ตอนที่ 564 ชายคนนี้เหลือเชื่อนัก
แปล Tarhai
“นี่ฉันหูฝาดรึเปล่า ? เซียะเฟยเฟยกำลังเอ่ยปากชวนใครบางคนไปดินเนอร์ ?”
“ไม่หรอก… นายไม่ได้หูฝาด”
“เท่าที่ฉันจำได้ เซียะเฟยเฟยไม่เคยไปดินเนอร์กับผู้ชายคนไหน”
“ฮึ่ม ! เป็นฉันนะ ฉันยอมอายุสั้นลง 10 ปีเลยถ้าได้มีโอกาสไปทานอาหารค่ำกับเซียะเฟยเฟย”
ผู้คนรอบข้างต่างก็กำลังพูดคุยกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความริษยา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่อยากทานอาหารค่ำกับเซียะเฟยเฟย อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวในหมู่พวกเขาที่มีโอกาสเช่นเดียวกับฉิงเฟิง ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเป็นฝ่ายถูกเชิญอีกต่างหาก
“คุณรู้จักเซียะเฟยเฟยตั้งแต่เมื่อไรหรือพี่ใหญ่หลี่ ?” จางเสี่ยวเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆเขารู้สึกประหลาดใจและหึงหวงเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจางเสี่ยวเยวี่ยจะเป็นแฟนคลับของเซียะเฟยเฟยและชอบเพลงของเธอมาก แต่เซียะเฟยเฟยดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้ชายที่เธอชอบ ดังนั้น การกระทำเซียะเฟยเฟยทำให้จางเสี่ยวเยวี่ยตื่นตัว
ในขณะนี้จางเสี่ยวเยวี่ยเข้าใจเหตุผลที่เซี่ยหวั่นฉิวแสดงออกตอนอยู่ในที่ทำงานแล้วตอนนี้เธอรู้สึกแบบเดียวกัน
“คุณเซียะเฟยเฟยคะ ดิฉันขอสัมภาษณ์คุณสักครู่หนึ่งได้ไหมคะ ? ทำไมคุณถึงเชิญผู้ชายคนนี้ไปดินเนอร์ ?” นักข่าวสาวผมสั้นคนหนึ่งเดินไปหาเซียะเฟยเฟยและตั้งคำถามเธอพร้อมกับไมโครโฟนในมือ
เซียะเฟยเฟยยิ้มอย่างเอียงอาย แต่เธอเคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงข่มความกระวนกระวายไว้และกล่าวว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่สามารถให้สัมภาษณ์คุณได้เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน”
“พี่ใหญ่หลี่ ไปทานข้าวด้วยกันค่ะ” เซียะเฟยเฟยผละจากนักข่าว เธอหันกลับไปและกล่าวกับฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงชี้ไปที่จางเสี่ยวเยวี่ยและเซี่ยหวั่นฉิวพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเธอเป็นเพื่อนที่ทำงานของฉัน ฉันพาพวกเธอไปด้วยได้ไหม ?”
