เมื่อพวกเขาเห็นฉิงเฟิงเดินเข้ามาในเวทีดวงตาของทั้ง 50 คนก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ชายหนุ่มคนที่มิสลั่วพามากล้าที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกจริงๆซึ่งขั้นตอนการคัดเลือกที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยลั่วหนี่ซางนั้นยากเย็นและโหดร้ายสุดๆ เขารู้หรือเปล่าว่าการคัดเลือกนี่โหดร้ายน่ากลัวแค่ไหน
แม้ว่าสุสานแกรนด์มาสเตอร์แห่งนี้จะมีขุมทรัพย์มากมายอยู่ข้างในแต่ก็เต็มเปี่ยมไปอันตรายอย่างมาก ถ้าคุณไม่แข็งแกร่งพอทางรอดเดียวก็คือความตาย
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมลั่วหนี่ซางจึงจำเป็นต้องมีการทดสอบที่โหดร้ายเหล่านี้ก็เพื่อที่เธอจะได้เลือกยอดฝีมือที่ดีที่สุด 9 คนมาเข้าร่วมกับเธอนั่นเอง
วูฟคิงคุณต้องการเข้าร่วมกระบวนการคัดเลือกจริงๆหรือ ลั่วหนี่ซางเผยอริมฝีปากสีแดงและกล่าวถาม
จากสิ่งที่ลั่วหนี่ซางกล่าวฉิงเฟิงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบนี้หากต้องการ ด้วยความแข็งแกร่งของฉิงเฟิง ลั่วหนี่ซางประจักษ์แก่สายตาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเป็นเหตุให้เธอเลือกเขาอย่างเต็มใจ หากใช้พลังทั้งหมด แม้แต่เหลิงเซียะ ยอดฝีมือระดับท็อบขั้นเหนือสวรรค์ระดับสูงสุดก็ยังไม่ใช่คู่มือของฉิงเฟิง
แม้ว่ายอดยุทธ์ทั้ง50 คนนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างพวกเขากับฉิงเฟิง
มิสลั่วฉันไม่ต้องการให้พวกเขาคิดว่าฉันถูกเลือกเพราะใช้เส้นสายกับคุณ
ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉิงเฟิงเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้เป็นอย่างดีวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้พวกเขาหุบปากก็คือการเอาชนะพวกเขาจนเถียงไม่ออก
ลั่วหนี่ซางพยักหน้าและกล่าวว่า เอาละ ชั้นเข้าใจแล้ว คุณจะเป็น 1 ในผู้เข้าร่วมการทดสอบของชั้น การทดสอบครั้งสุดท้ายนี้ง่ายดายยิ่ง มันคือแบทเทิ้ลรอยัล คนที่เหลือรอด 9 คน จากทั้งหมดนี้จะได้เข้าไปสุสานในแกรนด์มาสเตอร์พร้อมกับชั้น
สิ้นเสียงของลั่วหนี่ซางใบหน้าของทั้ง 50 คนที่ยืนอยู่บนเวทีก็เปลี่ยนไป พวกเขาทั้งหมดเริ่มเพิ่มความระมัดระวังต่อคนข้างๆมากขึ้น เผื่อว่าจะมีใครลอบโจมตีในพริบตา
การทดสอบครั้งนี้โหดร้ายมากแต่มันก็เป็นประโยชน์อย่างมาก มันเป็นคำง่ายๆเพียงคำเดียว ‘สู้’ และคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด
เนื่องจากฉิงเฟิงเป็นคนที่ลั่วหนี่ซางพามาด้วยตนเองเหล่ายอดยุทธ์ที่เหลือจึงตีตัวออกห่างเขา ไม่เพียงเท่านั้น มี 4 คนที่กำลังจะรุมเขา พวกเขายืนอยู่ข้างหน้า หลัง ด้านซ้ายและด้านขวา เตรียมที่จะลงมือกรุ้มรุมเขาทุกเมื่อ
ฉิงเฟิงมองไปที่คนทั้งสี่และยิ้มอย่างสงบคนเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรในสายตาของเขา ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกโกรธมาก พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นสมาชิกตระกูลลั่วและทรงพลังมาก แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นยอดฝีมือขั้นเหนือสวรรค์แต่กลับโดนดูถูกโดยคนนอก
การทดสอบนี้เป็นการวิวาทกันอย่างแท้จริงบางครั้งก็ตัวต่อตัว บางครั้งก็ร่วมมือกันรุม
ซึ่งฉิงเฟิงเป็นบุคลภายนอกก็ไม่แปลกที่เขาจะต้องโดนเพ่งเล็ง
ฮ่าห์!
