ตอนที่ 582 ชั้นขอเชิญพวกคุณออกไป
แปล Tarhai
“ขอบคุณสำหรับการช่วยชีวิตผม” หวังหยุนกล่าวกับฉิงเฟิงหลังจากที่ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกดีขึ้นมากในตอนนี้ และไม่รู้สึกเวียนหัวอีกต่อไป
หวังหยุนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวรับมือการประชุมการค้าของทะเลตะวันออก เขาแทบไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนและไม่ได้ทานมื้อเช้า นั่นคือสิ่งที่ทำให้ความดันโลหิตของเขาสูงขึ้นและทำให้เขาเป็นลมไป
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณเป็นลมไปเพราะความเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงานหนักหลายวันที่ผ่าน โปรดผ่อนคลายและดูแลสุขภาพร่างกายของคุณด้วยนะ”
หวังหยุนโบกมือขณะที่ยิ้มให้ฉิงเฟิง เขาจะสามารถผ่อนคลายได้อย่างไร … ในฐานะที่เป็นคนที่เริ่มจาก 0และทำงานอย่างหนักมานานกว่า 10 ปี ร่างกายของเขาถูกบอบช้ำอย่างรุนแรงจนทำให้อาการของโรคต่างๆรุมเร้าขึ้นพร้อมกัน
ฉิงเฟิงสามารถบอกได้ทันทีว่าหวังหยุนไม่ใช่คนขี้เกียจเมื่อดูจากลักษณะใบหน้าของเขา เขาจึงกล่าวว่า “ผมสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของคุณด้วยการฝังเข็มได้ชั่วคราว และผมจะจ่ายใบสั่งยาจีนให้คุณใช้ซึ่งเป็นพวกยาสมุนไพรจีน จากนั้นโรคความดันโลหิตสูงของคุณน่าจะอยู่ในการควบคุม ถ้าคุณใช้ติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
หลังจากนั้นฉิงเฟิงก็ขอปากกาและกระดาษจากเลขาของหวังหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้างและเขียนใบสั่งยาให้เขา
“ขอบคุณคุณมากเลย” หวังหยุนกล่าวขอบคุณฉิงเฟิงอีกครั้งในขณะที่รับใบสั่งยามา เขารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ ถึงแม้ว่าเขาจะดูอ่อนเยาว์ ใบสั่งยาต้องมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
“อ้าว มิสหลินเสวี่ย คุณก็มาเข้าร่วมการประชุมประจำปีในวันนี้ด้วยหรือครับ ?”
หวังหยุนถามขณะที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆฉิงเฟิง
หลินเสวี่ยพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ค่ะ ฉันมาในนามตัวแทนของอุตสาหกรรมเครื่องประดับแห่งเมืองทะเลตะวันออก”
ฉิงเฟิงฉลาดพอที่จะคว้าโอกาสในการแนะนำหลินเสวี่ยให้กับหวังหยุน เนื่องจากเขาจะเพิ่งช่วยชีวิตหวังหยุน
“ประธานหวัง ผมลืมบอกคุณไปว่าหลินเสวี่ยเป็นภรรยาของผม และพวกเรากำลังจะไปเข้าร่วมการประชุมในวันนี้” ฉิงเฟิงกล่าวขณะที่ยิ้มให้กับหวังหยุน
การแสดงออกทางสีหน้าของหวังหยุนก็เปลี่ยนไปทันที ในขณะที่เขามองหลินเสวี่ยด้วยความเคารพมากขึ้น เพราะสามีของเธอช่วยชีวิตเขาเอาไว้
แต่ทว่า หลิวหรูหยานที่อยู่ใกล้ๆเริ่มรู้สึกไม่พอใจที่ถูกละเลย เธอเห็นทั้งสามคนสนทนากันอย่างออกรส
~ อะแฮ่ม
หลิวหรูหยานแกล้งกระเอมขึ้นเพื่อแสดงว่าเธอไม่พอใจกับเรื่องนี้และเรียกร้องความสนใจ หวังหยุนหันไปมองเธอทันทีและมีสีหน้าแปลกใจอีกครั้ง
“มิสหลิว !? คุณก็มาด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่าเมื่อปีที่แล้วคุณปฏิเสธเข้าร่วมหรอก อะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจละครับนี่?” หวังหยุนถามด้วยความตกใจ
หลิวหรูหยานยกปากของเธอขึ้นและกล่าวว่า “ทำไมคะ ? หรือว่าฉันไม่ได้รับการต้อนรับแล้ว ?”
