ไอ้เวรเอ้ยแม่แกเสียเหรอ ! แกกล้าดียังไงมาสาดไวน์ใส่ฉันวะ ! จางตงด่าทอฉิงเฟิงในขณะที่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปด้วยไวน์
วันนี้จางตงรู้สึกอับอายขายหน้ามากไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเขาเป็นถึงนายน้อยของหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำของเมืองเทียนจิง แต่ตอนนี้กลับมีคนนอกเมืองกล้ามาสาดไวน์ใส่เขา ฉิงเฟิงทำให้เขากลายเป็นที่ขบขันต่อหน้าทุกคน
เล่นพ่อล่อแม่เหรอ
แกกล้าดียังไง
ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาเขายกมือขวาขึ้นและตบหน้าของจางตง
เพี๊ยะ
!
เสียงตบที่คมชัดดังขึ้นจากฝ่ามือที่กระทบใบหน้าของจางตงรอยแดงปรากฏบนใบหน้าของเขาและเริ่มบวมขึ้น เนื่องจากฉิงเฟิงตบหน้าเขาแรงมากจนแม้กระทั่งฟันยังหลุดออกมา
จางตงตกตะลึงโดยสมบูรณ์
ฉันเป็นนายน้อยของหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ที่มีทรัพย์สินหลายพันล้านคนนอกเมืองอย่างแกกล้าตบหน้าฉันงั้นเหรอ
!
หนอย! ไอ้เด็กบ้า ฉันจะฆ่าแก จางตงหายใจอย่างหนักหน่วงและก็ยังคงตะโกนด่าออกมา
~เพี๊ยะๆๆๆๆๆ …
ฉิงเฟิงโกรธมากในครั้งนี้จางตงคนนี้ปากหมาหาเรื่องตายจริงๆ หลังจากโดนตบหน้าสั่งสอนไป แต่เขาก็ยังคงด่าฉิงเฟิงต่ออีก
ฉิงเฟิงตบหน้าจางตงซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายสิบครั้งใบหน้าทั้งสองข้างของเขาบวมเหมือนหมูและมีฟันหลุดออกมาหลายซี่
ในตอนสุดท้ายฉิงเฟิงตบจนจางตงล้มลงกับพื้นและกล่าวอย่างเย็นชาว่า ยังจะปากหมาอีกไหม !
ไม่! ไม่แล้ว ฉันจะไม่ด่านายอีกแล้ว ได้โปรดอย่าตบหน้าฉันอีกเลย จางตงร่ำร้องออกมา ท่าทางที่หยิ่งยโสของเขาหายไปในพริบตา ความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่ เขาหวาดกลัวฉิงเฟิงอย่างล้ำลึก
ชายหนุ่มตรงหน้าเขาคนนี้น่ากลัวราวกับพญามารเพียงแค่มีปากเสียงกันเล็กน้อยแต่เขากลับลงมืออย่างดุร้ายรุนแรง
จางตงรู้ว่าถ้าเขาไม่ยอมชายคนนี้อาจจะตบเขาจนตายก็เป็นได้ ส่วนคนที่มองดูอยู่ต่างก็ไม่ช่วยอะไรนอกจากยืนหัวเราะ
งั้นก็ขอโทษฉันซะ ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
ได้ๆฉะ…. ฉันขอโทษแล้วกันนะ จบๆกันไป ฉันจะไม่ด่านายอีกแล้ว จางตงก้มหัวลง ถึงแม้ว่าหน้าเขาจะบวมจนพูดไม่ค่อยชัด แต่ก็ยังคงกล่าวขอโทษ นี่เป็นครั้งแรกที่จางตงกล่าวขอโทษคนอื่นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขอโทษจากใจจริงก็ตาม เขาจำเป็นต้องทำเพราะไม่อยากโดนฉิงเฟิงตบอีก
หลังจากได้ยินคำขอโทษของจางตงฉิงเฟิงก็กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
แล้วก็ไสหัวไปไกลๆซะที!
