การเเข่งขันทักษะทางการเเพทย์นั้นคือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้กู้จวินได้เข้ามายังเฟคต้าแห่งนี้ พอเขาเห็นนักศึกษาจากที่อื่นที่ผ่านเข้ามาเหมือนกัน ความอยากรู้อยากเห็นก็บังเกิดขึ้นในหัวสมองของกู้จวินทันที
ในขณะที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันกู้จวินก็แอบถามด้วยคำถามที่กำกวมจนได้คำตอบว่า…..พวกเขามาจากเมืองสี่เเห่งที่แตกต่างกัน และพวกเขาได้เห็นต้นไทรมนุษย์ที่ผิดรูปแบบหลังจากที่ชนะการเเข่งขัน นอกจากนี้ส่วนการผ่าตัดรอบชิงรอบสุดท้ายยังเป็นเเค่เพียงตัวอย่างแขนขาที่ผิดรูปจากผู้ป่วยที่เป็นโรคมนุษย์ต้นไทรระยะที่สองเท่านั้น ไม่ได้ฮาร์ดคอร์เท่ากาารเเข่งขันในรอบของกู้จวินเเละพรรคพวก ดังนั้นจากข้อมูลทั้งหมดที่สืบได้ กู้จวินก็รู้อะไรอย่างหนึ่ง…นั่นคือ
‘ดูเหมือนว่าจำนวนของศพสัตว์ผิดปกติที่เขาเคยผ่ามันจะมีจำนวนไม่มากนัก’ เพราะถ้ามีจำนวนมากจริงๆ ไม่มีเหตุผลที่เหล่าคณะกรรมการโรคจิตพวกนั้นจะไม่ให้นักศึกษารุ่นใหม่ผ่าแน่ๆ แต่ว่าเพราะมันขาดแคลน เขาจึงจำเป็นที่จะต้องเก็บเอาไว้เพื่อใช้ทำอย่างอื่นจะดีกว่า ก็เลยตกลงที่นักศึกษาที่ผ่านเข้ามารอบใหม่นั้นได้เห็นแค่คนป่วยในระยะที่ 2 ของโคกมนุษย์ต้นไทรก็เท่านั้น
อีกอย่างกู้จวินคิดว่า ‘นักศึกเเพทย์ในจังหวัดภาคตะวันออกได้รับการประเมินด้วยมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดในบรรดาทุกสาขาของเฟคต้าเเน่นอน’ เเม้ไม่มีหลักฐาน เเต่ดูจากการคัดเลือกเเล้ว มันไม่น่าจะผิดเเน่
ในช่วงสองสามวันแรกหลังจากเริ่มการฝึกอบรมที่เเผนกอายุรศาสตร์ แผนการเดินทางอบรมของกู้จวินและนักศึกษาอีกสี่คนก็ค่อยๆแตกต่างกันออกไป
กู้จวินได้รับการจัดรายการฝึกอบรมเพิ่มเติมเป็นพิเศษ นอกจากการฝึกทางคลินิกแล้ว เขายังต้องผ่านการฝึกการผ่ากายวิภาคอีกด้วย
กู้จวินไม่จำเป็นต้องฝึกพื้นฐานบนโต๊ะผ่าเหมือนชาวบ้านอีกต่อไป และเขาได้รับการฝึกอบรมเชิงทฤษฎีเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันต่อ รวมถึงการฝึกเตรียมจิตใจเเละสภาพเเวดล้อม เพื่อให้เมื่อเผชิญกับรูปลักษณ์ของสิ่งประหลาดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจะได้ไม่เเตกตื่นด้วย อีกทั้งเขายังได้เรียนถึงรูปเเบบวิวัฒนาการเเละรูปเเบบของสิ่งมีชีวิตสายพันธ์ใหม่ๆ เพราะสิ่งมีชีวิตดังกล่าวยังคงมีข้อจำกัดมากมายแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีสมัยใหม่เเล้วก็ตาม
“ กู้จวิน เธอต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผ่าศพในป่าสักครั้งในอนาคต” หยูซิ่วหยานผู้ฝึกสอนกายวิภาคบอกเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็กล่าวต่อเมื่อเห็นว่ากู้จวินทำสีหน้างุนงง
“ จะไม่มีความช่วยเหลือใด ๆ ให้ทั้งสิ้น!! มีเพียงตัวของเธอและเครื่องมือกายวิภาคศาสตร์ ส่วนเรื่องต่างๆเช่น การนำโครงสร้างทางกายวิภาคของสิ่งมีชีวิตนั้นกลับคืนมาทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับทักษะของเธอในตอนนั้นเอง”
ป่า? กู้จวินยังไม่เข้าใจความหมายเฉพาะที่อยู่เบื้องหลังคำเหล่านี้…เเต่เขาเดาได้ว่า ‘ป่า’ คงไม่ได้หมายถึงป่าจริงๆใช่ไหม? เพราะเขาเองมาที่นี่เพื่อเป็นหมอ ไม่ใช่ทหารพราน…หรือคอร์สฝึกพรานป่า ดังนั้นจะเข้าป่าเพื่ออะไร?