“ไม่เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน ! พวกเรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากที่มิสหลิวจะเข้าร่วมการประชุมการค้าในเมืองทะเลตะวันออก”
ในขณะนั้น หญิงสาวที่เฝ้าลิฟต์ก็หน้าเหวอเมื่อเธอเห็นหวังหยุนและฉิงเฟิงกำลังคุยกัน เธอคิดในใจว่า เธอจะตกงานหรือเปล่าถ้าฉิงเฟิงสนิทกับหวังหยุนและฟ้องพฤติกรรมของเธอที่ไม่ยอมให้เขาขึ้นลิฟต์
อย่างไรก็ตาม เธอพบว่าตัวเองคิดมากไป ฉิงเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาไม่อยากมาเสียเวลาวุ่นวายกับเรื่องเล็กน้อยที่ผ่านไปแล้ว
ในเมื่อฉิงเฟิงเป็นคนช่วยชีวิตหวังหยุน หวังหยุนจึงเชิญตั้งแต่ฉิงเฟิง หลินเสวี่ย หลิวหรูหยาน และเหมียวซิยี้ขึ้นลิฟท์ส่วนตัวของเขาไปที่จัดงานพร้อมกัน
…
ณ ขณะนี้อยู่ที่ชั้นบนสุดของพื้นที่จัดงาน
ในล็อบบี้ขนาดใหญ่ได้มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นมหาเศรษฐีและซีอีโอจากทั่วทั้งเมืองทะเลตะวันออก พวกเขาแต่ละคนเป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างน้อยสองพันล้านหยวน
หากรวมความมั่งคั่งของผู้คนทั้งหมดที่มารวมตัวกันที่นี่อาจจะมีมูลค่าสูงกว่าแสนล้านหยวน ซึ่งเป็นการรวมรวบความมั่งคั่งจากธุรกิจทั้งหมดในเมืองทะเลตะวันออก
ล็อบบี้ที่โอ่อ่านี้ได้รับการตกแต่งด้วยคริสตัลและโคมไฟระย้าคริสตัล หน้าต่างทั้งหมดเป็นกระจกใสหนา ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมืองทะเลตะวันออก
มีโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่สองโต๊ะวางอยู่ที่กลางล็อบบี้ มีเค้ก ผลไม้ ขนมหวานและอาหารรสเลิศมากมาย นอกจากนี้ยังมีเวทีขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
ที่บนเวที เฉินยี้จิงเริ่มประกาศด้วยไมโครโฟนของเธอว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่าน ชั้นเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการค้าของเมืองทะเลตะวันออกในวันนี้ ชื่อของชั้นคือเฉินยี้จิง”
แปะ แปะ แปะ
ทุกคนเริ่มตบมือให้กับเฉินยี้จิงเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าภาพผู้งดงามคนนี้
ในขณะที่ได้รับการปรบมือ เฉินยี้จิงก็ยิ้มและกล่าวสุนทรพจน์ต่อไปว่า “การประชุมวันนี้เริ่มต้นเวลา 9 โมง เรามีตัวแทนจากบริษัทต่างๆมากมายมารวมตัวกันที่นี่ ยกเว้นเพียงคนเดียวก็คือตัวแทนจากบริษัท Ice Snow
ในขณะนี้ ซีอีโอทุกคนต่างก็ขมวดคิ้ว พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจจากน้ำเสียงของเฉินยี้จิง
อย่างไรก็ตาม บรรดาซีอีโอต่างก็ไม่ค่อยพอใจกับการล่าช้าของตัวแทนจากบริษัท Ice Snow เช่นกัน ในฐานะซีอีโอจากบริษัทใหญ่ๆที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง พวกเขารับไม่ค่อยได้กับการมาสายของหลินเสวี่ย ตัวแทนจากบริษัท Ice Snow เพราะสำหรับนักธุรกิจแล้ว เวลาและความตรงต่อเวลาถือว่าสำคัญมาก
เฉินยี้จิงพูดเสียดสีต่อไปในขณะที่มองไปที่บรรดาซีอีโอจากบริษัทอื่นๆว่า “ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนมาร่วมงานประชุมสาย ทั้งๆที่มันเป็นการประชุมที่สำคัญที่สุดของวงการธุรกิจในเมืองนี้”
ฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยที่เพิ่งมาถึงที่ชั้นบนสุดในห้องจัดงาน ใบหน้าของพวกเขาก็ดูมืดมนเมื่อได้ยินคำบ่นของเฉินยี้จิงเกี่ยวกับบริษัท Ice Snow
ฉิงเฟิงเริ่มโกรธมากขึ้น เนื่องจากความจริงที่ว่าในขณะนี้เฉินยี้จิงกำลังวิพากษ์วิจารณ์บริษัท Ice Snow ต่อหน้าซีอีโอหลายร้อยคน ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและขาดความน่าเชื่อถือ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในพนักงานของบริษัท Ice Snow ฉิงเฟิงมองบริษัทนี้เป็นเหมือนครอบครัวของเขา เขารู้สึกโกรธมากเมื่อมีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ครอบครัวของเขาเสียๆหายๆ
“มิสเฉิน ตัวแทนของบริษัท Ice Snow ก็อยู่ที่นี่แล้วไง ฉันคิดว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย” ฉิงเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแสกับเฉินยี้จิง
เฉินยี้จิงรู้สึกโมโหมากที่ถูกฉิงเฟิงตำหนิก่อนขึ้นลิฟท์ เธอจึงถือโอกาสนี้แก้แค้นเขา
“คุณ หลี่ฉิงเฟิงใช่ไหม คุณก็พูดไปเพราะคุณเป็นตัวแทนของบริษัท Ice Snow แต่ตอนนี้มันเก้าโมงสิบนาทีแล้ว คุณมาสายถึงสิบนาที คุณไม่เห็นว่าการประชุมนี้มันสำคัญหรือไง ?” เฉินยี้จิงตอกกลับฉิงเฟิงในทันควัน โดยปราศจากความเมตตา
“มิสเฉิน พวกเรามาสายเพราะกำลังทำเรื่องสำคัญต่างหาก”
“หลี่ฉิงเฟิง คุณมาสายโดยไร้เหตุผล และนี่ถือเป็นการกระทำที่ไม่เคารพต่อการประชุมและบรรดาซีอีโอทุกคน ชั้นขอเชิญพวกคุณออกไปได้แล้ว”
“ตลกแล้ว เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ? ถึงมาเชิญบริษัทเราออกไปง่ายๆแบบนี้เพราะคุณเป็นเจ้าภาพเหรอ ?”
“ชั้นไม่ใช่เป็นแค่เพียงเจ้าภาพ แต่ชั้นยังเป็นหลานสาวของประธานหวังหยุนอีกด้วย ชั้นมีอำนาจ ดังนั้นชั้นขอให้คุณออกไป หลี่ฉิงเฟิง” เฉินยี้จิงจ้องเขม็งไปที่ฉิงเฟิงและกล่าว