เมื่อฉิงเฟิงได้ตรวจสอบขาของจางหยุนเหอเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกใจ
มันเป็นเคสที่หาได้ยากมากจนแม้แต่ฉิงเฟิงก็ยังต้องตกใจ
“ศาสตราจารย์จางขาทั้งสองข้างของคุณแตกร้าวเป็นชิ้นเล็กๆและร่างกายของคุณได้รับผลกระทบจากพิษกร่อนกระดูก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมไม่มีใครสามารถรักษาขาที่หักของคุณได้” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ
พิษกร่อนกระดูกเธอรู้จักพิษกร่อนกระดูกด้วย
การแสดงออกของจางหยุนเหอเปลี่ยนไปและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเดิมเขาคิดว่าฉิงเฟิงจะแค่โอ้อวดเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของเขา แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉิงเฟิงมีความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์แผนจีนจริงๆ
นอกจากตัวเขาเองไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าเขาถูกวางยาพิษด้วยพิษกร่อนกระดูก แม้แต่น้องชายของเขาเองก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้สามารถรู้ได้จากการสัมผัสเพียงแค่แวบเดียว นี่เป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉิงเฟิงมีความเชี่ยวชาญมาก
“เธอ…เธอมีทางรักษามั้ย !” จางหยุนเหอกล่าวเสียงสั่นด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า เขากระวนกระวายมาก
ฉิงเฟิงฝืนยิ้มและส่ายหัวถึงแม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นหมอระดับเทพ แต่เขาก็ไม่สามารถรักษาได้ทุกโรค พิษกร่อนกระดูกถือเป็นสารพิษร้ายแรงอย่างมากต่อกระดูก
กระดูกมนุษย์ประกอบไปด้วยสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์สารอินทรีย์รวมไปถึงโปรตีน ส่วนสารอนินทรีย์ก็จำพวกแคลเซียมและฟอสฟอรัส
กระดูกเป็นส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกายมนุษย์และเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดอีกด้วย
ถ้าคนไม่มีกระดูกก็จะมีเพียงเลือดและกล้ามเนื้อมนุษย์จะไม่สามารถยืนได้
พิษกร่อนกระดูกถูกสร้างขึ้นเพื่อเป้าหมายในการกัดกร่อนกระดูกไม่ว่ากระดูกจะแข็งแค่ไหนพิษนี้ก็สามารถทำให้มันอ่อนยวบราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยว สุดท้ายเหยื่อที่โดนพิษนี้จะไม่สามารถยืนได้และต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิต
ดังนั้นไม่ว่าฉิงเฟิงจะทรงพลังแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถทำให้กระดูกอ่อนกลายเป็นกระดูกแข็งได้
ถ้าจางหยุนเหอถูกวางยาพิษเพียงเล็กน้อยหรือไม่นานฉิงเฟิงอาจจะสามารถใช้การฝังเข็ม
ควบคู่ไปกับแก่นแท้โลหิตในการรักษาได้
แต่จางหยุนเหอถูกวางยาพิษมานานแล้วอีกทั้งพิษก็ได้ทำลายกระดูกส่วนใหญ่ของเขาแทบทั้งหมด กระดูกขาของเขาถูกกัดกร่อนจนเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวนุ่มๆ
“ฉันถูกวางยาพิษเมื่อสามปีที่แล้วโดยลูกศิษย์ของฉันเย่หยุนซัน ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะรักษาให้ฉันไม่ได้ เอาละ ออกไปได้แล้ว” จางหยุนเหอรู้สึกผิดหวัง เขาหันหลังกลับเข้าไปในห้อง
หือเดี๋ยวก่อน
ทันใดนั้นฉิงเฟิงก็นึกขึ้นมาได้ถึงสิ่งที่อาจารย์เคยกล่าวไว้เมื่อ15 ปีก่อน พิษกร่อนกระดูกเป็นพิษที่รุนแรงยิ่งยวดและยากที่จะทำการรักษา แต่ทุกอย่างนั้นมีทางออก
