ตอนที่ 394 ฉันแวะมาดูหน่อย
แต่ที่จริงในใจกำลังนึกสงสัย ทำไมดูแล้วเหมือนน้ำแกงทั่วไป แต่พอได้กินกลับรู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้น สบายตัวมาก
แน่นอนว่าต้องรู้สึกสบายขึ้น เป็นเพราะอีลั่วเสวี่ยเอาสมุนไพรทิพย์มาจากเจ้าลูกบอลเงิน คั้นน้ำแล้วใส่ลงไปในน้ำแกงไก่ ช่วยลดความดันให้นายท่านผู้เฒ่า เธอยังเอากากสมุนไพรที่เหลือมาซาวข้าวต้มเป็นโจ๊ก ไม่เสียเปล่าแม้แต่น้อย
เมื่อนายท่านผู้เฒ่าได้กินอาหารเสริม ย่อมรู้สึกสบายขึ้น เป็นเพราะฤทธิ์ยาจากสมุนไพรทิพย์
“ปู่ครับ ปู่อย่าพุ่งเป้ามาที่อาเสวี่ยได้ไหม เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ปู่ดูสิ ปู่ทำกับเธออย่างนี้ เธอยังคอยเอาใจใส่ปู่ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไหม?”
เฉวียนหมิงเห็นสีหน้านายท่านผู้เฒ่าผ่อนคลายลงบ้าง จึงพยายามเอ่ยถึงข้อดีของอีลั่วเสวี่ย
นายท่านผู้เฒ่าเลียริมฝีปาก รสชาติที่อร่อยเมื่อกี้ยังค้างอยู่ที่มุมปาก เมื่อเผชิญกับแววตาที่ขึงขังของหลานชายตัวเอง ทำให้เขารู้สึกผิด
“ปู่…” แต่ยังไม่ทันพูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เหล่าเกาได้ยิน จึงเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย “คุณคือ?” มีหญิงสาวสวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่นอกประตู เหล่าเการู้สึกคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเห็นที่ไหนมาก่อน
“ลุงเกา ฉันเองค่ะ จื่อชิว จำฉันไม่ได้หรือคะ?” ฟางจื่อชิวยิ้มอย่างอ่อนโยน ดูราวกับรอยยิ้มของเทพธิดา
เฉวียนหมิงคิ้วขมวดทันทีเมื่อเห็นเธอ “คุณมาทำไม” วิญญาณผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมสลาย หรือว่าเธอฟังคำพูดเขาเมื่อคืนไม่เข้าใจ
ฟางจื่อชิวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับเรื่องเมื่อคืน เธอเดินผ่านเขามาที่หัวเตียงนายท่านผู้เฒ่า “ปู่เฉวียน เป็นยังไงบ้างคะ? ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีก จะให้หนูแนะนำหมอใหญ่ที่หนูรู้จักไหมคะ?”