เซียะเฟยเฟยมองตามไปในทิศทางที่ฉิงเฟิงชี้และเธอก็เห็นสาวงามสองคนที่อยู่ข้างๆเขา และสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หญิงสาวทั้งสองคนข้างฉิงเฟิงดึงดูดความสนใจของเธอ พวกเธอเป็นสาวงามที่หาได้ยาก จางเสี่ยวเยวี่ยดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ในขณะที่เซี่ยหวั่นฉิวดึงดูดสายตาผู้คนเช่นเดียวกับดอกเดซี่สีม่วงที่เร่าร้อน
ให้กล่าวจากใจจริง เซียะเฟยเฟยไม่เต็มใจจะให้พวกเธอไปด้วย เนื่องจากเธอต้องการใช้เวลากับฉิงเฟิงสองต่อสอง อย่างไรก็ตาม เมื่อฉิงเฟิงเอ่ยปากแล้วเซียะเฟยเฟยจึงต้องไว้หน้าฉิงเฟิงโดยการยอมให้พวกเธอไปด้วย
ในขณะที่ฉิงเฟิงกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารพร้อมกับสาวงามทั้งสาม เหอจวินก็มายืนขวางทางพวกเขาไว้
“ช้าก่อนสหาย ฉันได้จองทั้งร้านนี้ไว้แล้ว อย่าคิดจะเข้าไป” เหอจวินแสยะยิ้มและกล่าวอย่างเย็นชา
เขาเหมาร้านอาหารนี้ทั้งร้านเพื่อหวังว่าจะได้ดินเนอร์กับเซียะเฟยเฟยสองต่อสอง แต่ตอนนี้เซียะเฟยเฟยกลับไปอยู่กับฉิงเฟิงซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดมาก ดังนั้นเหอจวินจึงไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไป
“พี่ใหญ่หลี่ ไปร้านอื่นกันดีไหมคะ ?” เซียะเฟยเฟยกล่าวด้วยเสียงต่ำเมื่อเธอเห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยหลายคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเหอจวิน
เซียะเฟยเฟยฉลาดพอที่จะรู้สึกถึงความเกลียดชังที่เขามีต่อฉิงเฟิง เธอกังวลว่าฉิงเฟิงจะถูกทำร้ายจึงเอ่ยปากเสนอให้ไปร้านอื่น
ฉิงเฟิงโบกมือและกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “พวกเราจะทานอาหารกันที่นี่นั่นแหละ มาดูกันซิว่าเหอจวินจะทำอะไรได้”
เมื่อพูดจบฉิงเฟิงก็เดินเข้าไปในร้านอาหารทันทีโดยไม่สนใจเหอจวินและบรรดาลูกน้องหลายคนที่อยู่ด้านหลัง
“พวกแกไป ไปยำมันให้น่วม” เหอจวินโบกมือออกคำสั่งต่อลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนต่างก็ร่างกายสูงใหญ่และเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นว่าพวกเขาทำงานพวกนี้มานานแล้ว
เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนตะหง่านและมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความโกรธเคือง
ฮึ่ม !
พวกเขาทั้งหมดต่างก็เหวี่ยงหมัดพร้อมกันโดยมุ่งเป้าไปที่ฉิงเฟิง ถ้าหากหมัดของพวกเขากระทบสู่ร่างของใครก็ตาม คนๆนั้นจะต้องกระดูกหักอย่างแน่นอน
จากมุมมองของผู้ชม หน่วยรักษาความปลอดภัยเหล่านี้ต่างก็ดุดันและทรงพลัง แต่พวกเขาก็เป็นเพียงแค่ขยะในสายตาของฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงเหวี่ยงกวาดเท้าขวาของเขาออกมาทันที ตามมาด้วยเสียงดังตูม หน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งหมดต่างก็ล้มลงกับพื้นและหมดสติไปทันที
ลูกเตะบ้าอะไรวะเนี่ย !?
เหอจวินชะงักไปวูบหนึ่ง ความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา พ่อของเขาเป็นหนึ่งในสามทรราชย์ของจังหวัดหูเจียง เขาเห็นพ่อของเขาฝึกซ้อมวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก แน่นอนว่าเหอจวินสามารถมองออกถึงความไม่ธรรมดาของฉิงเฟิง
อย่างไรก็ตาม เหอจวินเป็นคนที่มีชื่อเสียงในจังหวัดนี้เป็นอย่างมาก ถ้าหากเขายอมถอยง่ายๆก็จะทำให้ชื่อเสียงทั้งหมดของเขาต้องมัวหมองและกลายเป็นตัวตลกในสังคม
ฟุ่บ !