ตัวอย่างเช่นไฟนั้นอาจจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่น้ำกลับใช้ดับมันได้ ต้นไม้ดำรงชีวิตอยู่ได้จากการดูดสารอาหารจากโคลนบนพื้นดิน แต่หลังจากมันตายแล้วมันก็จะกลายเป็นสารอาหารสำหรับโคลน
พิษกร่อนกระดูกทำให้กระดูกอ่อนยวบยาบแต่มันก็อาจจะมีบางอย่างที่ทำให้กระดูกแข็งขึ้นก็เป็นได้ ! “เดี๋ยวก่อนศาสตราจารย์จางผมจำได้ว่าอาจารย์เคยบอกว่ามีสมุนไพรบางอย่างที่อาจจะต่อกรกับพิษนี้ได้”
“แล้วมันคืออะไร”
“เถาวัลย์อีกาดำมันเป็นเถาวัลย์ที่แข็งอย่างสุดขั้ว ว่ากันว่ามันแข็งพอๆกับทองคำ กิ่งของมันอาจจะสามารถใช้รักษาพิษของคุณได้” ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าว
โชคดีที่ความทรงจำของฉิงเฟิงนั้นดีมากเขายังจำสิ่งที่อาจารย์เคยกล่าวไว้สั้นๆเมื่อ 15 ปีก่อนได้อย่างชัดเจน
เถาวัลย์อีกาดำ Aileen-novel
จางหยุนเหอขมวดคิ้วเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพืนชนิดนี้มาก่อน แต่มันสูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน เขาไม่มีทางหาพืชชนิดนี้ได้อีกต่อไป
“เหอๆ…พืชชนิดนี้ฉันก็รู้จัก แต่มันสูญพันธุ์ไปตั้ง 50 ปีแล้วเจ้าหนุ่ม ถึงแม้มันจะรักษาฉันได้จริงแต่เธอจะไปหามันจากที่ไหนละ ” จางหยุนเหอยิ้มอย่างขมขื่น
หา
สีหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเขาจำได้เพียงว่ามันสามารถรักษาพิษกร่อนกระดูกได้ แต่ก็ลืมไปเสียสนิทว่ามันสูญพันธุ์ไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ทั่วทั้งหัวเซี่ยไม่มีพืนชนิดนี้อีกแล้ว
“ศาสตราจารย์จางถึงแม้ว่ามันจะสูญพันธุ์ไปแล้วก็ตามแต่ผมจะหาทางรักษาขาของคุณให้ได้”
“’งั้นฉันก็จะรักษาสัญญาเช่นกันตราบเท่าที่เธอสามารถรักษาขาของฉันและเอาชนะลูกศิษย์ทรพีคนนั้นของฉันได้ ฉันจะทำให้ภรรยาของเธอฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน”
“ตกลงตามนี้ครับศาสตราจารย์จาง!” ฉิงเฟิงยิ้มอย่างพึงพอใจและเดินออกไป
ถึงแม้ว่าเถาวัลย์อีกาดำจะสูญพันธุ์ไปแล้วก็ตามฉิงเฟิงไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถหามันได้อีก ต้องมีใครสักคนที่เก็บรักษามันไว้
เขารู้ว่าตราบเท่าที่เขารักษาขาของศาสตราจารย์จางได้หลินเสวี่ยจะฟื้นขึ้นมาแน่นอน
มันสมเหตุสมผลจางหยุนเหอถูกวางยาพิษและไม่สามารถเดินเหินไปไหนมาไหนได้ ถึงแม้ว่าเขาจะรักษาให้หลินเสวี่ยฟรีๆแต่เขาก็ไม่มีพละกำลังพอ
ชะตากรรมของหลินเสวี่ยฉิงเฟิงและจางหยุนเหอถูกผูกเข้าไว้ด้วยกันแล้วตอนนี้ ฉิงเฟิงทำได้เพียงต้องหาทางรักษาขาของจางหยุนเหอเสียก่อน จากนั้นจางหยุนเหอถึงจะสามารถรักษาหลินเสวี่ยได้
ฉิงเฟิงเดินออกจากมหาวิทยาลัยและโทรหาคิงคอง,ถังเจียนกัวและซูเมิ่งเหยาตามลำดับ เขาขอให้คนเหล่านี้ช่วยเขาตามหาเถาวัลย์อีกาดำ
เท่านั้นยังไม่พอฉิงเฟิงโทรกลับตระกูลหลี่ที่เมืองหลวง, หลี่เหมยเอ๋อร์ เขาเล่าเรื่องให้เธอฟังและขอให้เธอใช้อำนาจของตระกูลหลี่ในการตามหาพืชชนิดนี้ทั่วประเทศ
หลังจากโทรหาคนเหล่านี้เสร็จฉิงเฟิงก็คิดถึงเซียะฉิงเชิงขึ้นมา เธอเป็นประธานบริษัทสมุนไพร All Well และน่าจะมีช่องทางในการตามหาพืชสูญพันธุ์ชนิดนี้ เขาจึงโทรขอร้องเธอเช่นกัน
ผ่านไปหนึ่งวัน
