ตอนที่ 276 เฟยเฟยพูดถึงเธอบ่อยๆ
“ตอนหลังพ่อฉันก็ดัดแปลงนิดหน่อย จนเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ” หลิ่วเฟยซวงว่าพลางเดินตรงไป
สุดลานบ้านเป็นบ้านสองชั้น แต่ตกแต่งสวยงามเป็นพิเศษ ดูเหมือนคนในบ้านจะได้ยินเสียงหลิ่วเฟยซวงแล้ว ประตูบ้านเปิดออกทันที
ตอนนี้เอง ผู้หญิงในชุดกี่เพ้าค่อนข้างเข้ารูปอยู่ตรงหน้าอีลั่วเสวี่ย ผมของเธอม้วนเป็นลอนเล็กน้อย หวีรวบไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อย เธออายุราวสี่สิบปี ชุดกี่เพ้าเป็นลวดลายพู่กันจีนภาพต้นไผ่ กิริยาท่วงท่าสง่างาม
เมื่ออีลั่วเสวี่ยเดินเข้าไปใกล้ จึงพบว่าผู้หญิงในชุดกี่เพ้าเรียบๆ นี้กลมกลืนกับทิวทัศน์รอบด้านจริงๆ ราวกับบรรยากาศโดยรอบดูมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อมีเธอ เหมือนต้นไม้ที่เพิ่งแทงยอดท่ามกลางฝนพรำในฤดูใบไม้ผลิ เป็นสีสันที่เติมแต่งให้งดงามยิ่งขึ้น
เธอรู้แล้วว่าทำไมเวลาที่หลิ่วเฟยซวงนิ่งสงบจึงเป็นหญิงสาวที่ดูสบายๆ คงจะได้รับอิทธิพลจากผู้หญิงตรงหน้านี่เอง
“เฟยเฟย ของน่ะเราต้องหิ้วเองสิ ทำไมปล่อยให้เพื่อนทำอย่างนั้นล่ะ”ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม สายตาอ่อนโยนมองมาที่อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ เป็นการทักทายอย่างไร้สุ้มเสียง
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเดินเข้ามาแล้วก็หิ้วมาเลย” อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์พูด พลางรีบเดินเข้าไป
หลิ่วเฟยซวงเชิดคางอย่างภูมิใจ “แม่ขา หนูพาเพื่อนมาหาแม่แล้ว นี่อีลั่วเสวี่ยที่หนูพูดถึง แล้วก็นี่เหอเย่ว์ เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เราเข้ากันได้ดีมาก ตอนนี้สนิทกันแล้ว”
แม่ของหลิ่วเฟยซวงพยักหน้าอย่างพอใจ เจอหน้าครั้งแรก นับว่าน่าประทับใจทีเดียว
“อีลั่วเสวี่ย ฉันจำได้ เฟยเฟย พูดถึงเธอบ่อยๆ แต่ระยะนี้พูดถึงเสี่ยวเย่ว์บ่อยที่สุด มา รีบเข้ามาเถอะ พ่อ รีบออกมาช่วยขนของหน่อย”
เพิ่งจะพูดจบ ก็มีชายค่อนข้างท้วมใส่ผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากในบ้าน
“มาแล้วๆ เฟยเฟย พี่ชายลูกล่ะ ทำไมไม่ช่วยสาวๆ ยกของ เดี๋ยวพ่อจะสั่งสอนให้หนัก โทร.หาก็ไม่รับสาย”
หลิ่วเฉิงบ่นพลางรับของจากมืออีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ แล้วรีบยกเข้าไปวางในบ้าน จากนั้นจึงกลับมาช่วยลูกสาวตัวเอง
“พี่ติดธุระค่ะ ต้องรีบไปที่โกดัง อาจกลับช้าหน่อย ลืมมือถือไว้ในห้องทำงานด้วย หนูเอากลับมาให้แล้ว” หลิ่วเฟยซวงนวดฝ่ามือ พูดพลางยิ้มร่า