อย่างไรก็ตามการเรียนรู้เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างมาก บางทีอาจจะไม่ใช่เขาที่ต้องการเเต่เป็นระบบ! เเต่เอาจริงการฝึกเกี่ยวกับสิ่งผิดปกติมากๆ ฝีมือเขาจะยิ่งพัฒนาขึ้น เเละการลงมีดก็จะเเม่นยำขึ้นอย่างมาก แต่ขอบเขตของสิ่งที่เขาสามารถรู้และเรียนรู้ได้นั้นค่อนข้างจำกัด นั่นก็เพราะตอนนี้เขามีอำนาจในฐานะนักศึกษาฝึกงานของเฟคต้าก็เท่านั้น! ยังไม่ได้เเม้เเต่จะเป็น ‘พนักงาน’ จริงๆเลย
นักศึกษาฝึกงานไม่ได้เป็นพนักงานอย่างเป็นทางการของแผนกเฟคต้า! อีกอย่างสัญญาของพวกเขายังไม่ได้ลงนามเลยเเม้เเต่คนเดียว
นอกจากการฝึกกายวิภาคแล้ว กู้จวินยังได้รับการฝึกอบรมด้านจิตใจและจิตวิทยาอย่างละเอียด และเขายังสามารถเข้าถึงความรู้พื้นฐานบางอย่างที่รวบรวมโดยแผนก เฟคต้าได้
โดยข้อมูลเหล่านั้นประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ เช่น ผลกระทบทางจิตใจที่เกิดจากการผ่าสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน เช่น มนุษย์ต้นไทร เเม้จะเป็นมนุษย์เเต่มันมีรูปร่างผิดจากมนุษย์ และอุปสรรคที่เกิดจากความเครียดสะสมก็อาจเกิดขึ้นได้
ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับความเครียด มันหมายถึงความผิดปกติทางจิตประเภทหนึ่งที่มีความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่ชัดเจนกับแหล่งที่มาของความเครียด
ระยะเวลาของการเกิดอาการ สาเหตุและการเกิดของโรคมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับปัจจัยการก่อกำเนิดของความเครียด อาจเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ “ บาดเเผลเเห่งความทรงจำ (PTSD)”
“ แหล่งที่มาของความเครียด” หมายถึงตัวกระตุ้นที่กระทำต่อแต่ละบุคคล และทำให้เกิดการตอบสนอง แหล่งที่มาของความเครียดสำหรับมนุษย์มีหลากหลายมากมายก่ายกอง
ในทางจิตเวชได้แบ่งแหล่งที่มาของความเครียดออกเป็นสามประเภทตามปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน ได้แก่ สภาพแวดล้อมภายนอก สภาพแวดล้อมภายในของแต่ละบุคคล และสภาพแวดล้อมทางสังคมในทางจิตวิทยา
โรคมนุษย์ต้นไทรที่มีรูปร่างผิดปกติ และต้นไทรที่มีรูปร่างผิดปกติระยะที่สองเป็นตัวอย่างของความเครียดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
หลังจากได้เห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวของต้นไทรมนุษย์ที่มีรูปร่างผิดปกติ ทุกคนจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ หากเข้มเเข็งหน่อยปฏิกิริยาของพวกเขาอาจจะอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง เช่น ฝันร้าย
หรือถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อาจจะมีอาการตื่นตระหนกเฉียบพลัน เเละมันไม่ใช่แค่อาเจียนเเน่นอน
หากไม่ได้รับการจัดการอย่างดี เมื่อเวลาผ่านไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ต่อระบบประสาทของร่างกายของผู้พบเห็น และยังส่งผลให้เกิดความผิดปกติในโครงสร้างและการทำงานของสมองด้วย
หากเป็นเช่นนั้นจริง พนักงานจะไม่สามารถทำงานในแผนกเฟคต้าได้อีกต่อไปและอาจไม่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นคนธรรมดาอีกต่อไปด้วย…จุดจบของพนักงานที่เป็นเเบบนี้จะลงเอยด้วยการเข้าโรงบาลจิตเวชในบั้นปลาย
จุดเน้นของการสอนโดยครูฝึกวิชาจิตเวช ‘ลั่วหมิงเต้า’ เกี่ยวกับกู้จวิน คือการให้ กู้จวินรับรู้ถึงความรู้ ความเข้าใจการวินิจฉัย และการรักษาภาวะฉุกเฉินของโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดทั้งหมด
“ อาจวิ้น เธอต้องเรียนรู้วิธีจัดการกับการตอบสนองต่อความเครียดของบุคลากรในป่า” ลั่วหมิงเต้ายังคงสอนอย่างหนักแน่นเเละย้ำซ้ำเเล้วซ้ำเล่าอีก “ แหล่งที่มาของความเครียดเหล่านี้อาจเป็นครั้งแรกที่แผนกเฟคต้าของเราพบสิ่งผิดปกติพวกนั้น เเละถ้าวันหนึ่งเพื่อนร่วมงานของเรากำลังจะเป็นบ้าแล้ว เธอควรจะใช้ยาและจิตบำบัดได้อย่างไร? ทั้งมันขึ้นอยู่กับเธอ”
เมื่อกู้จวินได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เขาก็สามารถเข้าใจเบื้องหลังความหมายของคำถามจากการสัมภาษณ์ครั้งนั้นได้ทั้งหมด!