ที่จริงนายท่านผู้เฒ่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่อยากอาศัยโอกาสนี้ดูว่าหลานชายห่วงใยตนหรือไม่ วันนี้หลังจากกินอาหารแล้วรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ
“แม่หนูจื่อชิว ฉันไม่เป็นไรหรอก ที่จริงก็ไม่มีอะไร แต่เจ้าหนูนี่ทำเป็นเรื่องใหญ่ จะส่งฉันมาโรงพยาบาลให้ได้ ยังตรวจทั้งร่างกายด้วย ทรมานคนแก่จริงๆ” ที่พูดเช่นนี้นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกภูมิใจ ยังไงหลานชายตนก็ยังกตัญญู
“งั้นก็ดีแล้วค่ะ มีเรื่องอะไรก็เรียกพยาบาลและหมอได้ค่ะ ทางนี้หนูช่วยกำชับให้แล้ว งั้นปู่เฉวียนพักผ่อนเถอะค่ะ หนูไม่รบกวนแล้วเดี๋ยวยังต้องไปตรวจดูคนไข้อีก”
นายท่านผู้เฒ่ายิ้มร่า “ไปเถอะ ไปเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว เฉวียนหมิงไปส่งหน่อย”
เฉวียนหมิงพยักหน้าด้วยความรำคาญ ไม่ต้องบอกเขาเองก็จะหาโอกาสคุยกับฟางจื่อชิวให้ชัดเจน ก่อนหน้านี้ที่ไม่พูด เพราะเขาคร้านจะอธิบาย เขาไม่มีใจให้เธอแม้แต่น้อย ถ้าพูดกลับจะเหมือนใจแคบ แต่เวลานี้เป็นอย่างนี้แล้ว ไม่พูดก็คงไม่ได้
“เมื่อคืนต้องขอโทษด้วยค่ะ” เพิ่งออกมาจากห้องคนป่วยฟางจื่อชิวเป็นฝ่ายพูดขอโทษก่อน ท่าทางเหมือนเด็กสาวที่มีเหตุผล
“รู้ก็ดีแล้ว งั้นผมคงไม่จำเป็นต้องอธิบายมากเกินไป ลาก่อน” เฉวียนหมิงหันหลังกลับ เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ฟางจื่อชิวที่เดิมยิ้มอยู่ใบหน้าแข็งทื่อทันที แต่ตอนนี้มีพยาบาลหลายคนมองมาทางนี้ เธอจึงต้องยิ้มเพื่อให้ดูดี แล้วเดินไปที่ห้องทำงานของแพทย์
เหล่าเกากับเฉวียนสือแปลกใจมากที่ไม่ถึงสิบวินาทีเฉวียนหมิงก็กลับมา
“หลานส่งแขกแบบนี้หรือ?” นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกโมโห ทำอย่างนี้ออกจะเกินไปแล้ว จะให้ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร
เฉวียนหมิงไม่ใส่ใจ “แล้วปู่จะให้ผมส่งเธอยังไง กลางวันอย่างนี้จะให้ผมพาเธอไปส่งบ้านหรือ ยังทำงานอยู่ไม่ใช่หรือครับ?”
ตอนที่ 395 คราวก่อนยังสั่งสอนไม่พอ
คำพูดเฉวียนหมิงทำให้นายท่านผู้เฒ่าถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก สุดท้ายเขาทำตาขวาง พูดพึมพำด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่ให้เฉวียนหมิงได้ยิน
“เอาละ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ปู่ครับ ตอนนี้ปู่รู้สึกยังไงบ้าง?” วันนี้หมอมาตรวจแล้ว บอกว่าปู่ไม่มีอาการป่วยเป็นพิเศษ สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
ที่บ้านมีหมอประจำครอบครัว ถ้าต้องอยู่ในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อ สู้กลับบ้านยังดีกว่า
แต่ตอนนี้นายท่านผู้เฒ่าเกิดแข็งกร้าวขึ้นมา “ฉันยังรู้สึกไม่ดี จะพักที่นี่อีกสองวัน!” กลับไปหรือ ถ้าส่งเขากลับไปละก็หลานชายตนคงเลิกใส่ใจตนเองแล้ว
เฉวียนหมิงกุมหน้าผากด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า แล้วหันไปสั่งเหล่าเกา “เหล่าเกา คุณไปเอาเอกสารที่ผมต้องจัดการกับตราประทับมาที่นี่ ในเมื่อปู่ยังไม่อยากกลับ ก็อยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวบอกให้เปลี่ยนเป็นห้องที่ใหญ่ขึ้น”
