ตอนที่ 440 ไปดูที่คฤหาสน์เก่าสกุลอวิ๋น
จากนั้นฝานเจียวเจียวก็คาดเข็มขัดนิรภัย แล้วส่งสัญญาณให้คนขับขับรถออกไป เธอมั่นใจมากว่าฟางจื่อชิวจะพิจารณาข้อเสนอของเธอ ผู้หญิงที่คลั่งในความรักยอมทำทุกอย่างเพื่อความรักโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา
อีกด้านหนึ่งหลังจากฝานเจียวเจียวออกจากบาร์ไปไม่นาน ฟางจื่อชิวก็ออกจากบาร์ ตรงไปที่สถานพักฟื้นที่ปู่เธออาศัยอยู่
“คุณหนู ต่อจากนี้เราจะไปโรงแรมหรือจะเชิญคนในสังคมชั้นสูงของเมืองเอฟมาร่วมงานเลี้ยงครับ” สำหรับที่นี่งานเลี้ยงเป็นที่ที่คนมีเงินเหล่านี้จะมาพบปะทำความรู้จักกัน ส่งการ์ดเชิญไป หลังจากกินดื่มและสนุกฟรีแล้วก็ทำความรู้จักกัน คล้ายกับงานเลี้ยงที่ซีเหมินหลงเซี่ยวจัดคราวนั้น อาศัยฐานะของผู้จัดค่อยๆ ทำความรู้จักกับผู้คน เป็นวิธีแนะนำประวัติความเป็นมาของตนเอง
ฝานเจียวเจียวสั่นหัว มีรอยยอิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก “เชิญพวกนั้นมาพบรึ ไม่จำเป็นหรอก” คนที่มีชื่อเสียงที่นี่จะเทียบกับพวกเขาทางนั้นได้หรือ?
อีกอย่างที่เธอมาที่นี่เป็นการมาอย่างเงียบๆ ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวาย ที่จริงพูดให้ชัดก็คือฝานเจียวเจียวดูถูกคนเหล่านี้ ไม่คิดจะคบหาสมาคมด้วย
“งั้นเรากลับโรงแรมเถอะ” มาถึงที่นี่ตอนค่ำเมื่อวาน วันนี้ออกมาสืบดูสภาพแต่เช้า ยังไม่ได้พักผ่อนเต็มที่
คนขับรถได้รับคำสั่งจากฝานเจียวเจียวก็ขับรถกลับไปโรงแรม
“คุณหนู ฟางจื่อชิวยังไม่ได้โทรกลับมาครับ” บอดี้การ์ดมารออยู่ที่หน้าห้องฝานเจียวเจียวเมื่อถึงเวลา พอเธอออกมาเขาก็ช่วยถือกระเป๋าให้ แล้วเดินตามหลังเธอ
ทำอย่างนี้แล้วทำให้เธอดูงามสง่าราวกับเจ้าหญิง ไม่ว่าไปไหนจะมีคนคอยรับใช้อย่างใกล้ชิด ท่วงท่าของเธอทำให้คนของโรงแรมไม่กล้าดูเบา
“ไม่รีบ เธอย่อมจะมาหาเอง” ฝานเจียวเจียวสวมแว่นดำ ท่าทางไม่ด้อยไปกว่าดาราคนใด เพราะเธอวางท่าใหญ่โตมาก อย่างไรก็เติบโตขึ้นมาในเขตทหาร ได้รับการขัดเกลาจนตัวเธอมีความเย็นชาไม่น้อย
ฝานเจียวเจียวลงจากชั้นบนมากินมื้อเช้าที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ไปกันเถอะ” ฝานเจียวเจียวกินอิ่มแล้ว ใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดคราบเปื้อนบนปากเบาๆ หยิบลิปสิคมาทาริมฝีปากรอบหนึ่ง แล้วจึงลุกยืนด้ยท่วงท่าสง่างาม
บนรถนอกโรงแรม บอดี้การ์ดมองเธอด้วยความสงสัย “คุณหนู เราจะไปไหนกันครับ?” มาถึงที่นี่แล้วฝานเจียวเจียวไม่ได้บอกหมายกำหนดการให้เขารู้ จะไปไหนจึงต้องสอบถามก่อน
ฝานเจียวเจียวนั่งที่เบาะหลัง วางกระเป๋าถือไว้ข้างๆ ดึงกระจกสำหรับแต่งหน้าบนรถลงมาตรวจดูการแต่งหน้าของตนเอง “ไปคฤหาสน์เก่าสกุลอวิ๋น” มาถึงที่นี่แล้วทำไมจะไม่ไปดูที่นั่นเล่า
เธอเคยได้ยินเรื่องเกียวกับที่นั่นแต่ไม่เคยไป นับดูแล้วเธอก็มีความเกี่ยวข้องกับสกุลอวิ๋น มาถึงเมืองเอฟแล้วไม่ควรพักอยู่แต่ที่โรงแรม ตามเหตุผลแล้วเธอควรพักที่นั่นต่างหาก
ทั้งก่อนหน้านี้เธอเคยถามย่ารองของเธอ คิดว่าไปที่นั่นคงจะไม่ถูกปฏิเสธ
“คฤหาสน์ประจำตระกูลของสกุลอวิ๋นหรือครับ?” คุณหนูของตนจะไปเปิดเผยตัวเองกับผู้หญิงคนนั้นหรือ หรือว่ามีจุดมุ่งหมายอื่น
ฝานเจียวเจียวขมวดคิ้ว “ยังมัวเหม่ออะไร ยังไม่ไปอีก?”
