ตอนที่ 428 ถ่ายรูปร่วมกับคุณ
อย่างไรก็เป็นครั้งแรกที่พบหน้าแม่ของเหอเย่ว์ ทุกคนยังรู้สึกประหม่า แต่จากนั้นก็ค่อยๆ หายประหม่าแล้ว
เนื่องจากเหอจวินเคยเป็นทหารมาก่อน เขาพูดจาโผงผาง บวกกับเหอเย่ว์เป็นคนร่าเริง ไม่ช้าทุกคนก็คุ้นเคยกัน แล้วคุยกันอย่างสบายใจ
จากนั้นอีลั่วเสวี่ยและหลิ่วเฟยซวงก็เข้าไปช่วยงานในครัว ไม่นานนักอาหารเต๊มโต๊ะก็เสร็จเรียบร้อย
อาหารบนโต๊ะเป็นอาหารบ้านๆ ทั่วไป แม้จะดูไม่ประณีตบรรจงแบบอาหารตามโรงแรม แต่เห็นแล้วก็น้ำลายไหล พอกินแล้วทุกคนก็รู้สึกว่ารสชาติเยี่ยมมาก
เนื่องจากอีลั่วเสวี่ยกับเพื่อนกินเร็วมาก เมื่อกินมื้อค่ำเสร็จยังไม่ถึงสองทุ่มครึ่ง ทุกคนเสนอว่าอยากไปเที่ยวข้างนอกกัน
อย่างไรก็เป็นคนหนุ่มสาว ทั้งพวกเขามีกันหลายคน ยังไงกินข้าวเสร็จจะให้ขลุกอยู่แต่ในบ้านได้อย่างไร น่าอึดอัด จะให้เอาแต่พูดคุยกันหรือ ถ้าเกิดหมดเรื่องคุยแล้วจะทำอย่างไร
สุดท้ายทุกคนตัดสินใจไปร้องเพลงกัน ดื่มอะไรบ้าง ถือเป็นการเลี้ยงส่งเหอเย่ว์
“ขอบใจทุกคนเลย” ทุกคนร้องเพลงและดื่มเหล้ากัน จนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่มครึ่งอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าเหอเย่ว์ปลาบปลื้มเมื่อเดินออกจากร้านคาราโอเกะ
เธออยู่ข้างนอกตลอด นานมากแล้วที่ไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าทหารอย่างพวกเธอจะไม่ชอบสนุก แต่พวกเธอใช้ชีวิตค่อนข้างจำเจ แม้จะเป็นทหารหญิงก็ตาม
แต่ทุกคนถ้ามีเวลาก็จะกลับบ้านหรือนัดเพื่อนออกไปเที่ยว ส่วนเธอมักจะหาเพื่อนที่รู้ใจไม่ได้ เวลาว่างก็มักจะคุยโทรศัพท์หรือพักผ่อน
ตอนนี้ถึงเวลากลับไปกองทหารแล้ว เหอเย่ว์มีความรู้สึกเหมือนยังไม่อยากจากไป
อีลั่วเสวี่ยกับหลิ่วเฟยซวงคล้องแขนคนละข้างของเธอ “ขอบใจอะไร เพื่อนกันทั้งนั้น สนุกก็ดีแล้ว จริงไหมเสวี่ยเสวี่ย?”
“พูดถูก ไม่ว่าเธอจะอยู่ข้างๆ เราหรือไม่ เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน” แม้ว่าก่อนหน้านี้เหอเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย แต่ความไร้เดียงสาของเธอทำให้พวกเธอชอบมาก เห็นไหม เวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนพวกเธอก็กลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันแล้ว
คำพูดอีลั่วเสวี่ยทำให้เหอเย่ว?ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล “พวกเธอไม่ต้องพูดแล้ว ขืนพูดอีกฉันคงไม่อยากจากไปแล้ว แล้วถ้าเกิดฉันคิดถึงพวกเธอแล้วจะทำอย่างไรดี?”
