ตอนที่ 360 ผมก็ขอร่วมหุ้นด้วย!
คำพูดของอีลั่วเสวี่ยทำให้ดวงตาเฟิงฉี่เจิดจ้าขึ้น “ที่เจ๊พูดจริงหรือ?” ก่อนหน้านี้เขาถามเธอหลายครั้ง แต่เธอไม่ยอมสอนเขา วันนี้ทำไมจึงพูดง่ายนะ
“ถ้าคุณคิดว่าโกหกก็ถือซะว่าฉันไม่ได้พูด” อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วยกเหล้าขึ้นจิบช้าๆ
เฟิงฉี่ยิ้ม ตีหน้าเซ่อ “แฮ่ แฮ่ ใครจะคิดอย่างนั้น เจ๊ผมดีที่สุด!” เวลานี้เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ตอนนั้นทำกระเป๋าสตางค์หาย รวมทั้งที่ถูกคนพวกนั้นแย่งชิงยาทิพย์ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เขาย่อมไม่มีทางรู้จักกับอีลั่วเสวี่ย
เนื่องจากก่อนหน้านี้หูปิงกับพวกทำการโฆษณา จึงมีลูกค้าเข้าร้านไม่น้อย บวกกับเป็นวันสุดสัปดาห์ด้วย แม้จะไม่ถึงกับลูกค้าแน่นร้าน แต่การค้าดีกว่าเดิมมาก
เรื่องสนุก พอมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งพบสถานที่แปลกใหม่ที่น่าสนใจ ย่อมเชิญชวนกันมา ที่จริงลูกค้าที่เข้ามาทีหลังเป็นเพราะลูกค้าก่อนหน้าชวนมาดื่ม
หลังจากดื่มได้ที่แล้ว คนเหล่านี้ก็ย้ายสนามรบไปร้องเพลงที่ห้องคาราโอเกะ ห้องส่วนตัวแต่ละห้องทำการกั้นเสียงได้ดี ไม่มีการรบกวนกัน ที่สำคัญคือระบบร้องคาราโอเกะสมบูรณ์แบบมาก เพียงครั้งแรกลูกค้าเหล่านี้ก็ติดใจแล้ว
ที่บาร์เหล้าไม่มีเสียงอึกทึกและไม่มีดีเจเปิดเพลง เพียงเปิดเพลงเบาๆ เท่านั้น พวกที่เดิมทีตั้งใจจะมาสนุกเฮฮาจู่ๆ กลับรู้สึกว่าการดื่มในยรรยากาศที่เงียบสงบก็ดีเยี่ยม
แต่จะไม่มีดนตรีจังหวะคึกคักเร่าร้อนเลยย่อมเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่อีลั่วเสวี่ยกำหนดเวลาไว้ ถ้าไม่สนุกสุดเหวี่ยง ก็เป็นความสงบเงียบ ใครชอบสิ่งแวดล้อมแบบไหนก็เลือกเวลามาได้
เมื่อหูปิงประกาศวิธีนี้ บรรดาลูกค้ารู้สึกแปลกใหม่ เพราะอย่างไรที่อื่นก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน
“วันนี้ Kบาร์นรกอเวจีขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน สำหรับท่านผู้มีอุปการคุณทุกท่าน วันนี้คิดราคาเพียงครึ่งเดียว ทั้งทางเรายังมีระบบสะสมคะแนน เมื่อสะสมคะแนนได้ถึงจำนวนหนึ่งก็สามารถนำมาแลกเหล้าหรือร้องคาราโอเกะฟรีหนึ่งครั้ง ถ้าเลือกที่จะสมัครเป็นสมาชิกร้านเรา วันเกิดจะได้ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
“เดี๋ยวเพื่อนๆ ที่จะกลับถ้าคิดจะสมัครเป็นสมาชิก เราเตรียมการ์ดไว้เพียง 180 ใบเท่านั้นเป็นนัยว่าพวกเราทุกคนอายุ 18 ทุกวัน เมมเบอร์การ์ดมีสามแบบ คือพรีเมี่ยม แพลทตินั่นและแบบธรรมดา แต่ละแบบจะได้รับส่วนลดต่างกัน” พอหูปิงพูดจบก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราว
จากนั้นทุกคนก็สนุกกันสุดเหวี่ยง ในร้านคึกคักเป็นพิเศษ จนถึงตีสอง คนเหล่านี้จึงทยอยกันกลับ
