ตอนที่ 362 มาเป็นศิษย์ข้าเถอะ
แต่นิสัยที่ดึกดื่นไม่หลับนอน โทรหาเฟิงฉี่กลับไม่เปลี่ยน ดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าเวลานี้ควรจะเป็นเวลาที่พักผ่อนแล้ว
ทันทีที่มั่วเหวินเห็นเฟิงฉี่บนจอมือถือ ท่านผู้เฒ่าก็ขมวดคิ้วทันที “คุณเป็นใคร ลูกศิษย์ฉันล่ะ คุณหยิบมือถือเขามาทำไม?” เจ้าหนู่นั่นคงไม่หลอกตนหรอกนะ ปล่อยโทรศัพท์ให้คนอื่นโทรมา
เฟิงฉี่ได้ยินเช่นนั้นก็ลูบคลำใบหน้าตัวเอง “อาจารย์ จำศิษย์ไม่ได้แล้ว ฮ่าฮ่า ยานี้ได้ผลจริงๆ” ยาแปลงโฉมนะยาแปลงโฉม กินแล้วรูปโฉมเปลี่ยนไปจนแม้แต่คนใกล้ชิดก็ยังดูไม่ออก
“ยา? เจ้าหนู กินยาอะไร?” มั่วเหวินนึกอยากรู้ขึ้นมา โลกนี้ถึงกับมียาที่กินแล้วเปลี่ยนแปลงหน้าตาได้ ยาแปลงโฉมในตำนาน ศิษย์ตนเองเอามาจากไหน
ถึงตอนนี้มือถือเปลี่ยนทิศทาง อีลั่วเสวี่ยเอามาถือไว้ “ยาแปลงโฉม ผู้อาวุโสคงจะเดาได้แล้วใช่ไหม?” ดูจากท่าทางครุ่นคิดของมั่วเหวินเมื่อกี้ เธอก็ดูออกว่าเขาเดาออกแล้ว
มั่วเหวินตาโตทันที “เป็นไปได้ยังไง อย่าว่าแต่วิธีทำยาแปลงโฉมจะสูญหายไปแล้ว ต่อให้มี ใครจะหลอมยาวิเศษแบบนี้ออกมาได้”
การใช้ยาแล้วทำให้หน้าตาคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเกิดการเปลี่ยนแปลงมากอย่างนี้ แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าเลย
อีกอย่างยาแบบนี้น่าจะส่งผลร้ายต่อร่างกายมาก เท่ากับบอกแล้วก็ไม่มีคนกล้ากิน จะยังไงก็เพื่ออำพรางใบหน้าตนเอง ออกจะไม่คุ้มค่า
“ก็ฉันไง ฉันหลอมยาออกมาแล้วไม่ใช่หรือ?” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม สีหน้ามั่นอกมั่นใจ ทำให้มั่วเหวินพูดอะไรไม่ออก
มั่วเหวินนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอนตัวไปข้างหลัง “เจ้า ข้าไม่เชื่อหรอก” ก็แค่มีฝีมือแทงเข็มช่วยชีวิตคนเท่านั้น อายุน้อยขนาดนี้ น่ากลัวว่าแม้แต่วิชาเภสัชวิทยาในมหาวิทยาลัยก็ยังเรียนรู้ไม่จบ ยังจะหลอมยา เป็นไปได้ยังไง
“ไม่เชื่อ? งั้นลองถามศิษย์รักของท่านดูเองก็ได้” อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็หันกล้องไปที่เฟิงฉี่ซึ่งอยู่ค้านข้าง ท่าทางเมาเล็กน้อย
เฟิงฉี่ไม่พูดอะไร แต่ผงกหัวไม่หยุดราวกับหุ่นยนต์
“ตอนนี้ท่านเชื่อหรือยัง?”
