ตอนที่ 136 เริ่มผ่าตัดที่เป็นไปไม่ได้…
หลังจากนั่งวินิจฉัยอาการของหลินม่ออยู่พักหนึ่งเหล่าสมาชิกคนอื่นๆ ก็ไม่ได้นั่งๆนอนๆเป็นไอ้โง่ พวกเขาเดินไปทั่วและระแวดระวังตัวพร้อมกับสํารวจสิ่งต่างๆรอบตัวจนหมดก่อนที่จะรายงานไปยังศูนย์บัญชาการอีกครั้งเพื่อเก็บข้อมูล ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาสํารวจเสร็จสิ้น พวกเขาก็รู้ลักษณะของปากทางอุโมงค์ที่พวกเขากําลังพักอยู่
ตลอดเส้นทางเดินในอุโมงค์ใต้ดินมีความยาว 3 เมตร กว้าง 1 เมตรและสูงครึ่งเมตร แต่ละขั้นล้วนก่อเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่ มันเป็นวัสดุเดียวกันกับที่สร้างกําแพงสูง พื้นผิวหินถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีแดงเข้มแปลกตา และถ้าหากมองดีๆ ลายกําแพงนั้นดูเหมือนเส้นเลือดฝอยอย่างมาก เหมาะอย่างยิ่งที่จะไปตั้งในบ้านผีสิงหรือสวนมรณะให้คนเข้าชม
ในขณะที่ตัวพื้นนั้น…แน่นอนว่ามันคือดินสีดํา และผนังด้านข้างนั้นเป็นวัสดุหินแบบเดียวกับเพดานด้านบน ไม่มีร่องรอยของสิ่งสกปรกหรือร่องรอยของพืชที่มีชีวิตเช่น ไลเคน มอส ขึ้นอยู่เลย
ราวกับว่าอุโมงค์ใต้ดินทั้งหมดนี้ถูกแกะออกมาจากชั้นหินล้วนๆ อย่างเดียวและหินแต่ละก้อนมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ในตัวเอง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วพวกเขาจะรักษาพื้นผิวของหินให้สม่ำเสมอเรียบเนียนได้อย่างไร? แล้วหินบันไดพวกนี้มันราวกับว่ามันก่อตัวกลายเป็นขั้นบันไดหินที่คล้ายถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติไม่มีการแต่งเติมด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น มันน่าประหลาดใจอย่างที่สุด
และตอนนี้หน่วยนักล่าอสูรกําลังพักอยู่ใกล้ทางเข้าอุโมงค์ ถ้านับระยะก็ประมาณสิบเมตรห่างจากทางเข้าไกลจากจุดที่พบหนอน แม้จะสํารวจหมดแล้ว..แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเดินเพ่นพ่าน!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเมื่อพวกเขาเห็น บันได” จํานวนสิบกว่าขั้น…ที่แสงยังพอส่องถึงที่อยู่ในอุโมงค์แล้ว พวกเขาก็อยากไปสํารวจว่าด้านในนั้นมีอะไร…แต่ด้วยสภาพทีมที่มีคนเจ็บ การไม่แสหาเรื่องคือสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องเดือดร้อน..พวกเขาจึงนั่งรวมตัวกันอยู่ที่พื้นที่ที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้าถึง อย่างน้อยเหล่าปรสิตใต้ดินก็ไม่ชอบแสง ดังนั้นพวกเขาจึงสัณนิฐานว่าปรสิตพวกนี้น่าจะเกลียดแสงเป็นอย่างมาก