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรำคาญ
จางตงรีบผุดลุกขึ้นและเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตาม หลังจากพ้นเงื้อมมือฉิงเฟิงแล้ว ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ เขากำลังคิดหาวิธีแก้แค้น
ลั่วหนี่ชิงชายหนุ่มที่เธอพามาช่างไร้เหตุผลสิ้นดี เขาไม่พูดจาอะไรแต่ลงไม้ลงมือทันที เห็นได้ชัดว่าถังหยุนตกใจกับพฤติกรรมของฉิงเฟิง เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา
อย่างแรกต้องรู้ว่างานเลี้ยงนี้เป็นสถานที่ชุมนุมของเหล่ารุ่นเยาว์ในเมืองเทียนจิงมันเป็นงานชุมนุมที่มีชื่อเสียงและทรงเกียรติ
ทุกคนที่นี่มาจากตระกูลใหญ่ภายใต้สถานการณ์ปกติไม่ควรมีการใช้ความรุนแรงใดๆ
อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงนั้นต่างออกไป จากมุมมองของเขา ถ้ามีคนกล้ามาหาเรื่อง ต่อให้อยู่ในงานเลี้ยงใหญ่โตแค่ไหน เขาก็จะตอบโต้
เพราะความดุร้ายรุนแรงและดูข่มเหงผู้คนของฉิงเฟิงจึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้เขา ผู้คนไม่ต้องการมีเรื่องกับเขาและพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาเพราะไม่อยากเป็นจางตงคนที่สอง ในที่สุดฉิงเฟิงก็ได้อยู่คนเดียวเงียบๆอย่างสงบเสียที
วูฟคิงชั้นขอแนะนำให้รู้จัก เธอชื่อว่าถังหยุน คุณหนูตระกูลถังของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนจิง ลั่วหนี่ชิงเดินไปหาฉิงเฟิงพร้อมกับพาถังหยุนมาแนะนำให้รู้จัก
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมลั่วหนี่ชิงถึงได้แนะนำผู้หญิงคนนี้ให้เขารู้จักแต่เขาก็ยังยื่นมือออกไปและทักทายอย่างสุภาพว่า ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อหลี่ฉิงเฟิง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้เห็นการทักทายของฉิงเฟิง ถังหยุนกลับไม่ยอมจับมือทักทายกับเขา แต่มองเขาด้วยความเย็นชา Aileen-novel
หวังหลาง(หวังหลาง = วูฟคิง = ราชันหมาป่า) ชื่อนี้ค่อนข้างดูกดขี่ผู้คนไม่น้อยเลยนะ แถมคุณเองก็เพิ่งจะทำร้ายคนกลางงานเลี้ยง นี่เป็นเรื่องที่ถูกต้องงั้นหรือ
ถังหยุนกล่าวและขมวดคิ้วน้ำเสียงของเธอมีร่องรอยแห่งการตำหนิ
ฉิงเฟิงรู้สึกอึดอัดเขายื่นมือออกไปด้วยมารยาทที่ดีเพื่อหวังจะทักทาย แต่เธอกลับเพิกเฉยและตำหนิเขาแทน
ชาวเมืองเทียนจิงมีนิสัยแบบนี้เหมือนกันหมดหรือไงพวกเขาเหล่าคุณหนูคุณชายต่างคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า
ฉิงเฟิงคิดในใจ
สาวงามในเมืองนี้ทุกคนยกเว้นลั่วหนี่ชิงมักจะเป็นเช่นนี้แม้ว่าถังหยุนจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังในเมืองเทียนจิงก็ตาม แต่ทัศนคติของเธอที่มีต่อฉิงเฟิงนั้นย่ำแย่มาก
ในเมื่อถังหยุนไม่ยอมจับมือฉิงเฟิงก็ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย เขาจึงถอนมือกลับ จากนั้นเขาก็กล่าวแก้ตัวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะจางตงคนนั้นเริ่มก่อน ฉันยืนอยู่เฉยๆเขาก็มาด่าฉันแถมยังคิดจะเอาไวน์สาดใส่ฉันอีก ดังนั้นฉันเลยสาดใส่เขาคืน ฉันทำผิดตรงไหนเธอว่ามาสิ
ปฏิกิริยาของถังหยุนเปลี่ยนไปเธอไม่ได้คาดคิดว่าฉิงเฟิงจะกล้าหักหน้าตั้งคำถามเธอ ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอกลายเป็นโกรธเกรี้ยวในทันที
