ตอนที่ 410 เขาต้องได้รับการดูแลดีๆ
ขอเพียงเฉวียนหมิงไม่เป็นไร จะสามารถคลายความโกรธของนายท่านผู้เฒ่าได้ดีที่สุด อีกอย่างในเวลานี้ถ้าเขาพูดอะไรก็คงจะไม่เหมาะ อย่างไรอาการของหลานชายตนเองก็ดีขึ้นแล้ว
หมิงเย่กับเฟิงฉี่อยู่ที่นี่ จะอย่างไรก็เป็นคนนอก ต่อให้เขาไม่พอใจอีลั่วเสวี่ยอย่างไรก็ไม่อาจพูดออกมาอย่างเปิดเผย ไม่ใช่นั้นก็อาจถูกคนอื่นตำหนิว่าเฉวียนหมิงมีปู่ที่เอาแต่ใจตัวเอง ที่เหลือก็คือเงินและเส้นสาย
ตอนนี้ถ้าบอกเขาว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นผู้บำเพ็ญเพียร เขาคงไม่เชื่อ เกรงว่าอาจคิดว่าเฉวียนหมิงจะใช้ข้ออ้างนี้เพื่อให้คนที่เขารักอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ยิ่งจะเข้าใจเธอผิดมากขึ้น
อีกอย่างสถานการณ์เป็นผู้บำเพ็ญเพียรบางครั้งไม่สู้ดีนักในสายตาคนอื่น อาจกลัวว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขา ไม่เช่นนั้นทำไมผู้บำเพ็ญเพียรจึงต้องตั้งสำนักต้องรวมกลุ่มกัน
คิดดูก็มีสาเหตุที่แน่นอน
“ที่จริงคุณชายเฉวียนอยากบอกว่าเขาต้องพักรักษาตัวดีๆ ระยะหนึ่ง” คำแก้ตัวแทนของหมิงเย่ทำให้นายท่านผู้เฒ่าเลิกสงสัย
นายท่านผู้เฒ่าพยักหน้า “พูดถูกต้อง ควรจะต้องพักให้ดี เรื่องทางบริษัทก็ให้เหล่าเกาช่วยดูแลเพิ่มขึ้น”
เหล่าเกายืนอยู่ข้างหลัง พอได้ยินก็รีบผงกหัว แล้วหันมาทางเฉวียนหมิง “นายน้อยวางใจได้ครับ ผมจะช่วยดูแลทางบริษัทให้ดี”
เฟิงฉี่เบ้ปาก อย่างเขาที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรนั้นคนทางบ้านล้วนรู้ ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ทำไมบ้านนี้จึงต้องคิดวุ่นวายอย่างนี้ จนปัญญาจริงๆ
หมิงเย่เห็นท่าทางเฉวียนหมิงซาบซึ้งก็ยิ้มที่มุมปาก “จริงด้วยครับนายท่านผู้เฒ่า การพักผ่อนเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ คุณชายเฉวียนอยู่คนเดียว ยุ่งอยู่กับงาน จนบางครั้งลืมพักผ่อน ย่อมส่งผลต่อสุขภาพ”
นายท่านผู้เฒ่าได้ยิน เข้าใจดีว่าสุขภาพย่อมสำคัญกว่างาน จึงขมวดคิ้วทันที “เรื่องนี้ไม่ยาก พักผ่อนให้ดีก่อนแล้วค่อยว่า ฉันจะคอยควบคุมเอง”
“ปู่เฉวียนครับ ความหมายของพ่อผมก็คือหาคนที่ดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ขาดตกบกพร่อง ปู่เฉวียนอายุมากแล้ว ถึงจะบอกว่าจะคอยดูแล ไม่แน่ว่าพี่เขยผมจะตกลงด้วย” เฟิงฉี่กลอกตาหนึ่งรอบ พ่อตนยังช่วยรุก เขาจะอยู่เฉยได้อย่างไร
ทั้งเขายังดูออกว่าพี่ลั่วเสวี่ยของเขาชอบผู้ชายคนนี้จริง เฉวียนหมิงเองก็เป็นคนที่ไม่เลวเลย ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก
ในยามหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้นายท่านผู้เฒ่าย่อมตามไม่ทันเล่ห์กลของหมิงเย่กับลูกชาย เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วดวงตาก็เจิดจ้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ง่าย ฉันจะให้เหล่าเกาหาแม่บ้านมาสักคน”