คิงคองถังเจียนกัว ซูเมิ่งเหยา เซียะฉิงเชิงและหลี่เหมยเอ๋อร์ต่างก็โทรมาแจ้งข่าวต่อฉิงเฟิงและบอกว่าพวกเขาไม่สามารถหาพืชชนิดนี้ได้เลยสักคนเดียว พืชชนิดนี้สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน
สูญพันธุ์
ไม่มีทางหาได้
หลังจากได้ยินข่าวจากคนที่เขาไหว้วานการแสดงออกของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนไปเขาหงุดหงิดมาก ถ้าเขาไม่สามารถหาพืชชนิดนี้ได้ก็ไม่สามารถรักษาจางหยุนเหอได้ หลินเสวี่ยก็จะไม่ฟื้นเช่นกัน
ฉิงเฟิงหงุดหงิดมากและเดินไปมาในห้องโถงของโรงพยาบาลเขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนเหวี่ยงหมัดชกกำแพงเสียงดังลั่นและเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
พยาบาลที่เดินผ่านมากำลังจะด่าทอที่เขาทำเสียงดังในตึกผู้ป่วยแต่เธอก็กรีดร้องและวิ่งหนีไปทันทีหลังจากเห็นหลุมใหญ่ที่กำแพง
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากเขาชกกำลังจนเป็นหลุมใหญ่ด้วยหมัดเดียว พยาบาลหวาดกลัวจนหัวใจเต้นรัว
กริ๊งงงง
~
ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของฉิงเฟิงก็ดังขึ้นเขารับโทรศัพท์และกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “แกเป็นใคร มีธุระอะไรก็แหกปากพูดออกมาเร็วๆ !”
เนื่องจากอาการของหลินเสวี่ยและเรื่องพืชที่สูญพันธุ์ไปแล้วทำให้ฉิงเฟิงหัวเสียและหงุดหงิดมากเขาสบถออกมาทางโทรศัพท์ในทันทีโดยไม่สนพระอินทร์พระพรหม “วูฟคิงเกิดอะไรขึ้นกับคุณ นี่ชั้นเองนะ ลั่วหนี่ซาง ไม่ใช่ศัตรู” ลั่วหนี่ซางที่โทรมาขมวดคิ้วมุ่น เธอรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของฉิงเฟิงในตอนนี้
มันเป็นเคสที่หาได้ยากมากจนแม้แต่ฉิงเฟิงก็ยังต้องตกใจ
“ศาสตราจารย์จางขาทั้งสองข้างของคุณแตกร้าวเป็นชิ้นเล็กๆและร่างกายของคุณได้รับผลกระทบจากพิษกร่อนกระดูก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมไม่มีใครสามารถรักษาขาที่หักของคุณได้” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ
พิษกร่อนกระดูกเธอรู้จักพิษกร่อนกระดูกด้วย
การแสดงออกของจางหยุนเหอเปลี่ยนไปและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเดิมเขาคิดว่าฉิงเฟิงจะแค่โอ้อวดเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของเขา แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉิงเฟิงมีความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์แผนจีนจริงๆ
นอกจากตัวเขาเองไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าเขาถูกวางยาพิษด้วยพิษกร่อนกระดูก แม้แต่น้องชายของเขาเองก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้สามารถรู้ได้จากการสัมผัสเพียงแค่แวบเดียว นี่เป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉิงเฟิงมีความเชี่ยวชาญมาก
“เธอ…เธอมีทางรักษามั้ย !” จางหยุนเหอกล่าวเสียงสั่นด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า เขากระวนกระวายมาก
ฉิงเฟิงฝืนยิ้มและส่ายหัวถึงแม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นหมอระดับเทพ แต่เขาก็ไม่สามารถรักษาได้ทุกโรค พิษกร่อนกระดูกถือเป็นสารพิษร้ายแรงอย่างมากต่อกระดูก