หูปิงเปิดคอมพิวเตอร์ คำนวณรายรับของวันนี้ ขณะที่มองเห็นตัวเลข เขาตั้งใจคำนวณใหม่สองครั้ง เพราะคิดว่าคอมพิวเตอร์แฮงค์
“หัวหน้า รวยแล้ว เรารวยแล้ว! ยอดขายวันนี้เป็นยอดขายทั้งสัปดาห์ของที่ผ่านมาบางครั้งเชียวครับ” หูปิงกลืนน้ำลาย ส่วนคนอื่นพอได้ยินก็ล้อมกันเข้ามาดู สีหน้าตื่นเต้นดีใจ
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม ดูวันนี้ลูกค้าเข้าร้านไม่ขาดก็พอจะเดาได้
“ผมดูหน่อย ขอผมดูหน่อย” เฟิงฉี่ท่าทางเมาเล็กน้อยเดินเข้ามา เขาชำเลืองมองตัวเลขบนคอมพิวเตอร์ แล้วอดใจหายวาบไม่ได้ จนสร่างเมากว่าครึ่ง
“โอ้โห ของอย่างน้ำเมานี่ทำเงินชะมัด” มิน่าร้านเหล้าสมัยโบราณถึงทำเงินได้มาก ไม่สิ ไม่ว่าโลกไหน ของอย่างเหล้าล้วนทำตลาดได้ดีมาก
เฟิงฉี่จุ๊ปากเล็กน้อยแล้วกลืนน้ำลาย จากนั้นก็ยิ้มร่าพลางมองดูอีลั่วเสวี่ย “เจ๊ ไม่งั้นให้ผมร่วมด้วยดีไหม ผมอยากเข้าหุ้นด้วย”
อีลั่วเสวี่ยได้ยินก็ทำตาขวางใส่เฟิงฉี่ “นี่เป็นการค้าเล็กๆ ของฉัน คุณอย่ามายุ่งเกี่ยวดีกว่า ดูแล้วคุณก็ไม่ได้ขาดเงิน ถึงตอนนั้นถ้านายท่านผู้เฒ่าบ้านคุณรู้ว่าฉันดึงคุณมาทำธุกริจอย่างนี้ ฉันคงถูกด่าเปิงแน่”
เรื่องด่าว่าที่จริงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถึงตอนนั้นฐานะของเธอจะถูกเปิดเผย คงไม่ดีหรอก
“ใช่แล้วท่านเจ็ด อย่างคุณดูแวบเดียวก็รู้ว่ามีเงิน อย่ามาแย่งพวกเรากินเลยครับ” หูปิงรีบพูดทันที ทำหน้าน่าสงสาร
ตอนที่ 361 กินเหล้าแต่กลับไม่ชวนข้า
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?” ที่เขาร่วมหุ้นเป็นการแย่งพวกเขากินหรือ? ตรรกะบ้าอะไร
หูปิงจึงอธิบายเรื่องที่อีลั่วเสวี่ยให้พวกเขามีหุ้นด้วยได้แบ่งเงินปันผล เฟิงฉี่จึงเข้าใจแล้ว
“จู่ๆ ก็รู้สึกว่า เป็นคนงานของเจ๊ก็ไม่เลวเลย” เฟิงฉี่ท่าทางจริงจัง หาเถ้าแก่อย่างเธอได้ยากมาก อีกอย่างร้านนี้เพิ่งเปิด หลังจากนี้จะกำไรหรือขาดทุนก็ยังไม่รู้ ยังจะแบ่งปันผลให้
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “อะไรนี่ เป็นคุณชายดีๆ ไม่ชอบ อยากจะมาเป็นลูกน้องที่ร้านนี้?”
“แล้วจะยังไง ผมว่าดีออก” เฟิงฉี่ยิ้มหน้าระรื่น ผมบำเพ็ญเพียรอยู่ข้างนอกตลอดมา ยุ่งกับเรื่องพวกนี้น้อยมาก ระยะนี้กลับมาได้ไปเที่ยวกับหนานหลิวเฟิงและพวกบ้าง
ที่ที่ไปออกจะธรรมดา ไม่สนุกอย่างที่นี่เด็ดขาด
ขณะที่อีลั่วเสวี่ยกำลังจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงมือถือเฟิงฉี่ดังขึ้น จากนั้นทุกคนก็เงียบเสียง คนอื่นพากันไปทำความสะอาดร้านและเก็บโต๊ะเก้าอี้
“ชูวส์…” เฟิงฉี่นึกว่าเป็นปู่หรือพ่อแม่เขาโทรหา รีบทำท่าให้ทุกคนเงียบเสียง แล้วค่อยๆ ล้วงมือถือออกมา พอเห็นชื่อคนที่โทรมา ก็ผ่อนคลายลงทันที
“ฮัลโหล…”
“ฮัลโหลอะไร เจ้าหนูกลับไปกี่เดือนแล้ว ไม่รู้จักกลับมาหรือไง? ไหนรับปากว่าจะเอาของอร่อยๆ มาฝากข้า ไหนล่ะ? โกหกนี่!”
