ตอนที่ 374 – ราคาของการปันผล
แน่นอนว่าสือเหล่ยไม่อาจยอมรับกับคำตอบแค่นี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับนายท่านเว่ยที่กังวลถึงทุกสิ่งอย่างและไม่ใช่เพียงแค่เว่ยชิงเยว่เท่านั้น คำตอบที่ว่า “เว่ยชิงเยว่ไม่เป็นอะไร” นั้นไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย
“มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ยของคุณ?” สือเหล่ยถามเพิ่ม
นายท่านเว่ยถอนหายใจยาวๆออกมา “การเป็นสมาชิกระดับสูงจะมีสิทธิพิเศษอยู่ไม่ใช่เหรอ? ดังที่นายรู้ สิ่งที่รู้กันภายในไม่ใช่สิ่งที่คนภายนอกจะรู้”
“ผมกำลังถามคุณเพราะผมไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่ามีอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตระกูลของคุณ แต่ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย”
“เนื่องจากนายบอกว่านี่เป็นเรื่องของตระกูลเว่ย นายคิดว่าผู้เฒ่าอย่างฉันต้องบอกนายงั้นเหรอ?”
เอ่อ…
นายท่านเว่ยก็ยังคงเป็นนายท่านเว่ย เขาไม่อาจถูกโยกคลอนโดยพายุได้เลย และแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาในวันใดวันหนึ่ง เขาก็ยังคงเป็นนายท่านเว่ยเหมือนเดิม
สือเหล่ยรู้ว่าเสียงของเขาฟังดูตื่นตระหนกมากจนเกินไปและมันทำให้นายท่านเว่ยรู้สึกไม่พอใจ เกี่ยวกับดวงตาแห่งรัตติกาล นายท่านเว่ยสามารถยอมถอยให้ได้เนื่องจากเขารู้ว่ามันมีพลังมากพอที่จะทำลายล้างตระกูลของเขา มันไม่จำเป็นที่เขาต้องสอบสวนอะไรจากสือเหล่ยเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสือเหล่ยบอกกับเขาอย่างชัดเจนว่าระดับของเขาไม่ได้สูงเท่ากับสือเหล่ย
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่านายท่านเว่ยจะยอมถอยให้กับสือเหล่ยในเรื่องอื่นๆ เขาคือเว่ยชางฉิง ชายที่เดินออกมาจากพายุโลหิตและไม่เคยเชื่อในความเมตตาของผู้คน
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสือเหล่ยเป็นแค่ชายที่ลูกสาวของเขาชอบ แม้กระทั่งผู้หญิงที่เขารักและลูกหลายของเขาเองก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขาได้
นายท่านเว่ยกำลังบอกสือเหล่ยว่าเขากำลังให้ความสนใจกับเรื่องของคนอื่นมากเกินไป
สือเหล่ยเรียบเรียงคำพูดต่อไปของเขาอย่างระมัดระวัง “ผมไม่แคร์ว่าตระกูลของคุณจะเป็นยังไงและผมก็ไม่ได้สนใจ แต่ผมสนใจเว่ยชิงเยว่ ดังนั้น นายท่านเว่ย ผมมีคำขอเพียงข้อเดียว; เมื่อคุณไม่สามารถแม้แต่จะรักษาความปลอดภัยของตัวเองไว้ได้และเมื่อเว่ยชิงเยว่กำลังเผชิญกับอันตราย คุณต้องบอกผม ผมไม่สามารถพูดในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ แต่ผมจะอยู่เคียงข้างเธอ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันเพียงพอแล้วที่เว่ยชิงเยว่มีนายเป็นเพื่อนในชีวิตนี้ เอาล่ะ คุณสือ ฉันฟังนายจนเสร็จแล้ว และฉันก็เข้าใจว่านายกำลังหมายถึงอะไร ฉันสัญญาว่าถ้าตระกูลเว่ยของฉันอยู่ในสภาพที่ต้องการการปกป้องจากคนภายนอก ฉันจะมอบชิงเยว่ให้กับนาย!”