ทันใดนั้นทั้งสี่คนก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกันพวกเขาเหวี่ยงทั้งหมัด ฝ่ามือ กรงเล็บออกมาโจมตีฉิงเฟิงพร้อมกันทุกทิศทาง !
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากทั้งสี่คนพร้อมกันฉิงเฟิงก็ยังคงยืนนิ่งราวกับว่าเขาไม่เห็น
อะไรกัน ผู้ชายคนนี้โง่หรือเปล่า ทำไมเขาไม่หลบ ? ผู้คนโดยรอบดูเหมือนจะประหลาดใจ พวกเขาไม่เข้าใจพฤติกรรมของฉิงเฟิง
ไม่ใช่เพียงแค่คนที่อยู่รอบๆตัวเขาที่ดูสับสนแม้แต่ทั้งสี่คนที่โจมตีฉิงเฟิงก็ยังรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน ชายคนที่คุณหนูพามานี่รู้วรยุทธ์หรือเปล่า ทำไมไม่หลบแม้แต่น้อย
ตูมตูม ตูม ตูม Aileen-novel
! ! !
การโจมตีของทั้งสี่คนปะทะเข้ากับร่างกายของฉิงเฟิงแต่มันกลับรู้สึกราวกับว่ามือของพวกเขาได้กระทบกับหินแข็งแทน ผู้ลงมือคนแรกใช้พลังมากเกินไปจนนิ้วแหลกละเอียด
ร่างกายของฉิงเฟิงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากโลหิตมังกรหยดนั้นไม่ว่าจะเป็นผิวหนังหรือกระดูก พวกมันต่างก็แข็งแรงทนทานอย่างสุดขั้ว ในขอบเขตเดียวกันไม่มีผู้ใดสร้างบาดแผลต่อร่างกายของเขาได้
ทำเป็นพูดโวยวายแต่ที่จริงล้วนแต่เป็นขยะทั้งนั้น ! ฉิงเฟิงสบถออกมาด้วยความดูหมิ่น
พวกเขาพร่ำเพ้อออกมามากมายโดยคิดว่าตนเองต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งแต่พอถึงเวลาลงมือ ฉิงเฟิงเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย ถ้าไม่ใช่ขยะแล้วจะให้เรียกอะไร
หลังจากที่ทั้งสี่คนได้ยินคำด่าทอของฉิงเฟิงใบหน้าพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขาเตรียมจะลงมืออีกครั้งแต่ฉิงเฟิงไม่ให้โอกาสอีกแล้ว
หมดเวลาเล่นแล้ว
!