“อ้อเหรอ ก็ยังว่าอยู่ว่าทำไมไอ้หนูนี่ถึงไม่รับโทรศัพท์!” ตอนนี้หลิ่วเฉิงกับคุณนายคนสวยจึงคลายความกังวลลง
ถึงลูก ๆจะโตแล้ว แต่พอคนเป็นพ่อแม่ไม่ได้รับข่าวคราวว่าลูกสบายดี ย่อมอดห่วงไม่ได้เป็นธรรมดา
“งั้นก็ช่างเขาเถอะ วันนี้อาเข้าครัวเอง พวกเธอรอเดี๋ยวนะ ดื่มชาดอกกุ้ยของอาหญิง นั่งพักกันก่อน” หลิ่วเฉิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ แล้วกลับเข้าไปในครัว
ที่จริงอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ตาแหลมมองเห็นก่อนแล้วว่าอาหารถูกเตรียมไว้เรียบร้อย เหลือแค่เอามาทำก็กินได้เลย หลิ่วเฟยซวงคงจะโทร.บอกล่วงหน้าเอาไว้
วันนี้เป็นวันศุกร์ ปกติหลิ่วเฉิงน่าจะยังไม่เลิกงาน จะต้องลางานมาแน่ๆ
สองสาวรู้สึกตื้นตันใจ ทั้งรู้สึกเกรงใจด้วย
“ลั่วเสวี่ยกับเสี่ยวเย่ว์ใช่ไหมจ๊ะ มานั่งนี่สิ อาจะชงชาดอกกุ้ยให้” คุณนายคนสวยพูด แล้วเดินไปทางด้านหนึ่ง ยกกาน้ำร้อนที่น้ำเดือดแล้วเดินกลับมา
หลิ่วเฟยซวงนั่งอย่างสบายบนโซฟา “ชาดอกกุ้ยที่แม่ฉันชง ขนาดฉันยังไม่แน่ว่าจะมีลาภปากด้วยซ้ำ”
ตอนที่ 277 เธอรู้เรื่องชา
“นี่เป็นดอกกุ้ยของปีนี้ ก่อนหน้าไม่นานดอกกุ้ยบานไปรอบหนึ่ง อาศัยตอนอากาศดีๆ เก็บมาตากแดด นี่วันนี้เพิ่งเก็บมาใหม่ๆ เลย พวกเธอลองชิมดู”
คุณนายคนสวยว่าพลางใช้ช้อนตักดอกกุ้ยแห้งใส่ลงในถ้วยชา ค่อยๆ รินน้ำร้อนลงไป ดอกกุ้ยในถ้วยหมุนวน น้ำในถ้วยเปลี่ยนสีทันที
กลิ่นดอกกุ้ยหอมฟุ้ง พอได้กลิ่น ทั้งอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มทันที
“คุณอาคะ ถ้าเดาไม่ผิด หนูรู้สึกว่าในชาดอกกุ้ยมีดอกบัวด้วยใช่ไหมคะ” เธอได้กลิ่นหอมของดินที่ช่วยตัดกลิ่นหอมแรงของดอกกุ้ยให้จางลง และเสริมให้รสหอมหวานยิ่งขึ้น
ดวงตาคุณนายคนสวยทอประกายทันทีที่ได้ยินอีลั่วเสวี่ยพูด “คิดไม่ถึงว่าคนรุ่นเธอจะเข้าใจเรื่องชาด้วย ไม่ง่ายเลยจริงๆ เธอพูดถูกแล้ว ฉันผสมดอกบัวแห้งที่เก็บตอนเพิ่งบานลงไปด้วย”
หลิ่วเฟยซวงมองเธอด้วยสีหน้าชื่นชม “เสวียเสวี่ย คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นพวกงำประกาย รู้อะไรเยอะจัง” เธออยู่กับเฉวียนหมิงจนฉลาดขึ้นมากจริงๆ ไม่เพียงผลการเรียนจะดีขึ้นมาก ยังเลิกมองโลกในแง่ร้ายแล้ว รู้จักแยกแยะผิดถูกชัดเจน
“พอรู้นิดหน่อยค่ะ ขายหน้าคุณอาแล้ว” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม แล้วรีบหยิบถ้วยชาขึ้นเป่าให้เย็นลง จากนั้นจึงจิบเล็กน้อย
โลกนี้คนที่รู้จักชงชาและหมักเหล้ามีน้อยจริงๆ ตัวเธอเป็นคนที่ยังยึดติดอยู่กับโลกในอดีต จึงไม่ชอบเครื่องดื่มสมัยใหม่รวมทั้งเบียร์