หัวใจของสือเหล่ยจมดิ่งลงเล็กน้อย อย่างน้อย เขาก็รู้ว่าเว่ยชิงเยว่ไม่เป็นอะไรและตระกูลเว่ยก็คงจะไม่ได้เผชิญหน้ากับปัญหาร้ายแรงถึงตายอะไร
อย่างไรก็๖าม การมีส่วนร่วมของหยูปันจือหมายถึงการมีส่วนร่วมของตระกูลหยู ตระกูลหยูนับว่าเป็นตระกูลที่สามารถเทียบเคียงกับตระกูลเว่ยได้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลเว่ยย่อมไม่ใช่เพียงแค่ตระกูลเดียวที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ สือเหล่ยค่อนข้างคุ้นเคยกับหยูปันจือและเขารู้ว่าหยูปันจือไม่ใช่คนประเภทที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับอันตรายอะไร
“งั้นผมไม่รบกวนละครับ ผมหวังว่านายท่านเว่ยจะจำคำพูดในวันนี้ได้ สวัสดีครับ”
นายท่านเว่ยถอนหายใจออกมา “สวัสดี”
สือเหล่ยวางสายไปและขบคิดไปพร้อมกับสายลมหนาว
เขามั่นใจมากกับคำพูด แต่ภายใต้สถานการณ์นี้ นายท่านเว่ยก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรมากนัก แน่นอนว่าสือเหล่ยสามารถบอกนายท่านเว่ยได้ว่าระดับของเขาในดวงตาแห่งรัตติกาลนั้นอยู่สูงกว่า แต่นั่นก็เป็นเพราะคทาได้บอกว่าบัตรสีดำเป็นลูกค้าระดับสูงที่สุดในองค์กร เมื่อใช้ตรรกะแบบไบนารี่ ระดับที่สูงที่สุดนับเป็นเอกพจน์ และไม่มีอะไรมากไปกว่ามันแล้ว ดังนั้นระดับของบัตรสีดำต้องสูงกว่าระดับของคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม สือเหล่ยก็ไม่รู้ว่าบัตรสีดำจะสามารถใช้การเชื่อมต่อของเขาเพื่อช่วยเหลือเมื่อเขาขอความช่วยเหลือได้หรือไม่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะช่วยสือเหล่ยหรือไม่
สือเหล่ยกล่าวว่าเขาไม่สนใจตระกูลเว่ย แต่สิ่งที่เขาเป็นกังวลมีเพียงแค่เว่ยชิงเยว่เท่านั้น เขากล่าวเช่นนี้เพราะถ้าเขาต้องขอร้องหยูปันจือ เขาจะได้คิดว่ามันเป็นเพราะสือเหล่ยต้องการช่วยเว่ยชิงเยว่เพียงคนเดียว
นอกจากนี้ สือเหล่ยยังมีตระกูลไป่อยู่เบื้องหลัง
สือเหล่ยไม่รู้ว่าผู้อาวุโสไป่จะช่วยเขาได้หรือไม่ แต่สือเหล่ยรู้ว่าเฉินหยานวี่ แม่บุญธรรมของเขา จะอยู่เคียงข้างเขาอย่างแน่นอน
เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เขามีโอกาสที่จะช่วยเว่ยชิงเยว่ไว้แม้ว่ามันจะน้อยก็ตาม โชคดีที่เขายังมีโอกาสใช้บัตรมหาเศรษฐีอีกครั้ง บัตรใบนี้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ แต่มันก็มีอำนาจอันมหาศาลซ่อนอยู่ภายในนั้น อย่างน้อยมันก็สามารถแสดงออกถึงอำนาจของคนร่ำรวยในระดับสุดยอดได้หนึ่งวัน
และเมื่อคนระดับนั้นโกรธ มันก็คงจะเป็นฉากนองเลือด
เว่ยชิงเยว่ ยัยผู้หญิงบ้า! เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ยเมื่อเธอลากฉันไปที่ภูเขาชิงหลงเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น? ไม่แปลกเลยที่เธอทำตัวแปลกๆ เธอมันเป็นผู้หญิงบ้า แต่นอกเหนือจากนั้น เธอมันยัยผู้หญิงงี่เง่า!เธอรู้ว่าฉันมีอำนาจมากพอและเธอยังสงสัยเกี่ยวกับพื้นหลังของฉันอีก ทำไมเธอถึงไม่บอกอะไรฉันเลย?!