คนที่อยู่ในแวดวงลึกลับนี้ยังคงเป็นเเค่มนุษย์ พวกเขาไม่ได้มีสามหัว หกแขน หากพวกเขาไม่สามารถทำใจให้ปลอดโปร่งได้ก็มีแต่จะทำให้เกิดปัญหาตามมา
นอกจากนี้เขายังได้ยินบางสิ่งบางอย่างที่น่าสงสัยในคำพูดของพวกเขา ‘ป่า’ คืออะไรกันแน่?
คำพูดของครูลั่วและครูหยูแทบจะเลียนแบบกันเลย ดูเหมือนว่าเด็กฝึกงานอย่างเข้ากำลังจะเข้าสู่ป่าในอนาคต?
หลังจากการฝึกเสร็จสิ้นกู้จวินก็ถามไช่ฉีซวนเมื่อเขากลับมาถึงที่หอพัก แต่ไช่ฉีซวนก็งงงวยเช่นกัน เขาตอบกลับอย่างงุนงง “ ป่าเหรอ? ไม่มีใครบอกอะไรพวกเราเลย”
พอได้ยินเเบบนี้กู้จวินจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? “ ป่า” น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกจัดมาเป็นพิเศษสำหรับเขา เเละเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นการจัดเตรียมแบบไหนเสียด้วย
***
ในพริบตาครึ่งเดือนก็ไหลผ่านไป ในที่สุดมันก็กลายเป็นเดือนกันยายน
ชีวิตของกู้จวินในแผนกการแพทย์สาขาตะวันออกของแผนกเฟคต้า ต้องตื่นเช้าและเข้านอนดึกทุกวัน เขาฝึกอบรมคลินิก กายวิภาคศาสตร์ จิตวิทยา เขาเป็นเหมือนฟองน้ำดูดที่คอยซับความรู้ทางการแพทย์ในทุกๆด้านทุกวันๆ อย่างบ้าคลั่ง
ในช่วงเวลานี้เขาได้ทำภารกิจตามปกติไปแล้ว 6 ภารกิจ ภารกิจทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การเย็บ 500 เข็มและผูกหลอดเลือด 300 มัด เขาได้ยา 6 กล่องเป็นรางวัล เเถมทักษาะมือแห่งความชำนาญของเขาเพิ่มขึ้นเช่นกันด้วย ตอนนี้อยู่ในระดับที่สอง…เหมือนเดิมเเต่คะเเนนขยับขึ้นที่ (ความเชี่ยวชาญ 3000/30000)
ภารกิจปกติทั้ง 6 ภารกิจ เพิ่มความเชี่ยวชาญ 1,500 หน่วย ในขณะที่อีก 500 ภารกิจที่เหลือเป็นผลจากการฝึกฝนของเขาเอง
ทุกครั้งที่ความสามารถเกินกว่าถึงเลขระดับ 1000 มือของเขาก็ดูเหมือนจะได้รับความรู้สึกเเบบใหม่ และเขาก็มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในการผ่าตัดต่างๆ ให้เดาว่ามันคงจะเรียกว่าอัพเกรดเเบบลับๆ
กล่องยาของยาจากระบบเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวของกู้จวินในตอนนี้!!
กู้จวินไม่กล้าทิ้งมันไว้ในหอพัก เขาจึงซ่อนมันไว้ในห้องเล็ก ๆ ของห้องน้ำหลังจากได้กล่องมา เขาหั่นกล่องยาด้วยมือเป็นเศษกระดาษ แล้วทิ้งทุกอย่างลงชักโครก เขาทำทุกอย่างเงียบๆ ไม่เหลือแม้แต่จะทิ้งร่องรอยของหลักฐาน
เขาจัดการกล่องยา 6 กล่องในทำนองเดียวกัน เเละไม่มีใครมาสอบปากคำเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างแน่ใจว่าในห้องน้ำไม่มีกล้อง รูเข็มหรืออุปกรณ์เฝ้าระวังใด ๆ เเละมันคือ เซฟโซนสำหรับเขา!!