ตอนที่ 621 หญิงสี่ หนึ่งดราม่า
ฉิงเฟิงพาสมาชิกกลับมาที่เมืองตงไห่ จุดหมายแรกก็คือวิลล่าของเขาเองที่ Noble Palace
โดยปกติแล้ววิลล่า 13 นี้จะมีเพียงแค่ฉิงเฟิงอยู่กับหลินเสวี่ย แต่ตอนนี้ด้วยจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น เช่น หลิวหรูหยาน เหมียวซิยี้ อลิซ เย่เทียน และเจ้าโล้น ทำให้ห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางดูแน่นขนัดไปในทันที
ในฐานะเจ้าบ้าน ฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อถึงเวลากินข้าว ข้างนอกนั้นหิมะตกหนักและเดอะแก๊งก็ไม่อยากออกไปกินข้าวข้างนอก ทุกคนจึงลงความเห็นให้สั่งมากินและให้ฉิงเฟิงทำอาหารเพิ่มเล็กน้อย
ในระหว่างที่ทานอาหารร่วมกัน หลินเสวี่ยและหลิวหรูหยานก็กัดกันกลางโต๊ะอาหารอีกเช่นเคย และครั้งนี้ราวกับว่าการทะเลาะกันบนโต๊ะอาหารของทั้งสองคนนี้ยังดูแย่ไม่พอ อลิซดันเข้ามาร่วมแจมด้วยอีกคน
อลิซคอยดูแลหลิวหรูหยานตลอดเวลาที่อยู่บนภูเขาบู๊ตึง ความสัมพันธ์ของพวกเธอพัฒนามาเป็นมิตรภาพ อีกทั้งจากเหตุผลที่เธอรู้ว่าหลินเสวี่ยคนนี้เป็นภรรยาอย่างถูกต้องของฉิงเฟิง อลิซจึงไปอยู่ข้างหลิวหรูหยานเป็นธรรมดา และในฐานะที่เป็นผู้หญิงอีกคนของฉิงเฟิงที่คลุกคลีกันทั้งวันทั้งคืนสมัยอยู่ทวีปหมาปา เธอมองหลินเสวี่ยเป็นคู่แข่งทางความรักเช่นกัน
หลักฐานที่เห็นได้ชัดก็คือในระหว่างทานอาหารด้วยกัน เมื่อใดก็ตามที่หลินเสวี่ยตักอาหารใส่จานให้ฉิงเฟิง หลิวหรูหยานและอลิซก็จะทำตามด้วย
หลินเสวี่ยฉลาดมาก เธอสามารถรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างอลิซกับหลิวหรูหยานในทันที แต่เธอก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน เธอจึงดึงเอาเหมียวซิยี้มาร่วมวงด้วยอีกคน
“ซิยี้ ตักอาหารใส่จานเพิ่มให้ฉิงเฟิงด้วยสิ” หลินเสวี่ยหันไปกล่าวกับเหมียวซิยี้ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอ
เหมียวพยักหน้า เธอก็สามารถบอกได้ว่าหลิวหรูหยานกับอลิซกำลังสร้างกลุ่มขึ้นมา ในเมื่อหลินเสวี่ยก็ดีกับเธอไม่น้อยจึงเป็นธรรมดาที่เธอต้องร่วมมือกับหลินเสวี่ย ดังนั้นเหมียวซิยี้จึงตักอาหารใส่จานฉิงเฟิงเพิ่มอีกคน
เจ้าโล้นและเย่เทียนที่นั่งอยู่ใกล้ๆต่างก็ก้มหน้าตัวสั่นระริก เนื่องจากพวกเขาต้องใช้ความพยายามมหาศาลที่จะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบอสผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขามีท่าทางน่าสงสารขนาดนี้
ฉิงเฟิงไม่อาจทำอะไรได้เลย พวกเธอทั้งหมดในที่นี้ต่างก็เป็นผู้หญิงของเขา ถ้าเขาปฏิเสธอาหารของใครคนนั้นก็จะไม่พอใจ
แต่ตอนนี้ฉิงเฟิงชำนาญกับการหายใจทางผิวแล้วทำให้ความอยากอาหารของเขาดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น เขาสามารถกินอาหารทั้งหมดที่ผู้หญิงทั้งสี่คนตักมาให้
เมื่อได้เห็นจานที่ว่างเปล่าของฉิงเฟิง หลินเสวี่ย หลิวหรูหยานและอื่นๆต่างก็ตกใจมาก ทุกคนคิดในใจว่ากินเยอะขนาดนี้จะท้องแตกตายไหมนะ ?