พอเธอพูดเช่นนี้บรรยากาศก็เศร้าลงทันที “เสี่ยวเย่ว์ เธออย่าพูดแบบนี้ ถ้าคิดถึงเราก็โทรหาได้ตลอดเวลา เออไม่ถูก เราไม่สามารถโทรคุยกันตลอดเวลา งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าเธอคิดถึงพวกเราก็ดูรูปถ่ายก็ได้”
“พูดถึงรูปถ่าย เรามาถ่ายภาพหมู่กันเถอะ” พูดแล้วก็ลงมือเลย หลิ่วเฟยซวงหยิบมือถือออกมา แล้วเริ่มถ่ายรูปพวกเขา ท่าทางทะเล้นของสามหนุ่มถูกถ่ายรูปไว้
สุดท้ายก็ถ่ายภาพหมู่ไว้หลายใบ ล้วนใช้มือถือของเหอเย่ว์ ถือว่าพวกเขามอบรูปถ่ายให้กับเหอเย่ว์
เดิมเหอเย่ว์ยังรู้สึกเศร้าใจ แต่เวลานี้เหลือเพียงความตื้นตันใจเท่านั้น
“เรามาถ่ายรูปกันกับเหอเย่ว์เถอะ จะได้เห็นหน้าชัดหน่อย” อีลั่วเสวี่ยเห็นเว่ยเหลียนเฉิงพยายามถ่ายรูปอยู่ใกล้กับเหอเย่ว์จึงเสนอขึ้น
สุดท้ายพอวนมาถึงเขา เว่ยเหลียนเฉิงก็ล้วงมือถือของตัวเองออกมา เปิดโหมดถ่ายรูป “เออ…คุณถ่ายคู่กับผมได้ไหม?”
เขากำลังคิดว่าหลังจากเหอเย่ว์จากไปแล้ว ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะได้เจอเธออีก ถ้ามีรูปถ่ายก็สามารถเห็นหน้าเธอได้ทุกเมื่อ
เหอเย่ว์ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรัก พอทุกคนเอามือถืออกมาถ่ายรูป เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก “ได้สิ งั้นถ่ายเลย”
ตอนที่ 429 ใครเป็นทิวท้ศน์ให้ใคร
เว่ยเหลียนเฉิงดีใจมาก สีหน้าฉายความพึงพอใจออกมา รีบใช้มือถือส่องที่พวกเขา เปลี่ยนหลายท่า ถ่ายไว้หลายรูป พอถ่ายรูปเสร็จก็หันมาผงกหัวเล็กน้อยให้อีลั่วเสวี่ย เป็นเพราะเธอเสนอเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีโอกาสถ่ายรูปคู่กับเหอเย่ว์ เวลานี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหนานหลิวเฟิงจึงค่อยๆ หลงเสน่ห์เธอ
เด็กสาวอย่างอีลั่วเสวี่ยจิตใจละเอียดรอบคอบ เป็นผู้หญิงที่ฉลาด ความฉลาดของเธอช่วยให้ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่จำเป็นต้องอธิบายเกินความจำเป็น
“เอาละ ดึกมากแล้ว เราเรียกบริการขับรถแทนมาช่วยขับรถส่งเรากลับกันเถอะ” ข้างนอกลมเย็นพัด ทุกคนรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เหอเย่ว์รีบเสนอให้ทุกคนกลับบ้าน
จากนั้นอีลั่วเสวี่ยกับเพื่อนจึงโทรเรียกบริการขับรถแทน มาช่วยพวกเขาขับรถและคนไปส่ง ที่จริงกินเหล้าเท่านี้สำหรับเธอแล้วย่อมไม่เป็นไร เธอสามารถขับฤทธิ์เหล้าออกไปได้
แต่วันนี้ออกมาเที่ยวกับเพื่อนๆ ถ้าเธอดูแล้วไม่เมาเลยก็คงเป็นเรื่องแปลก
เที่ยงวันต่อมาพวกเธอไปส่งเหอเย่ว์ที่สนามบิน ครั้งนี้มีเพียงอีลั่วเสวี่ยและหลิ่วเฟยซวง