ปัญหาที่ทุกคนกังวลนั้นแก้ไขได้ง่ายมาก เลือกคนที่ดูแลได้ละเอียดรอบคอบ กลัวว่าพวกเขาจะหาไม่ได้หรือไง
เฉวียนหมิงขมวดคิ้ว “ปู่ครับ ผมไม่ชอบให้คนแปลกหน้าอยู่ที่นี่ อย่าดีกว่าครับ อาเสวี่ย ต่อจากนี้คุณทำอาหารมาให้ผมก็พอแล้ว”
พอเฉวียนหมิงพูดอย่างนี้ นายท่านผู้เฒ่าย่อมเข้าใจดี เขาเม้มปาก สุดท้ายหันมามองอีลั่วเสวี่ย
“เธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของเสี่ยวหมิง ควรจะดูแลเขา แต่เธอยังนิ่งเงียบ หรือว่าไม่อยากทำ?” หรือคำพูดตนก่อนหน้านี้ทำให้เธอไม่พอใจ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหลานชายตนแล้ว?
จะให้เขาขอโทษจึงจะพอใจหรือ เขาเป็นปู่ จะขอโทษได้หรือ เท่ากับตบหน้าตัวเอง
อีลั่วเสวี่ยเห็นท่าทางนายท่านผู้เฒ่าลำบากใจ ก็รู้สึกพอใจ ตาแก่คนนี้ที่จริงปากร้ายแต่ใจดี
“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าไม่อยากทำ ทั้งหมดล้วนแต่ปู่คิดไปเอง” เธอยังคิดว่าต่อให้นายท่านผู้เฒ่าไม่เห็นด้วย เธอก็ยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่
ตอนที่ 411 อีลั่วเสวี่ยตัดสินใจ
อย่างคราวก่อนที่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับนายท่านผู้เฒ่า คฤหาสน์หลังนี้เป็นชื่อของเฉวียนหมิง เธอในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา ย่อมอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย นายท่านผู้เฒ่าไม่มีอำนาจที่จะไล่เธอไป
“หึ แล้วเธอดูแลคนเป็นไหม ถ้าเกิดเธอดูแลเขา แล้วอาการเสี่ยวหมิงแย่ลงจะทำยังไง ฉันไม่วางใจหรอก” นายท่านผู้เฒ่ายังทำเป็นปากแข็ง พูดอ้างโน่นอ้างนี่
ที่จริงผ่านมานานขนาดนี้เป็นนายท่านผู้เฒ่าที่พุ่งเป้ามาที่อีลั่วเสวี่ยฝ่ายเดียว ขณะที่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจ ทำให้เขาเองรู้สึกผิด เพียงแต่ไม่แสดงออกมาเท่านั้นเอง
ถ้าเป็นคนอื่น ต่อให้ทางครอบครัวตนต่ำต้อยอย่างไร ก็คงไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยแล้ว
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “ถ้าปู่ไม่วางใจก็มาดูได้ทุกวัน ดูว่าฉันสามารถทำได้ไหม”
ขณะนี้สายตาที่เชื่อมั่นอาบอยู่รอบตัวอีลั่วเสวี่ย เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ส่งางาม ไม่ว่าพูดหรือทำอะไรก็ล้วนมีแบบแผน มีคุณสมบัติของแม่ศรีเรือนอย่างแท้จริง
ชั่วพริบตานั่นเองที่นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกว่าสองคนนี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆ เป็นคู่สร้างคู่สมอย่างแท้จริง
ไม่ได้ เขาจะหวั่นไหวเพราะคำพูดแค่สองสามประโยคได้อย่างไร “นี่เธอพูดเองนะ ทางที่ดีพูดแล้วขอให้ทำได้”
