ตอนที่ 298 เธอชื่อมั่วเสี่ยวชิง
เขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะบีบคนอื่นจนถึงที่สุด พอได้ยินเช่นนี้จึงผายมือ แสดงสีหน้าผิดหวัง “ผมเข้าใจครับ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสร่วมมือกับประธานหลิ่ว”
หลิ่วเฟยอวิ๋นยิ้ม “ที่จริงถ้าคุณซีเหมินอยากร่วมมือกับร้านหยก ในเมืองเอฟยังมีบริษัทแบบผมอีกหลายแห่ง พวกเขามีรากฐานมั่นคงกว่ามาก คุณลองไปเจรจากับพวกเขาได้”
เขาไม่ใช่คนประเภทที่พอตัวเองไม่ต้องการก็ทำลายทิ้ง ไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ไป ถ้าซีเหมินหลงเซี่ยวอยากเข้าสู่วงการเครื่องหยก ที่นี่มีโอกาสมากมาย
ซีเหมินหลงเซี่ยวส่ายหน้า “ประธานหลิ่วอาจเข้าใจเจตนาของผมผิดไป เมื่อครู่ผมบอกแล้ว เพราะได้เห็นสินค้าใหม่ล่าสุดของบริษัทคุณ และเห็นว่ามีโอกาสทางการตลาดสูง ส่วนบริษัทอื่น เวลานี้ผมยังไม่เห็นโอกาสทางการตลาดเลย”
คุยไปคุยมา ในที่สุดเขาก็พูดถึงเรื่องที่ตนเองอยากรู้ “สินค้าใหม่ คุณหมายถึงแหวนหยกสินะครับ เมื่อคืนเฟยเฟยพูดถึงแล้ว ดูเหมือนคุณซีเหมินจะชอบมาก” ก็แค่แหวนหยกที่ดูย้อนยุคเท่านั้นเอง ที่พิเศษคือรูปแบบที่ดูคล้ายกับแหวนเพชรแบบปัจจุบันเท่านั้น
พูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลองทำแหวนหยกแบบนี้ เพราะเขาซื้อแบบร่างมาได้ แหวนหยกของประเทศพวกเขาล้วนเป็นแบบพื้นๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นแบบแหวนน้าว ดูโบราณเกินไป
“ถูกต้องครับ เป็นแหวนหยก แนวคิดในการออกแบบแหวนหยกวงนี้คล้ายแหวนเพชรมาก เวลานี้ความนิยมแหวนเพชรออกจะเกร่อเกินไป เป็นไปได้ว่าอีกไม่กี่ปีคนจะหันมานิยมใส่แหวนหยกกัน
ประเทศพวกคุณเชื่อว่าหยกหล่อเลี้ยงคนไม่ใช่เหรอ บังเอิญผมเคยเคยมีหยกโบราณที่ใส่ติดตัวตั้งแต่เล็ก รู้สึกว่าหยกเป็นของที่ดี ก็เลยอยากลองจุดประกายอะไรใหม่ๆ ในธุรกิจด้านนี้ดู”
คำตอบนี้สมเหตุสมผล ไม่เสียทีที่ซีเหมินหลงเซี่ยวเป็นเจ้าแห่งการค้า พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้คนแยกแยะไม่ออกว่าเป็นคำพูดจากใจจริงหรือไม่ แม้แต่หลิ่วเฟยอวิ๋นเองก็ถูกกล่อมจนเคลิ้มนิดๆ
“จะต้องมีโอกาสแน่ครับ ด้วยความสามารถของคุณซีเหมิน ต้องการทำถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย” คนที่นั่งตรงหน้าเขาตอนนี้คือซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ป หลิ่วเฟยอวิ๋นจึงอดชื่นชมไม่ได้
ซีเหมินหลงเซี่ยวยิ้ม “น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถร่วมงานกับประธานหลิ่วได้ แต่ผมยังสนใจคนที่ออกแบบแหวนหยกวงนี้มาก อยากทำความรู้จักสักหน่อย ไม่ทราบว่าประธานหลิ่วจะช่วยแนะนำให้ผมรู้จักได้ไหมครับ”
ทันทีที่สินค้าที่ออกแบบมีชื่อเสียง ผู้ออกแบบย่อมมีชื่อเสียงไปด้วย หลิ่วเฟยอวิ๋นไม่ได้คิดอะไรมาก รับปากทันที