มั่วเหวินลังเลเล็กน้อย แล้วถามหยั่งดู “ต่อให้เจ้าทำออกมาได้ แต่ยาแบบนี้มีผลข้างเคียงรุนแรง เจ้าสองคนยังกล้ากิน ไม่รู้หรือว่าพูดพร่ำเพรื่อได้ แต่กินยาพรำเพรื่อไม่ได้”
โลกนี้มีคนมากมายที่กินยาตามอำเภอใจแล้วทำให้เสียชีวิต หรือหนุ่มสาวสองคนนี้ไม่รู้
“อาจารย์ ท่านวางใจเถอะ ผมรู้สึกสบายดี ไม่มีอาการผิดปกติอะไร” พอเฟิงฉี่ได้ยินว่าอาจารย์ยังคลางใจจึงรีบยื่นหัวเข้ามา พูดรับประกันอย่างมั่นใจ
แต่แล้วก็ถูกอีลั่วเสวี่ยยื่นมือออกไปดันศีรษะเขากลับไป
“ผู้อาวุโสไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ท่านอยากเจอฉันไม่ใช่หรือ ตอนนี้เจอแล้ว มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะค่ะ” อย่ามัวคุยเฉไฉไปเรื่องอื่น เป็นเพราะที่เฟิงฉี่เคยบอก เธอจึงยอมคุยวิดีโอคอลล์ด้วย
ไม่งั้นพอท่านผู้เฒ่านึกขึ้นได้ก็จะเรียกให้เฟิงฉี่มาหาเธอ จะขอพบเธออีก มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาให้ชัดเจนเลย
มั่วเหวินจึงนึกถึงจุดมุ่งหมายที่ตนเปิดวิดีโอคอลล์ สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “แฮ่ แฮ่ ได้ข่าวว่าเจ้ารู้วิชาแทงเข็ม ศึกษาวิชาแพทย์ได้ผลบ้าง ทั้งยังไม่ได้คารวะอาจารย์เข้าสังกัดสำนักไหน ถ้างั้นมาเป็นศิษย์ข้าเข้าสังกัดสำนักแพทย์โบราณดีไหม?”
อีลั่วเสวี่ยกลอกตา เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่เชิง “ผู้อาวุโสอยากรับข้าเป็นศิษย์?” ก็ดี ที่จริงเธอคาดเดาได้ก่อนแล้ว
เฟิงฉี่อ้าปาก แต่สุดท้ายไม่ได้พูดออกมา อาจารย์นะอาจารย์ จะรับเธอเป็นศิษย์ เกรงว่าแม้แต่อาจารย์กับเขายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์เธอด้วยซ้ำ
“ถูกแล้ว เจ้าคิดดูเถอะ สำนักแพทย์โบราณเราศึกษาวิชาแพทย์กับบำเพ็ญเพียร สามารถบ่มเพาะปรับตัวเองตามสภาพร่างกายของแต่ละคน เพื่อบรรลุผลการบำเพ็ญเพียรที่ดีที่สุด”
ตอนที่ 363 ขอคิดดูก่อน
แม้คำโบราณจะบอกว่า “หมอไม่รักษาตัวเอง” แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้วการศึกษาวิชาแพทย์จะช่วยให้สามารถรู้สภาพร่างกายตนเอง จะปรับการทำงานกับการพักผ่อนได้ดีขึ้น
อีลั่วเสวี่ยนั้นเป็นนักหลอมยาและยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรด้วย ย่อมเข้าใจอะไรมากขึ้น เรื่องนี้ไม่ต้องให้มั่วเหวินเตือน เธอเองย่อมรู้อยู่แล้ว
“ฟังดูแล้วน่าสนใจมาก แต่ทำไมฉันต้องคารวะอาจารย์ด้วยล่ะ?” จากประสบการณ์และบทเรียนที่ผ่านมาของตนเอง เธอไม่จำเป็นต้องกราบใครเป็นอาจารย์เลย ส่วนนักหลอมยาหรือ? เกรงว่าบนโลกนี้จะไม่มีใครมีระดับสูงเทียบเท่าเธอได้แล้ว
ต่อให้เวลานี้เธอยังไม่สามารถหลอมโอสถทิพย์ได้ แต่เธอยังมีเจ้าลูกบอลเงิน ยาที่ตนเองหลอมไม่ได้ก็ยังสามารถซื้อได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
เดิมมั่วเหวินคิดว่าอีลั่วเสวี่ยจะสนใจมาก กลับคาดไม่ถึงว่าเธอจะตอบเช่นนี้ ถึงกับอึ้งไป ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“เรื่องนี้…ตรงกับคำกล่าวที่ว่ามีคนดีเดินนำหน้า พวกเจ้าซึ่งมาทีหลังเดินตาม จะไม่ง่ายขึ้นหรือ” เด็กสาวคนนี้ไม่เข้าใจ การที่มีคนคอยชี้แนะการบำเพ็ญเพียรเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