เฉวียนหมิงอดยิ้มที่มุมปากไม่ได้เมื่อเห็นปู่อ่อนลงเมื่อถูกอีลั่วเสวี่ยรุกใส่ ปู่ตนที่ชอบวางอำนาจ นอกจากย่าที่สามารถกำราบปู่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นปู่เป็นเช่นนี้
หมิงเย่มองลูกชายตนเอง จากนั้นจึงบอกว่า “ลั่วเสวี่ยย่อมรู้วิธีดูแลดีอยู่แล้ว ผมไม่ต้องพูดอีก ดึกมากแล้ว เราควรจะกลับแล้ว”
“หมอหมิง พักค้างคืนที่นี่ก็ได้ ดึกมากแล้ว อย่ากลับเลย” นายท่านผู้เฒ่าชวนให้ค้างคืนที่นี่ ท่าทีเขาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไม่เคยอ่อนโยนต่ออีลั่วเสวี่ยเช่นนี้
“ไม่ละครับ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า คงไม่ค้างแล้ว จากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาผมได้ครับ” หมิงเย่ยิ้มอย่างสุภาพ ดูอารมณ์ดี
บางทีอาจเป็นเพราะความอดทนและนิสัยใจคอของหมิงเย่ช่วยให้นายท่านผู้เฒ่าอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
“พี่ลั่วเสวี่ย พี่เขย แล้วพบกันใหม่ครับ” เฉวียนหมิงโบกมือลา จากนั้นก็เดินตามบิดาออกไป
เหล่าเกายืนอยู่ด้านข้าง เดินออกไปส่งสองพ่อลูก
นายท่านผู้เฒ่ามองดูเวลา “เอาละ พวกเธอพักผ่อนเถอะ ฉันเองก็ง่วงแล้ว จะไปนอน” จากนั้นเหมือนปากจะพึมพำอะไร แล้วเดินเอามือไพล่หลังออกไปจากห้องของเฉวียนหมิง
อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงสบตากันแล้วยิ้ม แล้วส่ายหัวอย่างจนใจ นายท่านผู้เฒ่าทำตัวเป็นเด็กยิ่งขึ้นทุกที อารมณ์แปรปรวนสุดจะคาดเดา
“อาเสวี่ย ขอบใจนะ” ขอบใจที่เธอให้ความเคารพปู่เขาตลอดมา ไม่ทะเลาะกับปู่ ขอบใจที่เธอคอยคิดแทนเขาทุกเรื่อง
“ขอบใจอะไร ระหว่างเราต้องพูดคำว่าขอบใจด้วยหรือ คุณพูดเองว่าคุณจะไม่ถือว่าฉันเป็นคนนอก?” อีลั่วเสวี่ยเอียงคอ พูดแหย่เฉวียนหมิง
ที่จริงนับจากที่เธอบอกฐานะของตนเองออกไป รวมทั้งรู้ว่าเฉวียนหมิงคือพญายม ทำให้ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองลดลงไม่น้อย ส่งผลให้ฉากกั้นที่มองไม่เห็นระหว่างทั้งคู่ไม่รู้ว่าหายไปตอนไหน
เฉวียนหมิงกอดอีลั่วเสวี่ยไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม “จริงสิ ระหว่างเราไม่ต้องพูดขอบใจ”
อีลั่วเสวี่ยซบอกเฉวียนหมิง ฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างมั่นคงและมีพลัง แล้วตัดสินใจที่จะเล่าความเป็นมาทั้งหมดของเธอให้เขารู้
“เฉวียนหมิง คุณรู้ไหมนอกจากฉันจะมาจากยุคโบราณแล้ว ฉันยังมีอีกฐานะหนึ่ง?”
พอเฉวียนหมิงได้ยินดวงตาก็ฉายแววสงสัยออกมา เขานิ่งคิดเล็กน้อย นึกไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรที่ตนเองไม่รู้
“ของชิ้นนี้เดิมเป็นของของฉัน คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ยังเป็นของฉัน” เธอจงใจที่จะพูดแหย่ให้เขาสนใจ ไม่พูดออกมาหมด