“ครับ คุณหนู”
ที่นอกคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋น ฝานเจียวเจียวนั่งอยู่บนรถ ให้บอดี้การ์ดไปบอกให้ยามประตูปล่อยให้รถแล่นเข้าไป คิดไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธ
“ขอโทษครับ ไม่อนุญาตให้รถแปลกหน้าเข้าไป โปรดไปจากที่นี่ด้วย” ยามประตูแววตาแข็งกร้าว ไม่ยอมให้รถของฝานเจียวเจียวเข้าไป
เธออยู่ในรถรู้สึกไม่พอใจ จึงเปิดประตูรถออกมา
“ฉันชื่อฝานเจียวเจียว ไปบอกคนข้างใน บอกว่าฉันกลับมาดูบ้านของย่ารองของฉัน”
คำพูดเธอทำให้ยามประตูสงสัย พอจะคาดเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ถึงกับเรียกเจ้าของบ้านว่าย่ารอง คิดดูแล้วคงจะเป็นญาติของสกุลอวิ๋น ยามประตูจึงโทรหาอาเหมา
ตอนที่ 441 ตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่
“ฝานเจียวเจียว? แน่ใจจะว่าเธอพูดอย่างนี้” แซ่ฝาน เป็นแซ่สกุลของนายหญิงผู้เฒ่า จะเป็นใครหรือ อาเหมาสงสัย ไม่กล้ารอช้า นั่งรถจากคฤหาสน์มาที่ประตูทันที”
เขามองดูฝานเจียวเจียว หน้าตามีส่วนคล้ายนายหญิงผู้เฒ่าอยู่บ้าง ดูออกว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน แต่นับดูแล้วก็ค่อนข้างห่าง
“ขอถามหน่อยคุณเป็นใครครับ?” อาเหมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลอวิ๋นตลอดมา เขารู้สึกสงสัย เขาเองก็ไม่ใส่ใจเรื่องของสกุลอวิ๋นนักหลังจากที่พวกเขาย้ายไป ย่อมไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร
ฝานเจียวเจียวยิ้ม “คุณคงเป็นอาเหมา ย่ารองบอกฉันว่าคุณดูแลคฤหาสน์หลังนี้ตลอดมา คงลำบากมาก”
เธอเรียกฝานเหม่ยหลิงว่าย่ารอง อาเหมาพอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร จากนั้นจึงยิ้ม “ที่แท้เป็นหลานสาวของนายหญิงผู้เฒ่า แต่ทำไมคุณถึงมาคนเดียว ผมเองก็ไม่ได้รับการแจ้งจากนายหญิงผู้เฒ่าครับ”
เธอมาที่นี่ทำไม? แม้อาเหมาจะไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่มีเจตนาอะไร แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาไม่ดีแน่ เนื่องจากดูจากสายตาเธอแล้ว เขามองออกว่าเธอคิดว่าคฤหาสน์เก่าหลังนี้ควรจะเป็นของเธอ!