อีลั่วเสวี่ยเบ้ปาก “เดินไปตามทางของตนเองจึงจะมีความองอาจ ที่ผู้อาวุโสมีเจตนาดี ฉันน้อมรับด้วยใจ แต่ฉันยังอยากเดินไปตามทางของตัวเองค่ะ”
ผ่านประสบการณ์สองโลก เธอรู้ดีว่าจะเดินไปตามเส้นทางอย่างไร เธอไม่ใช่เด็กสาวที่อ่อนต่อโลก รู้ว่าตัวเองแสวงหาอะไร สามารถได้อะไร เธอมองอะไรทะลุปรุโปร่งกว่าคนอื่น
“แม่หนู แน่ใจนะว่าจะไม่กราบอาจารย์ นี่เป็นโอกาสที่หายาก ไม่เชื่อเจ้ากลองถามศิษย์ข้าดู คนมากมายอยากกราบข้าเป็นอาจารย์ ข้ายังไม่รับเลย” มั่วเหวินรู้สึกทะนงตนมาก
แต่ในใจเขากับรู้สึกอึกอัด เป็นเรื่องยากที่เขาจะเป็นฝ่ายเชิญคนอื่นเป็นศิษย์ แต่กลับล้มเหลว หรือเขายังล้ำเลิศไม่พอ? ไม่ใช่เพราะเขาล้ำเลิศไม่พอ แต่อีลั่วเสวี่ยสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้
ในเมื่อเรื่องที่ตนเองทำได้ อีกทั้งที่เธอทำได้มั่วเหวินทำไม่ได้ แล้วต้องคารวะอาจารย์ให้ยุ่งยากทำไม
“อ้อ…เวลานี้เป็นเช่นนี้ไปก่อน การคารวะใครเป็นอาจารย์เป็นเรื่องใหญ่ วันหลังค่อยว่าเถอะค่ะ” เมื่อเห็นแววตาที่อยากได้คนเก่งของมั่วเหวิน ทำให้อีลั่วเสวี่ยนึกถึงอาจารย์ตนเองขึ้นมาทันที น้ำเสียงจึงอ่อนโยนลง
มั่วเหวินเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย “ก็ได้ เจ้าลองคิดดูให้ดี ทางข้ายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ” แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ท่าทางที่ไม่หยิ่งผยอง ทำให้เขารู้สึกดีต่อเธอ
“ขอบคุณผู้อาวุโสค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม ผงกศีรษะอย่างอ่อนน้อม แล้วยื่นมือถือคืนให้เฟิงฉี่
เฟิงฉี่เกาหัวแกรกๆ สีหน้านอบน้อม “อาจารย์ ดึกมากแล้ว อาจารย์รีบไปพักผ่อนเถอะ อดนอนทำให้เสียสุขภาพนะครับ” การอดนอนจะทำให้กลไกต่างๆ ของร่างกายสับสน ขืนทำอย่างนี้เป็นประจำ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียร ก็ยังส่งผลกระทบต่อการฝึก
“ข้ารู้แล้ว เจ้าอยู่ที่นั่นพอแล้วก็กลับมาซะ ไม่มีเจ้าอยู่ด้วย อาจารย์เหงามาก” มั่วเหวินเชิดมุมปากขึ้น ปกติเฟิงฉี่อยู่ด้วย จะคึกคักขึ้นบ้าง ขณะนี้มีเพียงตัวเขาคนเดียว รู้สึกเหงาหงอย
“ถ้าอาจารย์รู้สึกเหงาก็มาหาผมที่นี่สิ ศิษย์จะพาท่านตระเวนเที่ยวเล่น รับรองสนุกแน่” ดวงตาเฟิงฉี่เจิดจ้าขึ้น เขาพูดแนะนำอาจารย์
มุมปากมั่วเหวินกระตุกเล็กน้อย นึกอยากตบหน้าเฟิงฉี่สักป้าบ “เล่นเล่นเล่น มีเวลาเที่ยวเล่น ยังสู้บำเพ็ญเพียรหรืออ่านหนังสือไม่ได้ วางหูแล้ว” จากนั้นก็เลิกวิดีโอคอลล์
เฟิงฉี่งุนงง “เจ๊ อาจารย์ผมโมโหงั้นหรือ?” ขณะนี้เหล้ากำลังออกฤทธิ์ เขารู้สึกว่าสมองทำงานช้ามาก
“ฉันจะรู้ได้ยังไง ไม่งั้นคุณก็โทรกลับไปถามสิ?”
อีลั่วเสวี่ยพูดจบ เฟิงฉี่สั่นหัวไม่หยุด “อย่าดีกว่า” อาจารย์เป็นคนช่างพูด ขืนโทรกลับไป คืนนี้อย่าหวังว่าจะได้พัก