ในขณะนี้คนในหน่วยบางคนเฝ้าทางเข้า ในขณะที่คนอื่น ๆ เฝ้าประตูอุโมงค์หน้าบันไดสิบขั้นอย่างเคร่งเครียดราวกับกลัวว่าจะมีสัตว์ประหลาดออกมาจากในอุโมงค์นั้น โดยชั้นบนที่สุดของบันไดที่แสงสว่างเข้าถึงนั้นมีสิบขั้น! หรือก็คือขั้นที่สิบคือขั้นสูงสุดที่ไฟจะส่องได้….และที่ขั้นนั้นมีเสวี่ยป้าอาสาเฝ้าด้วยตนเอง เขาเล็งไฟฉายของเขาลึกลงไปใต้ดิน และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือขั้นบันไดที่ทอดยาวลงไปอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด และด้านล่างที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็ถูกปิดกั้นด้วยเพดานที่ลาดต่ำลง
เพราะภารกิจที่มาเพื่อตรวจสอบอักษรประหลาด…ไม่ใช่การสํารวจ พวกเขาจึงไม่ได้พกอุปกรณ์ใด ๆ ที่สามารถทําให้พวกเขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมได้สักชิ้น อีกทั้งสถานการณ์ไม่เหมาะและหนอนยักษ์ก็ยังอยู่ อีกทั้งไม่รู้จะมีปีศาจอะไรโผล่มาอีก
กลับมาที่ฝั่งคนบาดเจ็บอย่างหลินม่อ เขากําลังร้องครวญครางด้วยอาการเจ็บปวด แพทย์และพยาบาลทั้งสองคนจึงต้องพยายามถอดอุปกรณ์ป้องกันที่หนักหน่วงออกเพราะถ้าไม่ทําเช่นนั้นก็ไม่สามารถทําหัตถการและรักษาโดยละเอียดได้
“ ลุงต้าน….ผมจัดการทําห้องผ่าตัดชั่วคราวเสร็จแล้วครับ…”
เพราะเป็นการผ่าตัดฉุกเฉิน และที่นี่ไม่ใช่ห้องผ่าตัด ดังนั้นทุกคนจึงต้องจําลองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในห้องผ่าตัดขึ้นมา อย่างแรกก็คือเตียงผ่าตัด… เพราะการนอนผ่าตัดที่พื้นนั้นมันจะทําให้การรักษาเป็นไปได้อย่างลําบากและเป็นไปได้ว่าจะทําไม่เสร็จทันเวลา ดังนั้นทีมงานจึงเอากล่องที่พอที่จะสร้างได้เอามาสร้างเป็นเตียง จากนั้นพวกเขาก็ปูเสื้อสีเทาเข้มก่อนที่จะยกหลินม่อที่บาดเจ็บไปวางไว้ด้านบน
ใบหน้าของหลินม่อซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษและเสียงของเขาก็อ่อนลงเพราะ มอร์ฟีนที่ฉีดเข้าไปกําลังออกฤทธิ์ ทําให้สภาพจิตใจของเขายังพอต้านทานต่อความเจ็บปวดไหวไม่พังทลายไปเสียก่อน เมื่อเห็นหลินมอไม่ครวญคราง บรรดาแพทย์ก็เริ่มให้ยาปฏิชีวนะที่สามารถระงับความเจ็บปวดได้โดยการฉีดผ่านเส้นเลือดที่แขนด้านซ้ายของเขา
ฝีมือการดัดแปลงและออกแบบของหน่วยนักล่าอสูรนั้นก้าวล้ำจนกู้จวินแทบจะตามไม่ทัน แม้พวกเขาจะไม่มีอะไรแต่พวกเขาก็สามารถเอาปืนไรเฟิลมามัดให้สูงขึ้น แล้วเอาน้ำเกลือกับถุงเลือดไปแขวนไว้ด้านบน พวกเขาตั้งใจจะจําลองการให้เลือดและน้ำเกลือคล้ายกับที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้แกะหรือเจาะถุง พวกเขายังคงวางไว้แบบนั้น และจะเริ่มเปิดใช้งานทันทีก็ต่อเมื่อเริ่มการผ่าตัด
ลุงต้าน กู้จวินและจางฮ่าวฮาว แม้พวกเขาจะอยู่ในสถานที่สกปรกอย่างอุโมงค์ใต้ดินแต่พวกเขาก็พยายามทําความสะอาดฆ่าเชื้อจนพร้อมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
กอนอื่นพวกเขาใช้น้ำแร่เพื่อทําความสะอาดบาดแผลก่อน โดยน้ำที่ว่านี้จริงๆมันคือน้ำที่เอาไว้กิน และแน่นอนว่าพวกเขาเพื่อส่วนที่เหลือเอาไว้ล้างมือหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว โดยน้ำที่ใช้ล้างมือจะถูกรวบรวมไว้ในอุปกรณ์ป้องกัน หากจําเป็นก็สามารถใช้เป็นน้ำดื่มได้