อย่างไรก็ตาม ประโยคถัดมาของฉิงเฟิงก็ทำให้พวกเขาต้องฮือฮา เขากล่าวกับหลินเสวี่ยว่า ”ที่รัก คุณไม่เติมข้าวให้ฉันแล้วเหรอ ? ต่อเลยซี่ ผมยังหิวอยู่เลย”
“ยังหิวอยู่ ? แล้วคุณจะกินอะไรอีกละ ?” พวกผู้หญิงกลอกตาและคิดในใจ ทั้งอาหารที่สั่งมาและอาหารทำเองส่วนใหญ่ฉิงเฟิงก็ฟาดเรียบคนเดียว ส่วนที่เหลือไม่มากก็เป็นเย่เทียนกับเจ้าโล้นกินไปแล้ว ตอนนี้มีแต่จานเปล่าแล้วคุณจะกินอะไร?
ฉิงเฟิงลูบท้องและหัวเราะ “ก็ฉันยังหิวจริงๆนี่นา”
ฉิงเฟิงพูดความจริง นับตั้งแต่ที่เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เขารู้สึกว่าความอยากอาหารของเขา เพิ่มขึ้นอย่างน้อยๆก็สองเท่าของก่อนหน้านี้
ใบหน้าของผู้หญิงทุกคนเต็มไปด้วยความขมขื่น พวกเธอเบือนหน้าหนีและไม่สนใจเขา เนื่องจากพวกเธอมัวแต่จดจ่อกับการแข่งเติมอาหารใส่จานฉิงเฟิงจนลืมกินอาหารของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ชาวแก๊งค์ก็ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายเนื่องจากวิลล่าของหลินเสวี่ยมีห้องจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งหมด
ดังนั้นเจ้าโล้นและเย่เทียนจึงไปพักที่โรงแรมเพราะฉิงเฟิงขอให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ไปก่อนเพื่อคอยปกป้องหลิวหรูหยาน
ส่วนอลิซที่เป็นผู้หญิง หลิวหรูหยานพาเธอกลับไปที่วิลล่าของเธอเอง นี่เป็นความต้องการของอลิซเองรวมถึงเป็นแนวร่วมต่อต้านหลินเสวี่ยอีกด้วย
เมื่อทุกคนออกไปคฤหาสน์ก็เงียบลง
เมื่อฉิงเฟิงเห็นใบหน้าที่ดูอ่อนล้าและหมองคล้ำของหลินเสวี่ย ดวงตาของเขาก็ดูเป็นกังวล เขาเดินไปหาเธอและโอบเอวเล็กๆของเธอไว้
”ขอบคุณนะ” เสียงของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
“อืม..” หลินเสวี่ยตอบรับสั้นๆ เธออิงไหล่ของฉิงเฟิงซึ่งให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและสบาย
ในไม่ช้าหลินเสวี่ยก็หลับลงบนไหล่ของฉิงเฟิงและกรนเบาๆด้วยความอ่อนเพลีย
หลินเสวี่ยเหนื่อยล้าอย่างแท้จริง เธอทำงานหนักมาทั้งวันและไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนเพื่อขับรถไปที่ภูเขาบู๊ตึ๊ง
แม้แต่คนเหล็กก็ไม่สามารถอยู่ได้หลายวันโดยไม่ได้นอน ไม่ต้องพูดถึงหลินเสวี่ยที่ยังไม่หายขาดจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้
เมื่อได้มองดูหลินเสวี่ยที่กำลังหลับสนิท ฉิงเฟิงก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเขา
ทุกครั้งที่เขามองไปที่ใบหน้าที่งดงามของหลินเสวี่ย เขาก็จะรู้สึกใจสงบและสบายใจ บางทีนี่อาจจะเป็นความรู้สึกของคำว่าบ้าน
ฉิงเฟิงโอบหลินเสวี่ยไว้ในอ้อมแขนและเดินไปที่ห้องนอนของเธอที่ชั้นสอง เขาวางเธอไว้บนเตียงและห่มผ้าให้เธอ
หลินเสวี่ยดูงดงามยามหลับลึก ใบหน้าของเธอน่ารัก ผิวเนียนนุ่มราวกับสโนว์ไวท์
ฉิงเฟิงจูบบนหน้าผากของหลินเสวี่ยเบาๆและเดินออกจากห้องอย่างเงียบๆ
“ซิยี้, ขอบคุณที่ช่วยดูแลเธอในช่วงที่ผ่านมานี้” ฉิงเฟิงเดินลงมาที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งเพื่อขอบคุณเหมียวซิยี้
