?”
หัวใจของหวังเพิงเต้นผิดจังหวะและเขาก็รีบส่ายหัว “ไม่ใช่ๆ ผมหมายถึงว่า… ผม…”
“เขาชื่อเจียงหยวนเชา ตระกูลของเป็นเจ้าของเจียงหยางพร็อพเพอร์ตี้ ไม่แปลกใจเลยที่อสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้ก็เป็นของเขาด้วย” เสียงๆหนึ่งดังออกมาจากข้างหลังเจียงหยวนเชา หวังเพิงเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหลังของเจียงหยวนเชาและเห็นว่ามันเป็นสือเหล่ย
สือเหล่ยไม่ได้ให้ความสนใจในตอนแรกเนื่องจากเขาคิดว่าอย่างน้อยเจียงหยวนเชาจะแจ้งให้เขาทราบเมื่อเขามาถึง อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายได้เกิดขึ้นอีกครั้งและผู้คนได้พูดคุยถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น จากนั้นก็มีคนตะโกนออกมาว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้น สือเหล่ยรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและเขาได้วิ่งเข้ามา
สือเหล่ยปวดหัวขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า เขาไม่คิดว่าเจียงหยวนเชาจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้ เขาได้เสิร์ชหาข้อมูลบางส่วนเมื่อเขากำลังรอเจียงหยวนเชาและพบว่าอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้เป็นของเจียงหยวนเชา มันเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้มีรายได้อะไรมากมาย สือเหล่ยคิดว่าเจียงหยวนเชาจะใช้ตัวตนของเขาในฐานะเจ้าชายและสั่งให้ผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้บอกว่าเขาไม่ได้สัญญาอะไรกับหวังเพิง นี่จะทำให้คำโต้แย้งของหวังเพิงไม่มีน้ำหนักอะไรเลย แม้ว่าสถานีตำรวจจะอยากเข้าข้างเขา แต่พวกเขาก็ยังต้องพิจารณาหลักฐานต่างๆทั้งยังมีตัวตนของเจียงหยวนเชาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยคิดว่าเจียงหยวนเชาจะรุนแรงขนาดนี้และขับรถชนอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าหวังเพิงกำลังพยายามสืบสวน สือเหล่ยจึงได้เปิดเผยตัวจรของเจียงหยวนเชา พวกมันไม่สามารถซ่อนไว้ได้อยู่แล้วและเห็นได้ชัดว่าเจียงหยวนเชาไม่ได้คิดที่จะซ่อนมันเหมือนกัน
หวังเพิงไม่ได้ถามว่าสือเหล่ยกำลังโกหก หัวใจของเขาจมดิ่งเนื่องจากเขารู้ว่าด้วยเจียงหยวนเชาอยู่ฝั่งของครอบครัวหลิน อสังหาริมทรัพย์ของที่นี่ย่อมช่วยครอบครัวหลินอย่างแน่นอน จากนั้น สถานีตำรวจก็คงจะไม่สามารถเข้าข้างเข้าได้แล้ว
เจียงหยางพร็อพเพอร์ตี้เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างใหญ่ในเมือง มันครอบคลุมเกือบทั้งจี้โจวและพวกมันก็มีบริษัทสาขามากมายในบริเวณใกล้เคียง แม้ว่าหวังเพิงจะไม่รู้รายละเอียด แต่เจ้าของเจียงหยางพร็อพเพอร์ตี้นั้นก็เป็นแขกของบุคคลชั้นนำอย่างรองนายกเทศมนตรีที่หวังเพิงไม่สามารถรุกรานได้เลย
ในเวลานั้น เจียงหยวนเชาก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาตะโกนใส่ฝูงชน “คนของที่นี่อยู่ไหนกันตอนมีเรื่องใหญ่ๆแบบนี้เกิดขึ้น? ทำไมไม่มีใครมาที่นี่เลย? ทำไมเอาแต่ยืนดูแบบนี้? ฉันคือเจียงหยวนเชา รีบเรียกผู้จัดการเร็ว ถ้าเขาไม่มาภายในสองนาทีก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”
ฝูงชนแตกฮือ ในความเป็นจริงมีพนักงานที่อยู่ในกลุ่มฝูงชนอยู่ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่กล้าทำอะไร พวกเขาทำได้เพียงแค่เฝ้าชมละครบทนี้จากทางด้านข้างและหวังว่าพวกเขาจะแก้ปัญหากันเองได้ ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้เงินอะไรมากจากที่นี่และพนักงานทุกคนก็มีเงินแค่พอใช้จ่ายเท่านั้น ใครอยากจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองกัน?
แต่เจียงหยวนเชาดันมาที่นี่ เจ้าชายแห่งบริษัทของพวกเขามาและพนักงานก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก
มีคนวิ่งไปแจ้งผู้จัดการในทันที ผู้จัดการเองก็สะดุ้งหลังจากที่ได้รับแจ้งและคิด ‘เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นถึงทำให้เจ้าชายมาที่นี่?’ เขารีบวิ่งมาที่ทางเขาอย่างกระวนกระวายและเขาก็กังวลว่าเขาจะทำงานต่อไปได้อีกไหม
ณ ทางเข้า สือเหล่ยตบไหล่ของเจียงหยวนและพูดด้วยเสียงต่ำ “พี่เจียงหยวน วิธีแก้ปัญหาของพี่นี่มัน…”
จากนั้นเขาก็หันไปทางหวังเพย “คุณหวัง ผมอยากรู้ คุณคิดว่าใครคือตัวปัญหาในวันนี้?”