กระดูกมนุษย์ประกอบไปด้วยสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์สารอินทรีย์รวมไปถึงโปรตีน ส่วนสารอนินทรีย์ก็จำพวกแคลเซียมและฟอสฟอรัส
กระดูกเป็นส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกายมนุษย์และเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดอีกด้วย
ถ้าคนไม่มีกระดูกก็จะมีเพียงเลือดและกล้ามเนื้อมนุษย์จะไม่สามารถยืนได้
พิษกร่อนกระดูกถูกสร้างขึ้นเพื่อเป้าหมายในการกัดกร่อนกระดูกไม่ว่ากระดูกจะแข็งแค่ไหนพิษนี้ก็สามารถทำให้มันอ่อนยวบราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยว สุดท้ายเหยื่อที่โดนพิษนี้จะไม่สามารถยืนได้และต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิต
ดังนั้นไม่ว่าฉิงเฟิงจะทรงพลังแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถทำให้กระดูกอ่อนกลายเป็นกระดูกแข็งได้
ถ้าจางหยุนเหอถูกวางยาพิษเพียงเล็กน้อยหรือไม่นานฉิงเฟิงอาจจะสามารถใช้การฝังเข็ม
ควบคู่ไปกับแก่นแท้โลหิตในการรักษาได้
แต่จางหยุนเหอถูกวางยาพิษมานานแล้วอีกทั้งพิษก็ได้ทำลายกระดูกส่วนใหญ่ของเขาแทบทั้งหมด กระดูกขาของเขาถูกกัดกร่อนจนเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวนุ่มๆ
“ฉันถูกวางยาพิษเมื่อสามปีที่แล้วโดยลูกศิษย์ของฉันเย่หยุนซัน ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะรักษาให้ฉันไม่ได้ เอาละ ออกไปได้แล้ว” จางหยุนเหอรู้สึกผิดหวัง เขาหันหลังกลับเข้าไปในห้อง
หือเดี๋ยวก่อน
ทันใดนั้นฉิงเฟิงก็นึกขึ้นมาได้ถึงสิ่งที่อาจารย์เคยกล่าวไว้เมื่อ15 ปีก่อน พิษกร่อนกระดูกเป็นพิษที่รุนแรงยิ่งยวดและยากที่จะทำการรักษา แต่ทุกอย่างนั้นมีทางออก
ตัวอย่างเช่นไฟนั้นอาจจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่น้ำกลับใช้ดับมันได้ ต้นไม้ดำรงชีวิตอยู่ได้จากการดูดสารอาหารจากโคลนบนพื้นดิน แต่หลังจากมันตายแล้วมันก็จะกลายเป็นสารอาหารสำหรับโคลน
พิษกร่อนกระดูกทำให้กระดูกอ่อนยวบยาบแต่มันก็อาจจะมีบางอย่างที่ทำให้กระดูกแข็งขึ้นก็เป็นได้ ! “เดี๋ยวก่อนศาสตราจารย์จางผมจำได้ว่าอาจารย์เคยบอกว่ามีสมุนไพรบางอย่างที่อาจจะต่อกรกับพิษนี้ได้”
“แล้วมันคืออะไร”
“เถาวัลย์อีกาดำมันเป็นเถาวัลย์ที่แข็งอย่างสุดขั้ว ว่ากันว่ามันแข็งพอๆกับทองคำ กิ่งของมันอาจจะสามารถใช้รักษาพิษของคุณได้” ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าว
โชคดีที่ความทรงจำของฉิงเฟิงนั้นดีมากเขายังจำสิ่งที่อาจารย์เคยกล่าวไว้สั้นๆเมื่อ 15 ปีก่อนได้อย่างชัดเจน
เถาวัลย์อีกาดำ Aileen-novel
จางหยุนเหอขมวดคิ้วเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพืนชนิดนี้มาก่อน แต่มันสูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน เขาไม่มีทางหาพืชชนิดนี้ได้อีกต่อไป
“เหอๆ…พืชชนิดนี้ฉันก็รู้จัก แต่มันสูญพันธุ์ไปตั้ง 50 ปีแล้วเจ้าหนุ่ม ถึงแม้มันจะรักษาฉันได้จริงแต่เธอจะไปหามันจากที่ไหนละ ” จางหยุนเหอยิ้มอย่างขมขื่น
หา
สีหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเขาจำได้เพียงว่ามันสามารถรักษาพิษกร่อนกระดูกได้ แต่ก็ลืมไปเสียสนิทว่ามันสูญพันธุ์ไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ทั่วทั้งหัวเซี่ยไม่มีพืนชนิดนี้อีกแล้ว