เหนือความคาดคิดของทุกคน เหอจวินหยิบมีดออกมาและเดินตรงเข้าหาฉิงเฟิง เขารู้ดีว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาต้องใช้อาวุธ
มีคำกล่าวไว้ว่าแม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงก็ยังกลัวคมดาบ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มามากแค่ไหน ตราบใดที่คุณถูกแทงจุดสำคัญคุณก็ตายอยู่ดี
“เหอจวิน ! ทำไมคุณถึงต้องใช้อาวุธด้วย ? ระวังเถอะฉันจะแจ้งความคุณแน่”
เซียะเฟยเฟยใบหน้าเปลี่ยนไป เธอตะโกนออกมาเมื่อเห็นมีดในมือของเหอจวิน
เห็นได้ชัดว่าเซียะเฟยเฟยรู้จักกับเหอจวินมาก่อนและเธอก็ไม่ค่อยชอบเขา เหอจวินพยายามตามจีบเธออย่างหนัก เขาตกหลุมรักเธอหลังจากที่ได้เห็นเธอแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองหลวง
“เซียะเฟยเฟย ทุกคนต่างก็พูดกันว่าคุณบริสุทธิ์และไร้เดียงสา ผมไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะกอดผู้ชายในที่สาธารณะเช่นนี้ วันนี้ผมต้องอัดผู้ชายคนนี้ให้น่วม !” เหอจวินพูดด้วยความโกรธ
เหอจวินกุมมีดไว้ในมือและพุ่งเข้าหาฉิงเฟิงเตรียมที่จะแทงเข้าหน้าอกของเขา
ฉิงเฟิงยืนนิ่งไม่ขยับ เขาเหยียดมือออกไปและใช้สองนิ้วคีบจับมีด
อะไรกันเขาหยุดกริชไว้ได้ ?
รูปลักษณ์บนใบหน้าของเหอจวินเปลี่ยนไป แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เขารู้ว่ามีดของเขาคมแค่ไหนเนื่องจากมันถูกทำขึ้นมาจากเหล็กกล้า
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นที่ดวงตาของเหอจวิน เขาพยายามสะบัดมีดไปมาบนนิ้วของฉิงเฟิง เพราะนิ้วมือไม่มีทางแข็งไปกว่ามีดที่ทำจากเหล็กกล้าได้มุมมองของเขา
แกร๊ก !
ฉิงเฟิงออกแรงที่มือขวามากขึ้นและบิดจนมีดหักออกเป็นสองส่วนภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดูตกใจของเหอจวิน
“นี่มันบ้าอะไร !? สุดยอดเลย เขาหักมีดด้วยสองนิ้ว !”
“นี่ถ้าผมไม่ได้มาเห็นกับตาคงคิดว่ากำลังเล่นหนังกัน”
“ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้น่าเหลือเชื่อมาก เห็นได้ชัดว่าเขาต้องฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างแน่นอน”
ผู้คนที่อยู่รอบๆทั้งหมดต่างก็แข็งค้างด้วยดวงตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เหอจวินก็ไม่ได้โง่ เขาตระหนักได้ทันทีว่าศัตรูเบื้องหน้าของเขาต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน เขาไม่ใช่คู่มือชายคนนี้
“หนี ฉันต้องหนีแล้ว“
เหอจวินพึมพำ เขาหันหลังกลับและวิ่งหนีไป อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงไวกว่า เขาเตะอย่างแรงเข้าที่หลังของเหอจวินจนกระเด็นออกไปหลายเมตร และกระแทกเข้ากับผนังด้านข้างร้านอาหาร
แกร่ก แกร่ก !
เหอจวินกระดูกหักหลายท่อน เลือดฉีดพุ่งออกมาจากปากของเขาราวกับน้ำพุ เขาล้มลงกับพื้นและสลบไป
“จบเรื่องแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและชวนสาวๆเข้าไปในร้าน
เซียะเฟยเฟยพยักหน้าและเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับฉิงเฟิง
ผู้ชายคนนี้เหลือเชื่อมาก ผู้คนโดยรอบต่างก็ประหลาดใจที่เห็นเหอจวินและลูกน้องของเขานอนกองกับพื้นหลายสิบคน