ยัยโง่!
สือเหล่ยรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เขาไม่เคยรู้สึกถึงความสิ้นหวังแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ในเรื่องสไปเดอร์แมน ผู้เขียนใช้เสียงของลุงของสไปเดอร์แมนเพื่อพูดประโยคเชิงปรัชญา – พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
ครึ่งปีที่ผ่านมา สือเหล่ยที่เป็นพวกขี้แพ้ได้ยืนห่างออกมาจากโลกของเขา ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว เขาแทบจะไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไร ความเป็นไปได้เดียวของเขาคือการหางานที่ดีหลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย
แต่ถ้าเป็นสือเหล่ยจากเมื่อตอนนั้น เขาคงจะไม่ต้องรู้สึกถึงความสิ้นหวังราวกับตกลงสู่ขุมนรกในตอนนี้ เขาจะไม่ต้องรับมือกับความกดดันนี้
แต่มันแตกต่างออกไปจากตอนนี้ บางทีในกระดูกของเขา เขาก็ยังคงเป็นคนต่ำต้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยการบ่มเพาะของบัตรสีดำในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีก ด้วยบัตรสีดำที่เป็นไพ่ตายของเขา สือเหล่ยได้เดินขึ้นไปสู่จุดยอดพีระมิดแห่งหวูตง มันเป็นผลให้เขาเริ่มมีความรับผิดชอบขึ้นมาและเรียนรู้วิธีการรับมือกับพายุที่เกิดขึ้นในแวดวงชั้นสูง
สิ่งที่เขาได้รับมานั้นมีมากกว่าเงิน
แต่ในวันนี้ ในที่สุดเขาก็ต้องจ่ายเงินปันผล
แน่นอนว่าสือเหล่ยสามารถเลือกยืนดูอยู่ข้างหลังได้ แต่เขาจะทำได้อย่างไร? เขาจะทนดูผู้หญิงที่ตกหลุมรักเขาเดินลงสู่ขุมนรกโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร?
ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ สือเหล่ยได้คิดอะไรมากมาย เขาคิดว่าบางทีซงเมียวเมียวอาจจะรู้อะไรบางอย่าง แม้ว่าซงเมียวเมียวจะอยู่นอกเขต แต่บางทีเธออาจจะรู้อะไรบางอย่างด้วยอำนาจของตระกูลของเธอ
แน่นอนว่ายงมีเฉินหยานวี่อีก
เฉินหยานวี่ไม่สามารถพูดได้ แต่หัวใจของเธอกลับสดใสยิ่งนัก เธอได้ช่วยสือเหล่ยอย่างเงียบงันและกระทั่งทำให้คนอย่างหยูปันจือพูดออกมาก่อนและช่วยสือเหล่ย
แต่เว้นเสียแต่ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอจริงๆ สือเหล่ยจะไม่รบกวนแม่บุญธรรมที่เห็นทุกความเปลี่ยนแปลงในโลกและเฝ้าสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างจากด้านข้างเลย
ซงเมียวเมียว…
สือเหล่ยค่อนข้างลังเล แม้ว่ายัยผู้หญิงบ้าทั้งสองคนดูเหมือนจะบรรลุข้อตกลงบางอย่างกันในหวูตง แต่สือเหล่ยก็สังเกตเห็นว่าตระกูลเว่ยและตระกูลซงดูเหมือนจะมีเรื่องบาดหมางกันจากเว่ยชิงเยว่หรือคนอื่นๆ ในฐานะคนรุ่นที่สองหรือกระทั่งคนรุ่นที่สาม มันเป็นปกติที่พวกเขาจะทำตัวกันแบบสงบสุขแค่เพียงเปลือกนอก
เมื่อยืนอยู่ด้านนอกของโรงแรม สือเหล่ยไม่สามารถเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปหรือกดไปหาหมายเลขไหนได้เลย