“อ้อ ได้ยินว่าอาอวิ๋นรับลูกสาวคนหนึ่งไว้ที่นี่ ย่ารองบ่นอยากเจอเธอ ฉันจึงมาหาญาติผู้น้อง อยากชวนเธอกลับไปร่วมอวยพรวันเกิดปู่รอง” เธอเรียกฝานเหม่ยหลิงว่าย่ารอง เรียกอวิ๋นเซินว่าปู่รอง
อาเหมาขมวดคิ้ว “วันเกิดนายท่านผู้เฒ่ายังอีกครึ่งเดือน คงไม่ต้องเร็วขนาดนั้นหรอก อีกอย่างเรื่องนี้คงไม่ต้องให้นายหญิงผู้เฒ่าจัดกการหรอกครับ” เรื่องนี้อวิ๋นเว่ยย่อมจัดการเอง
เวลานี้นายหญิงผู้เฒ่าใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบ ไม่ยุ่งกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น อีกอย่างก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่านายหญิงผู้เฒ่าอยากให้หลานสาวตนเองกลายเป็นหลานแท้ๆ คิดแล้วคงจะเป็นผู้หญิงคนนี้นั่นเอง
แต่บังเอิญที่ท่านแม่ทัพรับคุณหนูใหญ่เป็นลูกสาว ทำให้แผนนี้ล่มสลาย ส่วนนายหญิงผู้เฒ่าถ้าเกิดสนใจอีลั่วเสวี่ยก็คงไม่ให้ฝานเจียวเจียวมาหาหรอก
ฝานเจียวเจียวไม่อาจฝืนยิ้มต่อไปได้แล้ว “ย่ารองก็แค่อยากรู้จักญาติผู้น้อง จริงสิ ย่ารองยังบอกให้ฉันมาดูหน่อยว่าคฤหาสน์เป็นยังไงบ้าง” พูดถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมให้เข้าไปหรือ
อาเหมาย่อมฟังเจตนาของเธอออก “คุณผู้หญิง ต่องขอโทษด้วย คุณหนูใหญ่ไม่อยู่ ในคฤหาสน์ก็ไม่มีคนรับใช้อีก ผมเกรงว่าคนแก่อย่างผมคงต้อนรับคุณไม่ไหว ไม่งั้นรอให้คุณหนูใหญ่กลับมาค่อยให้เธอไปเชิญคุณจะดีกว่า”
คฤหาสน์หลังนี้ท่านแม่ทัพโอนเป็นชื่อของคุณหนูใหญ่แล้ว สามารถพูดได้ว่าโดยภายนอกคฤหาสน์ตระกูลอวิ๋นหลังนี้แม้จะยังมีชื่อเป็นของสกุลอวิ๋น แต่ความจริงแล้วเป็นทรัพย์สินของอีลั่วเสวี่ย มีสิทธิห้ามคนอื่นไม่ให้เข้า รวมทั้งฝานเจียวเจียวที่เป็นญาติห่างๆ ด้วย
ฝานเจียวเจียวไม่พอใจแล้ว “นี่เป็นบ้านของย่ารองฉัน ฉันเข้าไปไม่ได้หรือไง น่าหัวเราะ!” น่าโมโหจริงๆ อาเหมาคนนี้เป็นอะไรไปแล้ว หรือถูกอีลั่วเสวี่ยหลอกอีกคนแล้ว
“คุณผู้หญิงพูดผิดแล้ว บ้านหลังนี้นายหญิงผู้เฒ่าเคยอาศัยอยู่จริง ที่จริงเป็นชื่อของท่านแม่ทัพกับนายหญิง แต่เวลานี้ท่านแม่ทัพโอนให้คุณหนูใหญ่แล้ว ไม่ใช่บ้านของนายหญิงผู้เฒ่าหรอกครับ” คิดจะอาศัยชื่อของนายหญิงผู้เฒ่ามาวางอำนาจที่นี่ ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ หรอก
อีกอย่างเวลานี้นายหญิงผู้เฒ่าอายุมากแล้ว มีทรัพย์สินทางด้านเขตทหารที่สิบสองไม่น้อย ไหนเลยจะหมายตาคฤหาสน์เก่าแก่หลายสิบปีที่อยู่ห่างไกลหลังนี้
ฝานเจียวเจียวหน้าเสียทันทีเมื่อถูกอาเหมาพูดตอกกลับเช่นนี้
“คุณผู้หญิง รบกวนฝากบอกนายหญิงผู้เฒ่าด้วย คฤหาสน์อยู่ในสภาพดีมาก ถ้านายหญิงอยากกลับมาดูเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนตาแก่อย่างผมไม่สะดวกจะต้อนรับคุณ ต้องขออภัยด้วย”