จากนั้นกู้จวินและพรรคพวกก็ใส่หน้ากาก ถุงมือและหมวกที่ปราศจากเชื้อ แม้ว่าพวกเขาไม่มั่นใจว่ามันปลอดเชื้อจริงหรือเปล่า แต่พวกเขาก็ทําทุกอย่างเท่าที่ทําได้แล้วเพื่อป้องกันมลพิษ
“ กู้จวิน….คําแนะนําของการผ่าตัดครั้งนี้ของฉันคือการตัดขาทั้งสองข้าง” ลุงต้านนั้นไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย แต่ครั้งนี้เขาไม่มั่นใจในคําแนะนําของกู้จวินมากนัก…เขากลัวว่ามันจะไม่สําเร็จและจะทําให้คนป่วยเจ็บปวดมากขึ้น
หลินม่อมองลุงต้านที่กําลังทําสีหน้าจริงจัง และหันไปมองความมุ่งมั่นที่ส่องประกายในดวงตาของกู้จวิน จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ ฉันรู้ความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ฉันรู้! ว่าสภาพของฉันมันเลวร้ายแค่ไหน ถ้าฉันติดเชื้อ ฉันก็จบ! แต่ในกรณีนี้ฉันจะยอมเสี่ยง ใครจะรู้? อาจมีโอกาสประสบความสําเร็จมากขึ้นก็ได้…”
“ เอาล่ะ งั้นเอาตามนั้น” แม้ว่าลุงต้านจะขมวดคิ้วกับทางเลือกของหลินม่อ แต่เขาก็เลือกที่จะเคารพความปรารถนาของคนไข้อยู่ดี จากนั้นเขาก็หันกลับมาถามหัวหน้าด้วยความเคารพ “ หัวหน้าเสวี่ย เรื่องนี้คุณว่ายังไงครับ?”
“ หลินม่อมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะตัดสินชะตากรรมของตัวเอง” เสี่ยป้าตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ หนึ่งชั่วโมงไม่นานเท่าไหร่ แต่พวกคุณรู้ไหมระหว่างที่พวกคุณกําลังเถียงกันอยู่ 10 นาทีอันมีค่าได้ผ่านไปแล้ว จะลงมือผ่าตัดก็รีบทําเถอะเดี๋ยวจะไม่ทัน”
สมาชิกในทีมคนอื่น ๆ มองหน้ากันเงียบ ๆ อันที่จริงไม่มีใครสนับสนุนความคิดของกู้จวินเลย นี่เป็นเรื่องยากมาก!!
ลุงต้านที่แก่แล้วจะจัดการได้ไหม? นอกจากนี้กู้จวินยังเป็นเพียงมือใหม่ที่เพิ่งขึ้นเกรด G แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมาก แต่เด็กที่มีพรสวรรค์แต่ไม่มีประสบการณ์จะนับเป็นตัวอะไรได้?
กู้จวินพยักหน้าให้หลินม่อ เขาไม่ได้ให้สัญญาที่ว่างเปล่า แต่เสนอบางสิ่งบางอย่างเพื่อเป็นหลักประกันทางใจให้เขา “ ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด!!”
เขาโกหก!!…ที่ว่ามันเป็นเรื่องท้าทาย
แต่การพยายามจะรักษาชีวิตผู้ปวยนี่ถ้าจะให้พูดมันก็คือเรื่องจริง แต่ถ้าเขาเลือกแบบนั้นเขาก็ควรที่จะตัดขา 2 ข้างไปซะจะได้หมดเรื่อง แต่ทุกอย่างมันเป็นเพราะภารกิจในระบบ กู้จวินเลิกคิดมากจากนั้นก็รีบเข้าไปในห้องของจิตใจและกดรับภารกิจ
[ภารกิจระดับยาก: ทําศัลยกรรมสองดาวให้สําเร็จ (สําเร็จ) ภายในสามวันด้วยผลงานส่วนตัวรวมกว่า 150 เปอร์เซ็นต์ รางวัล: มีดผ่าตัดคาร์ลอต 1 ด้าม]
[“รับภารกิจแล้ว!”]