“นายท่าน คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณชั้นหรอกค่ะ ชั้นแค่ทำตามหน้าที่” เหมียวซิยี้กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
” หลายวันมานี้เธอคงเหนื่อยมาก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” ฉิงเฟิงกล่าวกับเหมียวซิยี้
เหมียวซิยี้พยักหน้าและหายตัวไปในความมืด เธอมีห้องลับในวิลล่านี้ไว้สำหรับพักผ่อนและเพื่อความสะดวกในการปกป้องหลินเสวี่ย
เมื่อทุกคนจากไป ห้องนั่งเล่นก็เงียบสนิท
…
ฉิงเฟิงกลับไปที่ห้องนอนของเขา เขายังคงเหน็ดเหนื่อยจากช่วงหลายวันที่ผ่านมาและต้องการพักผ่อนให้เต็มที่ เขาล้มตัวลงบนเตียง จากนั้นไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
… …
เมืองเทียนจิง, ภายในห้องๆหนึ่งในตำหนักโกสคิง
เฮยหวู่ชางกำลังอยู่ในระหว่างการฝึกยุทธ์ มีชั้นหมอกจางๆสีดำล้อมรอบตัวเขา ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“กุ้ยสือ มันดึกแล้วเจ้ามีธุระอะไร ?” เฮยหวู่ชางกดปุ่มรับสายและกล่าวด้วยความรำคาญเล็กน้อย เขาฝึกวิชาจนถึงจุดสำคัญแล้วแต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ ทำให้เขาหงุดหงิดมาก
“นายท่าน หลี่ฉิงเฟิงลงจากเขาบู๊ตึ๊งและกลับเมืองตงไห้ไปแล้วขอรับ” กุ้ยสือกล่าวผ่านทางโทรศัพท์ เขาได้รับคำสั่งของเฮยหวู่ชางให้คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของฉิงเฟิงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
เฮยหวู่ชางเป็นศิษย์คนที่สองของโกสคิง นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสี่ผู้คุมกฎของตำหนักโกสคิงอีกด้วย เป็นธรรมดาที่กู้ยสือจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเฮยหวู่ชาง
เมื่อได้ยินข่าวว่าฉิงเฟิงเดินทางกลับมายังเมืองตงไห่แล้ว ท่าทางของเฮยหวู่ชางก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ ในการเผชิญหน้ากันครั้งที่แล้วเฮยหวู่ชางล้มเหลวในการสังหารฉิงเฟิง เนื่องจากการสอดมือของลู่เต๋าซางจนถูกโกสคิงตำหนิ เขายังคงหงุดหงิดกับเรื่องนี้ตั้งแต่นั้นมา
ในคราวนี้เฮยหวู่ชางจะต้องฆ่าฉิงเฟิงให้จงได้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาฝึกวิชามาจนถึงส่วนที่สำคัญที่สุดแล้ว เขากำลังจะทะลวงผ่านไปอีกขั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาไปฆ่าฉิงเฟิงที่เมืองตงไห่
“กุ้ยสือเจ้าเป็นหัวกะทิในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ของตำหนักเรา จงมุ่งหน้าไปที่เมืองตงไห่และสังหารหลี่ฉิงเฟิงซะ หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะตบรางวัลด้วยยาบ่มเพาะกายา” เฮยหวู่ชางออกคำสั่งผ่านทางโทรศัพท์
ถึงแม้ว่าเฮยหวู่ชางจะไม่สามารถไปฆ่าฉิงเฟิงด้วยตัวเองได้ แต่เขาคิดว่าลำพังเพียงความสามารถของกุ้ยสือก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายดาย
” ขอรับนายท่าน ข้าจะนำหัวของมันมามอบให้ท่านเอง” กุ้ยสือกล่าวด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่ารางวัลเป็นยาบ่มเพาะกายา”