วูฟคิงจางตงเป็นลูกพี่ลูกน้องของชั้น งานเลี้ยงไวน์แดงนี้ชั้นก็เป็นเจ้าภาพ คุณไม่เพียงแค่ทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของชั้น แต่ยังทำให้ชั้นเสียชื่อเสียงต่อหน้าทุกคน คุณบอกซิว่าชั้นควรจะต้องสั่งสอนคุณหรือเปล่า ! ถังหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาและน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมาก จะสั่งสอนฉัน ก็มาซี่ ดูตัวเธอเองก่อนเถอะ เธอคิดว่าเธอมีปัญญาอะไรจะมาสั่งสอนฉันงั้นเหรอ ? ฉิงเฟิงแสยะยิ้มและกล่าววาจาเสียดสีถังหยุน
ความจริงแล้วฉิงเฟิงเป็นผู้ชายที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรมากตราบใดที่ไม่ไปหาเรื่องเขา เขาก็ไม่เคยระรานใครก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ดีมาดีกลับสิบเท่า ร้ายมาร้ายกลับสิบเท่าเช่นกัน
ถ้าหากถังหยุนพูดจาดีๆกับฉิงเฟิงเขาจะไม่มีกิริยาต่อเธอเช่นนี้แน่นอน แม้แต่ตอนที่คุณหนูฉินเซียนจื่อแห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้พบฉิงเฟิง เธอยังไม่กล้าพูดจากับเขาเช่นนี้
วูฟคิงคุณอย่าคิดว่าเป็นเพื่อนกับลั่วหนี่ชิงแล้วชั้นจะไม่กล้าแตะต้องคุณ อย่าสำคัญตนผิดไปนัก ! ถ้าชั้นโกรธขึ้นมาคุณจะไม่มีวันได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้
ถังหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็นน้ำเสียงของเธอมีร่องรอยของการคุกคามข่มขู่อย่างชัดเจน เมื่อได้ยินคำพูดของถังหยุนฉิงเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ลั่วหนี่ชิงกลับพูดขึ้นมาก่อนด้วยความโกรธว่า ถังหยุน นี่หมายความว่ายังไง ชั้นเป็นคนพาวูฟคิงมาที่นี่นะ
หมายความว่าอะไรน่ะเหรอ ลั่วหนี่ชิง ความหมายของชั้นง่ายมาก เธออยากร่วมมือกับตระกูลถังของชั้นในการเข้าไปสำรวจสุสานแกรนด์มาสเตอร์ใช่มั้ยละ ? ชั้นตกลง แต่เธอต้องมอบตัวชายคนนี้ให้ชั้น !
ไม่มีทางชั้นไม่ให้วูฟคิงกับเธอหรอก
เหอะ! ลั่วหนี่ชิง ถ้าเธอพูดเช่นนี้งั้นเราก็ขาดกัน เราคงร่วมมือกันไม่ได้หรอก
ถังหยุนกล่าวอย่างเย็นชาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
ลั่วหนี่ชิงจ้องกลับด้วยแววตาเย็นชาเช่นกันความเอาแต่ใจของถังหยุนทำให้เธอหงุดหงิดมาก ดังนั้นลั่วหนี่ชิงจึงดึงแขนฉิงเฟิงและเดินออกไป
งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นโดยถังหยุนแต่เดิมนั้นลั่วหนี่ชิงต้องการร่วมมือกับถังหยุนจึงเป็นเหตุให้ต้องมาเข้าร่วมงานที่นี่ แต่ตอนนี้ฉิงเฟิงกลับมีเรื่องกับเธอ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกันอีกต่อไป เพื่อความปลอดภัยของฉิงเฟิง ลั่วหนี่ชิงจึงรีบพาเขาออกจากงาน
มิสลั่วโทษทีนะ เพราะการกระทำของฉันคุณถึงต้องผิดใจกับถังหยุน
ฉิงเฟิงกล่าวกับเธอในระหว่างที่เดินออกมาข้างนอก
ไม่เป็นไรหรอกช่างมันเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะต้องไปสุสานแกรนด์มาสเตอร์แล้ว ชั้นหวั่นใจอยู่ว่าจะไม่มีใครอยากร่วมมือกับพวกเรา ลั่วหนี่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างขมขื่น
ในหมู่รุ่นเยาว์ของเมืองเทียนจิงมีตระกูลผู้ฝึกยุทธ์อยู่สี่ตระกูลใหญ่ๆ1 คือกู่เจี้ยนหลงแห่งตระกูลกู่ 2 คือเจียงไป่เต๋าแห่งตระกูลเจียงและ 3 คือถังหยุนแห่งตระกูลถัง ลั่วหนี่ชิงและฉิงเฟิงมีเรื่องกับทั้งสามตระกูลใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการเข้าสุสานในวันพรุ่งนี้ ลั่วหนี่ชิงทำได้เพียงต้องพึ่งพาและฝากความหวังไว้ที่ความสามารถของฉิงเฟิงเท่านั้น