ฉิงเฟิงตะโกนออกมาพร้อมกับหมุนตัวเตะ360 องศา เขาเตะคนทั้งสี่ลอยกระเด็นในคราวเดียว พวกเขาลอยขึ้นไปบนฟ้าและตกลงมาอย่างแรงบนพื้น
โอ้พระเจ้า ! ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เขาใช้ลูกเตะเดียวก็ทำให้ยอดยุทธ์เหนือสวรรค์ 4 คนหมดสภาพในพริบตา
ดีที่ฉันไม่ไปร่วมมือโจมตีใส่เขาไม่งั้นตอนนี้ฉันคงนอนกองไปด้วยอีกคน
ทุกคนต่างก็พูดเกี่ยวกับฉิงเฟิงด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความช็อคดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ฉิงเฟิงแข็งแกร่งเหนือจินตนาการของพวกเขา
ถ้าหากฉิงเฟิงโจมตีคนทั้งสี่หลายกระบวนท่าแล้วชนะพวกเขาคงจะไม่แปลกใจเท่านี้ แต่สิ่งสำคัญคือฉิงเฟิงทำให้คนเหล่านี้หมดสภาพภายในการเตะครั้งเดียว สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้ทุกคนหวาดผวา
ในพริบตาทุกคนที่อยู่บนเวทีต่างก็ก้าวถอยหลังจากรัศมีการโจมตีของฉิงเฟิง
เหล่าผู้ที่อยู่ใกล้เขาในตอนแรกและเตรียมจะลงมือตามน้ำสี่คนนั้นต่างก็ถอยหนีไปไกลด้วยความหวาดกลัว
มีใครไม่พอใจฉันอีกไหม ฉิงเฟิงมองไปรอบๆด้วยรอยยิ้มอย่างเย็นชา
ทุกคนส่ายหัวและไม่มีใครกล้าโจมตีฉิงเฟิงอีกพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากหันไปโจมตีกันเอง
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาการต่อสู้ก็สิ้นสุดลง
จากผู้เข้าร่วมทั้งหมด50 คนตอนนี้เหลือมี 9 คน ก็คือฉิงเฟิง ลั่วเทียนเฮาและอีก 7 คน
ฉิงเฟิงสังเกตเห็นว่าลั่วเทียนเฮาผู้นี้อยู่ในขอบเขตเหนือสวรรค์ขั้นปลายแล้วเขานับได้ว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง ส่วนที่เหลืออีก 7 คนก็เป็นยอดฝีมือเหนือสวรรค์ขั้นกลาง พวกเขาแข็งแกร่งไม่เลวเลยทีเดียว
เมื่อเลือกครบ9 คนแล้ว คนอื่นที่ถูกคัดออกต่างก็ทำได้เพียงเดินคอตกจากไป บางคนเสียใจมากที่พลาดโอกาสในการเข้าไปสำรวจสุสานแกรนด์มาสเตอร์ เอาละทุกท่านแยกย้ายได้ พรุ่งนี้มาพบกันที่นี่ตอน 8 โมงเช้า พวกเราจะไปสุสานแกรนด์มาสเตอร์พร้อมกัน ลั่วหนี่ซางโบกมือและบอกให้ทุกคนแยกย้าย
แต่เมื่อฉิงเฟิงกำลังจะเดินจากไปลั่วหนี่ซางก็รั้งเขาไว้ เธอกล่าวว่า รอเดี๋ยวก่อนสิ คุณจะรีบไปไหน คืนนี้อยู่กับชั้นก่อนได้ไหม มีงานค็อกเทลปาร์ตี้ ลั่วหนี่ซางยิ้มพร้อมกับคล้องแขนฉิงเฟิง (อ่อยขนาดนี้…)
ฉิงเฟิงไม่ได้อยากไปงานเลี้ยงคืนนี้แม้แต่น้อยเพราะเขาต้องการตั้งสมาธิและพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อการเข้าไปในสุสานแกรนด์มาสเตอร์ แต่เขาก็ไม่อยากขัดใจลั่วหนี่ซาง จึงทำได้เพียงต้องพยักหน้าตกลง
งานเลี้ยงค๊อกเทลนี้เป็นการชุมนุมของชนชั้นสูงในเมืองเทียนจิงมันจัดขึ้นที่ตึกระฟ้าเทียนจิง
ตึกระฟ้าเทียนจิงสูงกว่า100 ชั้น มันเป็นอาคารที่หรูหราขนาดใหญ่และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมือง อาคารได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรามากภายนอกถูกสร้างด้วยคริสตัลเงินและกระจกโปร่งใสดูสวยงามเป็นพิเศษ
รถส่วนตัวของลั่วหนี่ซางเป็นรถลัมโบกินี่รุ่นลิมิเต็ดของโลกที่เป็นสีกุหลาบเพลิงด้านนอกตัวถังรถมีลวดลายดอกกุหลาบที่ดูงดงามไม่เหมือนรถคันใด
ต้องบอกว่าตระกูลลั่วนั้นร่ำรวยมหาศาลรถคันนี้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง มันผลิตขึ้นมาเพียงคันเดียวในโลก และถูกลั่วหนี่ซางซื้อในทันที
เมื่อลั่วหนี่ซางมาถึงที่ตึกระฟ้าเทียนจิงพร้อมกับฉิงเฟิงเขาก็ได้เห็นคนคุ้นเคยยืนอยู่ที่หน้าประตู เจียงไป่เต๋านั่นเอง