เหตุผลประการหนึ่งที่กู้จวินยืนยันในการผ่าตัดนี้ คือ ก็ความช่วยเหลือจากระบบ
ต้องบอกว่าหลังจากผ่านการอัพเดต การทบทวนความสําเร็จหรือความล้มเหลวในรายการงานผ่าตัดถูกอัดเอาไว้ในระบบจนหมดสิ้น ตั้งแต่การผ่าครั้งแรกจนถึงตอนนี้
พลังลึกลับของระบบมีความสามารถในการตรวจสอบได้อย่างถูกต้องว่าการผ่าตัดนี้จะประสบความสําเร็จหรือไม่ มันทําให้เขามีตัวช่วยพิเศษ และมีตัวแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติ โดยจะคาดเดาสถานการณ์ได้ หากเขายืนยันที่จะผ่าตัดแล้วถ้าเกิดมีแววที่จะล้มเหลว ระบบจะส่งเสียงแจ้งเตือน จากนั้นเขาก็จะรีบตัดขาขวาทันที…มันจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นกู้จวินไม่ได้บ้าบินแต่เขาคํานวนมาแล้วเรียบร้อยต่างหาก
เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วน ลุงต้านจึงเป็นผู้นําการผ่าตัดทันที โดยการผ่าตัดครั้งนี้มีสมาชิกที่ไม่ใช่แพทย์ในทีมทั้งหมดสี่คน…แต่พวกเขาไม่ใช่คนผ่าตัด พวกเขาถูกสั่งให้สวมหน้ากากและเล็งไฟฉายจากสี่ด้านรอบ ๆ ส่วนของร่างกายที่กําลังจะทําการผ่าตัดของหลินม่อ เพียงครู่เดียวมันก็กลายเป็นแสงผ่าตัดอย่างง่ายดาย พวกเขาพยายามหาทิศทางของแสงและกําจัดเงาที่เกิดขึ้น
ในขณะที่คนที่เหลือนั้นไม่ยุ่งกับการผ่าตัด พวกเขาหันมาทํางานภาคสนามแทน อย่างเช่น ลู่เสี่ยวหนิง หยางเฮ่อหนานและนักแม่นปืนคนอื่น ๆ พวกเขาต้องป้องกันทั้งด้านหน้าอุโมงค์และในอุโมงค์ พวกเขาตื่นตัวอยู่เสมอสําหรับการสู้รบ
“ พวกคุณยังมีเวลาเหลืออีกสี่สิบแปดนาที” เสี่ป้าตะโกนในขณะที่เขามองนาฬิกาข้อมือ เขาไม่ได้กดดันพวกเขาแต่เขารู้ว่าความแม่นยําของเวลามีความสําคัญต่อชีวิตคนเพียงใด
กู้จวินเอาถุงมือมาสวมและบิดมันจนสนิท ความรู้สึกของถุงมือยางรอบ ๆ ผิวหนังช่วยให้เขาเข้าสู่สภาพจิตใจที่เงียบสงบอีกครั้ง…และเริ่มเข้าสู่โลกจินตนาการ
แม้จะเป็นแค่จินตนาการแต่เขาก็รู้สึกว่าผนังรอบ ๆ ตัวเขาเริ่มจะขยับเข้ามาและกลายเป็นผนังห้องผ่าตัดธรรมดา มีไฟผ่าตัดแขวนอยู่เหนือหัวของพวกเขาและด้านล่างของผู้ป่วยมีโต๊ะผ่าตัดที่ใช้ระบบไฟฟ้าไฮดรอลิก ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพที่เลวร้ายแค่ไหน แต่นี่ก็ยังคงเป็นการผ่าตัด
ในขณะที่กู้จวินพยายามมองรอบๆแบบมโน จางฮ่าวฮ่าวก็ได้เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์สาหรับผ่าตัด เช่น น้ำแร่และยาฆ่าเชื้อ โดยเอาวางไว้ข้างๆ โต๊ะผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว
ก่อนอื่นลุงต้านก็สั่งชุดเย็บแผลจากจางฮ่าวฮาวที่นั่งเก็บวัสดุ และทําการเย็บกล้ามเนื้อขาซ้ายของหลินม่อเข้าด้วยกันโดยตรงเพื่อลดการไหลของเลือดเป็นอันดับแรก เขาไม่ได้ใส่ใจขาข้างนี้มากเนื่องจากขานี้ยังไงก็ต้องด้วนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาหันไปโฟกัสที่ขาขวากับกู้จวิน อาการบาดเจ็บที่ขาขวานั้นเบากว่าขาซ้ายมาก ที่ขาขวามีรอยหนอนกัดเพียงสี่รอยที่น่องส่วนบนทั้งหน้าและหลังโดยแผลนี้มีอาการบาดเจ็บรุนแรงกว่าที่น่องและเท้าส่วนล่าง แต่อย่างน้อยก็มีบาดแผลที่มองเห็นได้มากกว่าสิบแห่งที่นั่น
เมื่อประเมินแล้วพวกเขาน่าจะรักษาบาดแผลได้!
แต่มันต้องเป็นสถานที่ที่ดีกว่านี้
ดังนั้นสําหรับลุงต้านแล้วมันค่อนข้างเสี่ยงอย่างมาก!