“เสี่ยวเย่ว์ ฉันจะคิดถึงเธอ ฉันต้องคิดถึงเธอแน่นอน” หลิ่วเฟยซวงสีหน้าไม่อยากให้เธอไป พูดจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าตัวเองมีอีลั่วเสวี่ยเป็นเพื่อนคนเดียวเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเวลานี้สามารถมีเพิ่มอีกคน
เหอเย่ว์กลับไม่ค่อยรู้สึกเศร้ามากนัก “ฉันก็จะคิดถึงเธอ จริงสิเฟยเฟย เมื่อวานพี่ชายเธองานยุ่งหรือ ไม่เห็นมาด้วย” น้ำเสียงแฝงด้วยความคิดถึง
น่าเสียดายที่หลิ่วเฟยซวงไม่เข้าใจอะไรเลย เธอพยักหน้าแล้วว่า “ดูเหมือนจะยุ่งมาก เมื่อคืนฉันกลับไปแล้วเขาถึงจะกลับ ดูเหมือนต้องไปงานสังสรรค์ทางธุรกิจมาก”
ช่วงต้นในการก่อร่างสร้างตัว มีใครที่ไม่ยุ่งบ้าง โดยเฉพาะหลิ่วเฟยอวิ๋นซึ่งเริ่มธุรกิจของตนเอง ไม่ได้อาศัยฐานะทางครอบครัวเลย ย่อมต้องเหนื่อยมากหน่อย
“อ้อ…” เหอเย่ว์รู้สึกเสียดาย แต่แสร้งปิดบังได้ดี
อีลั่วเสวี่ยเห็นเช่นนี้ก็นึกถอนหายใจ มีคำพูดหนึ่งกล่าวได้ถูกต้อง เมื่อคุณยืนบนสะพานชมทิวทัศน์ กลับไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นทิวทัศน์ของใครบางคน
เหอเย่ว์มีใจให้หลิ่วเฟยอวิ๋น แต่เว่ยเหลียนเฉิงกลับมีใจให้เธอ ทั้งยังเริ่งแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา น่าเสียดายที่เหอเย่ว์ไม่เข้าใจ
เธอมองรื่องเหล่านี้ไว้ในสายตา รู้สึกเสียดายแทนพวกเขาทั้งสาม แต่เรื่องทำนองนี้พูดยาก เธอได้แต่คอยเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลง ถ้าคนสองคนมีวาสนาต่อกัน ย่อมได้อยู่ร่วมกัน
ถึงตอนนี้ประกาศในสนามบินเริ่มบอกให้เที่ยวบินที่เหอเย่ว์จะเดินทางเริ่มทำการตรวจตั๋วแล้ว เป็นการเตือนพวกเธอ
“เอาละไม่พูดแล้ว ฉันจะไปแล้ว ฉันกลับมาคราวหน้า พวกเธอต้องมารับฉันนะ” เหอเย่ว์พูดพร้อมกับยิ้มร่า
หลิ่วเฟยซวงพยักหน้าไม่หยุด “เรื่องนั่นแน่นอนอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นก็ขอให้โทรบอก ต่อให้บินฉันก็จะบินมาหาเธอ”
เหอเย่ว์หัวเราะ ลากกระเป่าเดินทางใบเล็กไปที่ช่องตรวจตั๋ว อีลั่วเสวี่ยกับหลิ่วเฟยซวงมองส่องเธอครู่หนึ่งก็ผละไป
วันนี้เป็นวันศุกร์ ยังไม่เห็นเฉวียนหมิงโทรหาเธอเลย อีลั่วเสวี่ยชักนึกสงสัย “แปลกจริง เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ?”
โทรหาเหล่าเกาก็ไม่มีคนรับสาย เธอเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“เป็นอะไรไป หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว ก็แค่โทรไม่ติด บางทีอาจจะยังยุ่งอยู่ หรืออาจจะประชุมอยู่ อีกเดี๋ยวลองโทรใหม่” เจ้าลูกบอลเงินอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบใจ
อีลั่วเสวี่ยสั่นหัว “ไม่ถูก ฉันต้องไปบ้านเขาดูด้วยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น”
โทรศัพท์ของเฉวียนหมิงไม่เคยที่จะโทรไม่ติด ถ้าบังเอิญไม่ได้รับสาย แต่ทางเหล่าเกาก็ต้องรับ