แม้จะไม่ได้กดปุ่มแฮนด์ฟรี แต่เสียงในมือถือดังมาก อีลั่วเสวี่ยอยู่ใกล้ เธอได้ยินชัดทุกคำ
ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ว่าใคร มั่วเวิ่น อาจารย์ของเฟิงฉี่นั่นเอง
เฟิงฉี่แปลกใจ รู้สึกหวั่นใจ เขาพูดเสียงอ่อน “อาจารย์ ศิษย์ส่งของมากมายทางไปรษณีย์ไปให้แล้ว…”
มั่วเหวินเปลี่ยนเรื่อง “เจ้าหนู กินเหล้าใช่ไหม? หือ?”
“กินเหล้า? ไม่ถูก อาจารย์รู้ได้ยังไงว่าผมกินเหล้า” หรือาจารย์มั่วเหวินของตนใส่อะไรไว้ที่ตัวเขา แต่ก็ไม่เหมือน ทำไมทุกครั้งที่ตนดื่มเหล้าจะถูกจับได้ตลอด
“เจ้ามีแต่ตอนที่เมาเท่านั้นจึงจะนอบน้อมต่อข้าเป็นพิเศษ หงอยังกะแมวเชียว”
แมวหรือ แมวบ้านะสิ เขาหงองั้นหรือ แล้วเหลือบตาขึ้นมองอีลั่วเสวี่ย
“แกนะแก จะกินเหล้าก็ไม่ชวนอาจารย์สักคำ ไร้น้ำใจจริงๆ! ทิ้งอาจารย์อย่างข้าไว้คนเดียวบนเขา โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง ถือว่าข้าสอนเจ้าสูญเปล่า” มั่วเหวินพูดพล่ามต่อ
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “ถ้าท่านอยากดื่มเหล้า เดี๋ยวจะให้เขาส่งไปให้ แต่ว่าเหล้าดีของเราที่นี่ ท่านคงไม่ได้ดื่มแน่นอน”
“ใคร เสียงใคร ผู้หญิง เจ้าหนู เจ้ากลับไปที่แท้มีแฟนแล้ว มิน่านานขนาดนี้ถึงไม่กลับ” มั่วเหวินเดาเอาเองอีก
เฟิงฉี่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับอาจารย์อย่างไรดี เขาถือมือถือเดินไปอีกห้องหนึ่ง “อาจารย์ เธอไม่ใช่แฟนผม เธอก็คือีลั่วเสวี่ยที่ผมเอ่ยถึงคราวก่อน ลั่วเสวี่ย…” สองคำหลังเสียงเบาลง
“อีลั่วเสวี่ย เจ้าหนู บอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว ข้าอยากพบแม่หนูคนนี้ เร็ว รีบเปิดวิดีโอคอลล์ ข้าอาจารย์เจ้าอยากคุยกับเธอหน่อย” เด็กที่มีแววแบบนี้ ถ้าไม่รับไว้เป็นศิษย์คงเสียดายแย่
เฟิงฉี่จำต้องทำตาม เดินถือมือถือไปหาอีลั่วเสวี่ย “อาจารย์ผมอยากเห็นหน้าคุณ”
ทีแรกเธออยากปฏิเสธ แต่คิดอะไรบางอย่างแล้วผงกหัว “ได้ คุณตามฉันมา” จากนั้นทั้งสองก็ไปยังห้องทำงานของเธอซึ่งใช้พักผ่อนด้วย
เฟิงฉี่ติดต่อวิดีโอคอลล์กับมั่วเหวิน ชายในชุดขาวปรากฏขึ้นบนจอ อายุราวห้าสิบ สวมชุดขาวทั้งตัว แบบที่ใช้กระดุมผ้า
ดูคล้ายคนแก่ที่รำมวยไท่เก๊กตามสวนสาธารณะ ท่าทางกระชุ่มกระชวย ไม่เสียทีที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียร แววตาเจ้าปัญญาเจิดจ้า