“จะเกรงใจทำไมกัน ถ้าชอบ เดี๋ยวอาเก็บดอกกุ้ยข้างนอกมาทำชาให้พวกเธอเอากลับไปบ้าง เด็กผู้หญิงต้องรู้จักดูแลสุขภาพถึงจะดี แต่ยายเฟยเฟยนี่ไม่ฟังฉันเลย ชอบหาว่าฉันสุขภาพไม่ดีคิดฟุ้งซ่าน”
ความจริงแล้วที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด ไม่ย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่ สาเหตุข้อหนึ่งเพราะร่างกายเธอต้องการพักฟื้นอย่างสงบ ด้วยเหตุนี้ในบริเวณบ้านจึงปลูกต้นไม้มากมาย อยู่ที่นี่ไม่ได้ย้ายไปไหนมาหลายสิบปีแล้ว
“แม่ก็ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบใช้ชีวิตอย่างแม่นะ” หลิ่วเฟยซวงกระอักกระอ่วน เธอรู้สึกว่าจังหวะชีวิตแบบแม่เชื่องช้าเกินไป บางครั้งกลับมาบ้านยังคิดว่าตัวเองย้อนมาอยู่อีกยุคหนึ่งด้วยซ้ำ
แต่ข้อดีก็คือสภาพแวดล้อมที่นี่ร่มรื่น ไม่ว่าอารมณ์เสียมาแค่ไหน ก็ไม่ถึงกับย่ำแย่
“ไม่หรอก ฉันกลับชอบชีวิตแบบนี้ของคุณอา ความชอบและความปรารถนาของแต่ละคนยากที่จะเป็นอย่างเถายวนหมิง[1] ที่ ‘มองผ่านกอเบญจมาศลอดรั้วไผ่ไปทางตะวันออก เห็นเขาทางใต้’ ”
ดวงตาคุณนายคนสวยเป็นประกายทันที “ดูสิ ที่ลั่วเสวี่ยคิดตรงกับที่ฉันอยากพูดเลย บางครั้งยังสงสัยว่าเฟยเฟยเป็นลูกสาวฉันหรือเปล่า ไม่เคยเข้าใจเลยว่าแม่อย่างฉันคิดอะไร”
หลิ่วเฟยซวงเบ้ปาก “แม่ มีแม่ที่ไหนเสือกไสไล่สงลูกสาวตัวเอง หึ”
อีลั่วเสวี่ยกลอกตา แล้วพูดต่อ “การใช้ชีวิตเรียบง่ายมีความสุขแบบนี้ นอกจากจะต้องแสวงหาและยืนหยัดแล้ว ยังต้องปกป้องรักษาไว้ด้วย คุณอาโชคดีมากที่มีคนช่วยยืนหยัดอีกครึ่งหนึ่ง ยังมีเฟยเฟย ถือว่ามีชีวิตสมบูรณ์พร้อมแล้วค่ะ”
พอเธอพูดจบ คุณนายคนสวยก็เหลือบมองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัว “ลั่วเสวี่ยไม่แค่เข้าใจเรื่องชา ยังวิเคราะห์ความคิดจิตใจของคนได้ดีมากด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่าเธอเจอคนที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยหรือยัง”
“หนู…”
“แม่ ผมกลับมาแล้ว” ตอนนี้เอง ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตู สายตาหลิ่วเฟยอวิ๋นมองมาที่อีลั่วเสวี่ย ขณะเข้ามาในบ้าน
“มีแขกอยู่ เบาๆ หน่อยสิลูก” คุณนายคนสวยถลึงตาใส่หลิ่วเฟยอวิ๋น รอยยิ้มอ่อนโยนฉายบนใบหน้า
[1] เถายวนหมิง (ค.ศ. 365-427) กวีสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก ผู้บรรยายถึงดินแดนที่เรียกว่า “เถาฮวาหยวน” ในบทกวี ‘เถาฮวาหยวน’ (ธารดอกท้อ) กล่าวถึงชาวประมงคนหนึ่งที่หลงเข้าไปพบธารดอกท้ออันสวยงามสงบสุข ธารดอกท้อหรือเถาฮวาหยวนนี้จึงเปรียบได้กับโลกในอุดมคติ