อยากอยู่ใช่ไหม งั้นผมก็จะอยู่ด้วย ดูว่าใครจะอึดกว่ากัน
ในใจเหล่าเการู้สึกจนใจ แต่ปากกลับพูดตกลง “ครับนายน้อย งั้นเดี๋ยวผมกลับไปรอบหนึ่ง” ดูแล้วยังต้องเตรียมเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนมาด้วย สองคนนี้สมกับเป็นปู่กับหลานกัน นิสัยดื้อรั้นเหมือนกันไม่มีผิด
วันนี้เป็นวันศุกร์ หลังจากเอาของมาส่งให้แล้วอีลั่วเสวี่ยก็ขับรถไปเรียนที่มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็กลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า แปลงโฉมแล้วก็ออกจากบ้าน ไปที่ร้านเคบาร์นรกอเวจี ทุกวันศุกร์เธอจะไปดูแลร้าน
วันนี้พอเธอกับเฟิงฉี่เพิ่งลงจากรถก็พบว่ามีคนไม่น้อยรวมตัวกันอยู่ที่หน้าร้าน เดิมมีลูกค้ากำลังจะเข้าร้าน พอเห็นเช่นนี้ก็พากันเปลี่ยนใจ บางคนผละไป บางคนยืนดูอยู่ห่าง
เธอเพ่งมอง แล้วพบว่าในกลุ่มคนมีคนที่ดูคุ้นหน้า คนหนึ่งคือหงเหมา อีกคนคือคนที่คราวก่อนเล่นงานหูปิงที่โรงงานถลุงเหล็ก เขาเคยบอกเธอว่าคนสองกลุ่มนี้เป็นพวกเดียวกัน
“ว่าไง จะเข้าเป็นพวกเราไหม หรือให้เราเข้าร่วมกับร้านเคบาร์ร้านนี้?” หงเหมาเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเป่าลูกโป่ง น้ำเสียงท้าทายอย่างยิ่ง
หูปิงยิ้มหยัน “เห็นเรามีกำไรก็อยากแหย่เท้าเข้ามา พวกแกไม่รู้จักอายหรือไง แต่แกฝันไปเถอะ แม้แต่มากินเหล้ายังไม่ต้อนรับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะเข้าร่วมเลย”
อยากจะแบ่งเงินกับพวกเขา คิดถึงเงินจนบ้าไปแล้ว ไม่คิดบ้างว่าตัวเองมีสิทธิอะไร
“หึ ข้าเป็นคนขี้โมโห อยากมีเรื่องใช่ไหม?” เขาให้ลูกน้องมาดูลาดเลาหลายวันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่ ได้โอกาสสั่งสอนคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนี้แล้ว
เขายังชวนพี่ชายมาด้วยเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย
“พูดถูกแล้ว อยากมีเรื่อง” เฟิงฉี่ลูบหมัด แล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าถีบก้นหงเหมา หงเหมาไม่ทันระวัง ล้มคว่ำหน้าทิ่มพื้น
หมากฝรั่งที่เคี้ยวเมื่อกี้เปื้อนดินโคลนและน้ำลายติดอยู่บนหน้า ท่าทางยากที่จะบรรยาย
“แกเป็นใคร ยุ่งไม่เข้าเรื่อง กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำหรือไง” คนที่เคยล้อมหูปิงเห็นน้องชายตัวเองถูกเล่นงานก็พูดเสียงสูงทันที มองเฟิงฉี่ด้วยสายตาดูแคลน แขนขาเล็กอย่างนี้ ดูแล้วไม่ใช่พวกที่มีฝีมือด้านชกต่อย ยังรู้จักลอบทำร้ายคนด้วย
เฟิงฉี่ยิ้มอย่างเ**้ยมเกรียม สองมือกอดอก “ฟังให้ดี ฉันมีฉายาว่าท่านเจ็ด เป็นเถ้าแก่รองของร้านนี้ วันหลังเห็นฉันต้องเดินอ้อมไป ไม่งั้นถ้าเจอต้องถูกเล่นงาน”
“หึ สามหาวนัก!” ชายคนนั้นยิ้มเยาะ แล้วชกใส่ใบหน้าเฟิงฉี่
เฟิงฉี่ตาไวมือเร็ว คว้าข้อมือเจ้านั่นไว้ แล้วกระชากลงอย่างรุนแรง มีเสียงดังเพี๊ยะ ตามมาด้วยเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดของเจ้านั่น
“โอ๊ย โอ๊ย เจ็บ เจ็บ รีบปล่อยมือ ปล่อยมือเร็ว!” พูดพลางยื่นมืออีกข้างจะดึงมือเฟิงฉี่ออก