“ไม่มีปัญหาครับ ที่จริงตอนที่ผมซื้อแบบร่างมาก็รู้สึกว่าเป็นดีไซน์ที่พิเศษ ดูแล้วสบายตา ส่วนคนออกแบบชื่อมั่วเสี่ยวชิง ผมติดต่อกับเธอทาง XXX หลังจากเซ็นสัญญากันแล้ว เธอก็ส่งแบบร่างมาให้ผม”
หลิ่วเฟยอวิ๋นว่าพลางเปิดมือถือ แล้วให้ซีเหมินหลงเซี่ยวดูแอคเคานต์ของมั่วเสี่ยวชิง พวกเขาติดต่อผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ว่าใครก็สามารถส่งแบบร่างของตัวเองได้ ทันทีที่มีคนซื้อก็จะเอาออก ทั้งก่อนหน้านี้ก็แบบร่างก็มีการลงทะเบียนการค้าไว้แล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลอกเลียนอย่างผิดกฎหมาย
“พวกคุณไม่เคยเจอกันเหรอครับ” ซีเหมินหลงเซี่ยวเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“คนออกแบบบอกว่างานยุ่ง ปลีกตัวไม่ได้ ก็เลยต้องติดต่อด้วยวิธีนี้” ความจริงแล้ว เรื่องการลงนามในสัญญา ถ้าสองฝ่ายอ่านเงื่อนไขในสัญญาแล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็ลงนามได้ทันที ไม่ว่าอย่างไรสัญญาก็มีสองฉบับ ถ้าลายเซ็นปลอมก็จะไม่เกิดผล
“อ้อ ขอบคุณประธานหลิ่วมาก ผมบันทึกไว้แล้ว” ซีเหมินหลงเซี่ยวพยักหน้าหลังจากเหลือบมองบอดี้การ์ดซึ่งถือมือถือในมือ
“สายมากแล้ว ไม่รบกวนเวลางานของประธานหลิ่วแล้ว เราขอลาก่อน ขอบคุณสำหรับกาแฟครับ” ซีเหมินหลงเซี่ยวยกกาแฟขึ้นดื่มสองสามอึก ยิ้มแล้วบอกลา
“ผมไปส่งครับ” หลิ่วเฟยอวิ๋นลุกขึ้น เดินมาส่งที่หน้าประตู
ตอนที่ 299 ตรวจสอบมั่วเสี่ยวชิง
หลิ่วเฟยอวิ๋นเดินมาส่งซีเหมินหลงเซี่ยวถึงหน้าประตูร้าน แล้วจึงกลับไป ข้อแรกเพราะฐานะของซีเหมินหลงเซี่ยวไม่ธรรมดา ข้อสองอนาคตอาจได้ร่วมมือกัน จะอย่างไรก็ต้องเหลือทางให้ตัวเองบ้าง
ซีเหมินหลงเซี่ยวนั่งอยู่ในรถพยักหน้าให้หลิ่วเฟยอวิ๋น แล้วส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดขับรถออกไป
พอหลิ่วเฟยอวิ๋นหันหลังกลับไปแล้ว ซีเหมินหลงเซี่ยวก็มองดูภาพอวตารดำๆ ที่ไม่มีการแต่งเติมหรือข้อความใดๆ ของมั่วเสี่ยวชิงบนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค นัยน์ตาเขาเป็นประกายวูบ
เป็นไปได้มากว่าชื่อมั่วเสี่ยวชิงเป็นแค่นามแฝงเท่านั้น แต่ขอเพียงเคยปรากฏตัว เขาจะต้องมีวิธีหาตัวออกมา คนคนนี้ต้องอยู่ในเมืองเอฟแน่นอน
“อาเซิง ตรวจสอบว่ามั่วเสี่ยวชิงคนนี้เป็นใคร”
บอดี้การ์ดที่ขับรถอยู่พยักหน้ารับ “ครับนาย ผมจะมีคำสั่งลงไป” เขาขยับบลูทูธที่หูให้เข้าที่ แล้วใช้โทรศัพท์ในรถโทร.ออกไป
“นายสั่งมา ตรวจสอบคนชื่อมั่วเสี่ยวชิงใน XXX ได้ข้อมูลยิ่งละเอียดยิ่งดี ขอเร็วด้วย…อืม” พอวางสายแล้วก็จดจ่ออยู่กับการขับรถ
หลิ่วเฟยอวิ๋นเพิ่งกลับเข้ามาในห้องทำงาน ผู้จัดการร้านก็เดินยิ้มแป้นขึ้นมาเก็บถ้วยกาแฟทันที
“นายครับ ผมขอถามอะไรสักนิดครับ บริษัทเรากำลังจะขยายกิจการหรือครับ” ผู้จัดการเห็นทั้งคู่ออกไปพร้อมกันด้วยสีหน้าชื่นมื่น น่าจะเจรจาสำเร็จ
เมื่อวานเขาอยู่ข้างๆ หลิ่วเฟยซวง ได้ยินข้อมูลบางอย่างมาอย่างละเอียด เขาอดทนไว้ ไม่พูดเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง หวังว่าถ้าวันนี้ถ้าเรื่องสำเร็จจะบอกให้เพื่อนร่วมงานตื่นเต้นดีใจ
หลิ่วเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว “ใครบอกคุณ ตาข้างไหนของคุณมองว่าคุยธุรกิจสำเร็จ” ใครๆ ก็คิดว่าไหลย่ากรุ๊ปไม่เลวเลย แต่เขาไม่อยากเติบโตโดยอาศัยไม้ใหญ่ต้นนี้
ร่มไม้ใหญ่ไม่ได้อยู่ให้พึ่งพิงได้ตลอดไป ใครจะรู้ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สู้ตัวเองเป็นต้นหญ้าเล็กที่ทนทานไม่ได้ ต่อให้พายุฝนรุนแรงก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ดีกว่าตั้งเป้าสูงเกินไปแล้วถูกวิกฤตเศรษฐกิจเล่นงานเหมือนโดนฟ้าผ่า
ผู้จัดการอึ้งไป “เจรจาไม่สำเร็จหรอกเหรอ เจ้านายปฏิเสธเหรอครับ” สวรรค์ นี่ไม่ใช่อย่างที่เขาคาดเดาไว้
หลิ่วเฟยอวิ๋นพยักหน้า “ใช่ มีปัญหาเหรอ”
เจอย้อนถามแบบนี้ ทำเอาผู้จัดการแทบจะร้องไห้ เขานั่งลงตรงข้ามหลิ่วเฟยอวิ๋นเสียดื้อๆ “เจ้านาย โอกาสดีอย่างนี้ ทำไมถึงปฏิเสธล่ะครับ ไหลย่ากรุ๊ปเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียง แต่เจ้านายกลับ…ไม่ต้องการ”
สวรรค์ เจ้านายเราคงบ้าไปแล้ว ทำไงดี
หลิ่วเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “แล้วจะทำไม ผมมีเป้าหมายของตัวเอง มีเส้นทางที่ผมต้องการเดิน วางใจเถอะ ถึงจะไม่ได้ร่วมมือกับไหลย่ากรุ๊ป แต่ผมยังดูแลพวกคุณเต็มที่”
“เจ้านาย พูดอย่างนี้เหมือนเห็นผมเป็นคนนอก คุณเป็นเจ้านาย เราทำตามการตัดสินใจของคุณ และเชื่อมั่นในความสามารถของคุณอยู่แล้วครับ” อายุยังน้อยแต่ใช้เวลาแค่หกเดือนบริหารร้านได้ขนาดนี้ เขามั่นใจว่าอนาคตรุ่งแน่นอน
“ขอบคุณทุกคน แต่ต้องทนลำบากไปพร้อมกับผมนะ ตอนนี้เริ่มงานกันได้แล้ว” หลิ่วเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว น้ำเสียงเจือแววหยอกล้อเล็กน้อย
“เจ้านาย สั่งมาเลยครับ”
“พรุ่งนี้จะเริ่มวางจำหน่ายสินค้าใหม่ คุณลงไปสั่งงานหน่อย เปิดประชุม หลังเลิกประชุมให้พนักงานทุกคนจัดเตรียมของสำหรับเปิดร้านพรุ่งนี้ ทำเสร็จแล้วเลิกงานก่อนเวลาได้”
ผู้จัดการได้ยินก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที “ครับ ผมจะลงไปบอกทุกคนเดี๋ยวนี้” ถือโอกาสตอนเช้าที่ลูกค้ายังไม่มาก เปิดประชุม เตรียมของสมนาคุณให้ลูกค้า พรุ่งนี้เริ่มงานเปิดตัวผลงานสร้างสรรค์ของพวกเขา
หลิ่วเฟยอวิ๋นมองตามผู้จัดการ พลางหัวเราะเบาๆ ยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบเล็กน้อย แล้วเริ่มทำงาน