“ศาสตราจารย์จางถึงแม้ว่ามันจะสูญพันธุ์ไปแล้วก็ตามแต่ผมจะหาทางรักษาขาของคุณให้ได้”
“’งั้นฉันก็จะรักษาสัญญาเช่นกันตราบเท่าที่เธอสามารถรักษาขาของฉันและเอาชนะลูกศิษย์ทรพีคนนั้นของฉันได้ ฉันจะทำให้ภรรยาของเธอฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน”
“ตกลงตามนี้ครับศาสตราจารย์จาง!” ฉิงเฟิงยิ้มอย่างพึงพอใจและเดินออกไป
ถึงแม้ว่าเถาวัลย์อีกาดำจะสูญพันธุ์ไปแล้วก็ตามฉิงเฟิงไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถหามันได้อีก ต้องมีใครสักคนที่เก็บรักษามันไว้
เขารู้ว่าตราบเท่าที่เขารักษาขาของศาสตราจารย์จางได้หลินเสวี่ยจะฟื้นขึ้นมาแน่นอน
มันสมเหตุสมผลจางหยุนเหอถูกวางยาพิษและไม่สามารถเดินเหินไปไหนมาไหนได้ ถึงแม้ว่าเขาจะรักษาให้หลินเสวี่ยฟรีๆแต่เขาก็ไม่มีพละกำลังพอ
ชะตากรรมของหลินเสวี่ยฉิงเฟิงและจางหยุนเหอถูกผูกเข้าไว้ด้วยกันแล้วตอนนี้ ฉิงเฟิงทำได้เพียงต้องหาทางรักษาขาของจางหยุนเหอเสียก่อน จากนั้นจางหยุนเหอถึงจะสามารถรักษาหลินเสวี่ยได้
ฉิงเฟิงเดินออกจากมหาวิทยาลัยและโทรหาคิงคอง,ถังเจียนกัวและซูเมิ่งเหยาตามลำดับ เขาขอให้คนเหล่านี้ช่วยเขาตามหาเถาวัลย์อีกาดำ
เท่านั้นยังไม่พอฉิงเฟิงโทรกลับตระกูลหลี่ที่เมืองหลวง, หลี่เหมยเอ๋อร์ เขาเล่าเรื่องให้เธอฟังและขอให้เธอใช้อำนาจของตระกูลหลี่ในการตามหาพืชชนิดนี้ทั่วประเทศ
หลังจากโทรหาคนเหล่านี้เสร็จฉิงเฟิงก็คิดถึงเซียะฉิงเชิงขึ้นมา เธอเป็นประธานบริษัทสมุนไพร All Well และน่าจะมีช่องทางในการตามหาพืชสูญพันธุ์ชนิดนี้ เขาจึงโทรขอร้องเธอเช่นกัน
ผ่านไปหนึ่งวัน
คิงคองถังเจียนกัว ซูเมิ่งเหยา เซียะฉิงเชิงและหลี่เหมยเอ๋อร์ต่างก็โทรมาแจ้งข่าวต่อฉิงเฟิงและบอกว่าพวกเขาไม่สามารถหาพืชชนิดนี้ได้เลยสักคนเดียว พืชชนิดนี้สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน
สูญพันธุ์
ไม่มีทางหาได้
หลังจากได้ยินข่าวจากคนที่เขาไหว้วานการแสดงออกของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนไปเขาหงุดหงิดมาก ถ้าเขาไม่สามารถหาพืชชนิดนี้ได้ก็ไม่สามารถรักษาจางหยุนเหอได้ หลินเสวี่ยก็จะไม่ฟื้นเช่นกัน
ฉิงเฟิงหงุดหงิดมากและเดินไปมาในห้องโถงของโรงพยาบาลเขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนเหวี่ยงหมัดชกกำแพงเสียงดังลั่นและเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
พยาบาลที่เดินผ่านมากำลังจะด่าทอที่เขาทำเสียงดังในตึกผู้ป่วยแต่เธอก็กรีดร้องและวิ่งหนีไปทันทีหลังจากเห็นหลุมใหญ่ที่กำแพง
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากเขาชกกำลังจนเป็นหลุมใหญ่ด้วยหมัดเดียว พยาบาลหวาดกลัวจนหัวใจเต้นรัว
กริ๊งงงง
~
ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของฉิงเฟิงก็ดังขึ้นเขารับโทรศัพท์และกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “แกเป็นใคร มีธุระอะไรก็แหกปากพูดออกมาเร็วๆ !”
เนื่องจากอาการของหลินเสวี่ยและเรื่องพืชที่สูญพันธุ์ไปแล้วทำให้ฉิงเฟิงหัวเสียและหงุดหงิดมากเขาสบถออกมาทางโทรศัพท์ในทันทีโดยไม่สนพระอินทร์พระพรหม “วูฟคิงเกิดอะไรขึ้นกับคุณ นี่ชั้นเองนะ ลั่วหนี่ซาง ไม่ใช่ศัตรู” ลั่วหนี่ซางที่โทรมาขมวดคิ้วมุ่น เธอรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของฉิงเฟิงในตอนนี้