My Cold and Elegant CEO Wife – ตอนที่ 665 จิตสังหารที่รายล้อมรอบด้าน

ใบหน้าของอิซุโยชิจิโร่กลายเป็นสีแดงและหัวใจของเขาเริ่มสูบฉีด ขณะที่เขาเริ่มคิดว่าวูฟคิงราชันผู้โลดแล่นไปทั่วทั้งโลกใต้ดินกำลังจะถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขาในอีกไม่ช้า
ในฐานะศัตรูของฉิงเฟิงความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการสังหารฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงเป็นชาวหัวเซี่ย(จีน)ดังนั้นเขาจึงไม่ลงรอยกับคนจากเกาะแปซิฟิค(ญี่ปุ่น) เขาเคยต่อสู้กับคนเหล่านี้ตอนที่ปฏิบัติภารกิจ
เมื่อเห็นว่าอิซุโยชิจิโร่ขวางทางอยู่ เบอร์นาร์ดจึงได้ออกคำสั่งต่อบอดี้การ์ดหลายสิบคนที่อยู่ข้างหลังว่า “พวกนายไปจัดการเขาซะ !”
บอดี้การ์ดทั้งหมดลงจากรถและเดินตรงดิ่งไปหาอิซุโยชิจิโร่ พวกเขาทุกคนต่างก็ตัวสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามและมีทักษะพิเศษ ซึ่งทำให้พวกเขามีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นบอดี้การ์ด
“พวกเจ้าทุกคนกำลังเล่นกับไฟ!” โยชิจิโร่เผยรอยยิ้มอันหนาวเย็น เขาฟาดดาบยาวของเขาออกมาอย่างฉับพลันและหมุนร่างของเขาผ่านบอดี้การ์ดทั้งหมดจากนั้นก็เดินกลับมายังที่จุดเดิม
ฉูด
!!!
หลายสิบของบอดี้การ์ดทั้งหมดล้มลงกับพื้นดินพื้นดินถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงทันที คอของบอดี้การ์ดทั้งถูกโยชิจิโร่ตัดภายในเวลาเพียง3วินาทีเท่านั้น
ใบหน้าของเบอร์นาร์ดซีดลงเมื่อเขาเห็นผู้คุ้มกันของเขาตายเรียบโยชิจิโร่ผู้นี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเนื่องจากผู้คุ้มกันของเบอร์นาร์ดทุกคนต่างก็เป็นกองกำลังพิเศษ เป็นที่น่าหวาดกลัวมาก โยชิจิโร่สามารถจัดการกับกองกำลังพิเศษหลายสิบคนในเวลา 3 วินาที　　เบอร์นาร์ดเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญมาหลายคนแต่ก็ไม่มีคนไหนที่ล้างสังหารได้เหมือนที่โยชิจิโร่ทำ ชายคนนี้ไร้ซึ่งความปรานีและเห็นชีวิตมนุษย์เป็นผักปลา
“มิสอลิซพวกเราควรทำยังไงกันดี” ด้วยใบหน้าที่ซีดราวกับคนตาย เบอร์นาร์ดเสียงสั่นและถามอลิซ
การที่ได้เป็นพยานต่อหน้าการตายของบอดี้การ์ดทำให้เบอร์นาร์ดตื่นตระหนกมากเขาเป็นเพียงนักธุรกิจที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อสู้ เขาอาจจะถูกฆ่าด้วยปราณดาบก่อนจะถึงตัวโยชิจิโร่ด้วยซ้ำ
ฝ่ามือของอลิซก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเธอเป็นแค่นักสู้ระดับ SS ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับโยชิจิโร่เลย
เมื่อหันไปมองฉิงเฟิงที่โคม่าไม่ได้สติความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในแววตาที่งดงามของอลิซ เธอไม่อาจปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับฉิงเฟิงได้
แต่ในขณะที่อลิซกำลังจะเปิดประตูรถออกไปก็มีชายคนหนึ่งที่สวมชุดไทยปรากฏตัวขึ้นข้างหน้ารถในพริบ
ชายผู้นี้สูงใหญ่คิ้วดกหนาเขามีพุงเล็กน้อยแต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความยืดหยุ่นและความคล่องตัวของเขา เขาปรากฏตัวขึ้นหน้ารถเหมือนสายลมโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกัวซื่อเว่ยแชมป์มวยไทย สุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่สามารถพังรถทั้งคันได้เพียงหมัดเดียว
“นี่หมายความว่าอะไรกัวซื่อเว่ย ” โยชิจิโร่ถามด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม
เขาอยู่ในขั้นสูงสุดใต้สวรรค์และอยู่ในอันดับ2 ของการจัดอันดับขั้นใต้สวรรค์ ส่วนกัวซื่อเว่ยอยู่ในระดับสูงกว่าเขา ดังนั้นถึงแม้ว่าจะตั้งคำถาม แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือ
“วูฟคิงเป็นสหายของข้าแกไสหัวไป !” กัวซื่อเว่ยขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวด้วยเสียงต่ำแต่เต็มไปด้วยความยโส เขาไม่ได้เห็นโยชิจิโร่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย　　“กัวซื่อเว่ย,ข้ามาจากสมาคมราชาดาบแห่งเกาะแปซิฟิค แกในใจใช่ไหมว่าอย่างเป็นปรปักษ์กับพวกข้า !” ใบหน้าของโยชิจิโร่มืดลง เห็นได้ชัดว่าการถูกผู้อื่นตะคอกใส่หน้าทำให้เขาหงุดหงิด ไอลีนโนเวล
สมาคมราชันดาบมีอิทธิพลที่น่ากลัวในเกาะแปซิฟิกและมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีแม้แต่ในทวีปมังกร มีปรมาจารย์ดาบทั้งหมด 7 คน ซึ่งโยชิจิโร่อยู่อันดับที่ 7 เท่านั้น ปรมาจารย์คนอื่นที่อยู่อันดับสูงกว่าเขาต่างก็มีฝีมืออย่างน่าหวาดกลัว ตัวอย่างเช่นศิษย์พี่อันดับที่ 6 ของเขาเป็นถึงปรมาจารย์ดาบขั้นเหนือสวรรค์ไปแล้ว
โยชิจิโร่รู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คู่มือของกัวซื่อเว่ยดังนั้นเขาจึงยกสมาคมราชันดาบมาข่มขู่กัวซื่อเว่ย
“หุบปากโว้ย! สมาคมราชันดาบแล้วยังไงวะ ข้าจะทุบแกให้เละถ้ายังไม่พล่ามไร้สาระ” กัวซื่อเว่ยกำหมัด เปล่งแสงสีครามที่หอบหุ้มไปด้วยพลังบางอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้
แกร่ก
!!!!
กัวซื่อเว่ยเพียงแค่กำหมัดก็ปรากฏรอยปริแตกบนพื้นก่อนจะลงมือด้วยซ้ำนี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวของผู้ที่อยู่ขั้นสูงสุดเหนือสวรรค์
โยชิจิโร่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นรอยปริแตกบนพื้นดินดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถ้าหากกัวซื่อเว่ยออกหมัดใส่ร่างเขา แน่นอนว่าเขาคงระเบิดเป็นชิ้นๆ
“กัวซื่อเว่ยแกทำดีมากที่ขัดขวางข้าในวันนี้ ฝากไว้ก่อนเถอะ สมาคมราชันดาบของพวกข้าจะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆแน่ !” โยชิจิโร่จากไปทันทีหลังจากสบถออกมา
“กัวซื่อเว่ยขอบคุณมาก” อลิซกล่าวขอบคุณกัวซื่อเว่ยด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และแสดงความชื่นชม
เธอรู้ดีว่าถ้าหากกัวซื่อเว่ยไม่ยื่นมือเข้าช่วยฉิงเฟิงและพวกเธอจะตกอยู่ในอันตรายหาก
กัวซื่อเว่ยโบกมือให้เธอและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ข้าเป็นเพื่อนกับวูฟคิง พวกเราเคยดื่มด้วยกัน เพื่อนย่อมช่วยเพื่อนอยู่แล้ว”
“ยังไงก็ตามแต่ในนามของทีมเขี้ยวหมาป่า พวกเราเป็นหนี้คุณ”
“อลิซ,ที่จริงแล้วยังมีอีกคนที่เธอควรจะขอบคุณ, ไมเคิล เดอ ซานต้า”
“เอ๋ ทำไมพวกเราต้องขอบคุณเขา ?”
“อลิซทันทีที่พวกเธอเดินออกจากประตูอารีน่า ตูลูธจากสมาคมมือสังหารสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าวูฟคิงกำลังอ่อนแอลง พวกมันติดตามพวกเธอมา แต่ไมเคิล เดอ ซานต้าลงมือขัดขวางและช่วยพวกเธอไว้ลับๆ”
กัวซื่อเว่ยอธิบายและกล่าวต่อไปว่า
“พวกมันต่างก็เป็นนักรบขั้นเหนือสวรรค์ดังนั้นคนธรรมดาไม่อาจสัมผัสอะไรได้ ต่อให้พวกมันปลดปล่อยจิตสังหารออกมาก็ตาม”
อลิซพยักหน้าและกล่าวว่า“ฝากขอบคุณไมเคิล เดอ ซานต้าด้วย ทีมเขี้ยวหมาป่าเป็นหนี้เขา”
“เอาละข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อหยุดทุกคนที่ประสงค์ร้ายต่อวูฟคิง พวกเธอรีบไปซะดีกว่า ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้น” กัวซื่อเว่ยขมวดคิ้วและกล่าวกับอลิซ
เมื่อไม่นานนี้กัวซื่อเว่ยสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมากมายที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ และในหมู่คนเหล่านั้นยังมีนักรบในขั้นเหนือสวรรค์อีกด้วย
อลิซรู้ดีถึงความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้เช่นกันดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและกล่าวว่า “งั้นพวกเราไปละ คุณระวังตัวด้วย”
จากนั้นอลิซก็บอกให้เบอร์นาร์ดขับรถพาฉิงเฟิงที่ยังไม่ได้สติกลับไปที่คฤหาสน์
ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์ของเบอร์นาร์ดอลิซพาฉิงเฟิงเข้าไปในห้องและวางเขาลงบนเตียง
“มิสอลิซคุณรู้ไหมว่าเมื่อใดที่ฝ่าบาทวูฟคิงถึงจะฟื้น ” เบอร์นาร์ดถามด้วยเสียงกระวนกระวาย
ถึงแม้ว่าเบอร์นาร์ดจะกลับมาถึงคฤหาสน์ไวน์ของเขาแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีผู้ไม่หวังดีหลายคนกำลังสอดแนมดูพวกเขาอยู่ ออร่าที่ทรงพลังที่พวกเขาปล่อยออกมาแสดงถึงเจตนาที่ชั่วร้ายของพวกเขา มันทำให้เบอร์นาร์ดตื่นตระหนกและอยู่ไม่สุข
เห็นได้ชัดว่าอลิซก็สังเกตเห็นเงาคนจากที่ไกลๆนอกคฤหาสน์เช่นกันเธอขมวดคิ้วที่เรียวงามไว้แน่นและตอบว่า “เขาหมดสติเนื่องจากความอ่อนล้าหลังการเปิดใช้งานสายเลือด เขาจะฟื้นในไม่ช้า …..บางทีนะ”
ฉิงเฟิงอยู่ในอาการโคม่าในขณะนี้แต่ทว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา ไม่สิ ไม่อาจเรียกว่าการเปลี่ยนแปลง มันคือการเปลี่ยนลักษณ์ (Metamorphoses)* 　　พลังแห่งสายเลือดกำลังมีการวิวัฒนาการภายในร่างกายของเขาและโลหิตที่ขาดแคลนของราชันหมาป่าก็กำลังเพิ่มขึ้น
*Metamorphoses= ความหมาย คือ เมตามอร์โฟซิส : กระบวนการเจริญเติบโตของสัตว์บางชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะไปเป็นขั้น ๆ จากตัวอ่อนจนถึงตัวโตเต็มวัย เช่น การเจริญเติบโตของตัวไหมซึ่งเปลี่ยนแปลงจากไข่เป็นหนอน (ตัวอ่อน) ดักแด้ และตัวโตเต็มวัยตามลำดับ