=
หลี่ฉิงเฟิงฉันจะให้โอกาสแก หาทางแก้กับดักแม่น้ำลาวาเดี๋ยวนี้ ถ้าแกทำได้ข้าจะปล่อยให้แกมีชีวิตต่อไปอีกสักพัก ไม่งั้นก็ตายซะ ! กู่เจี้ยนหลงอย่างไม่แยแสและปลดปล่อยจิตสังหารที่ดุร้ายออกมา
จะฆ่าฉัน
ฮ่าๆๆๆ
ฉิงเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมาเขาเงยหน้าขึ้นมองกู่เจี้ยนหลงด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างหยิ่งยโส เขาคิดใจใจว่า
เจ้าไก่อ่อนอย่างกู่เจี้ยนหลงนี่น่ะหรือจะฆ่าฉัน
มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
ถ้าหากกู่เจี้ยนหลงเข้าสู่ขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ก็เป็นไปได้ที่จะฆ่าฉิงเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าเขาอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นเหนือสวรรค์ ไม่ว่ามองมุมไหนก็ไม่มีทางที่จะฆ่าฉิงเฟิงได้
แกยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะฆ่าฉันอยากสู้นักก็เข้าได้ทุกเมื่อ ฉิงเฟิงมอบรอยยิ้มที่เย็นชาและจ้องหน้ากู่เจี้ยนหลงอย่างหยิ่งผยอง
กู่เจี้ยนหลงใบหน้ามืดครึ้มเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าฉิงเฟิงจะไม่หวาดหวั่นต่อการข่มขู่ของเขา เขาจำได้ว่าฉิงเฟิงผู้นี้เพียงอยู่ในขั้นกลางเหนือสวรรค์ ซึ่งด้อยกว่าเขาถึงสองขั้นย่อย ตามหลักแล้วเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำตัวโอหังขนาดนี้
หลี่ฉิงเฟิงในเมื่อแกอยากตายเร็วๆงั้นฉันจะสนองให้ กู่เจี้ยนหลงเดินตรงไปหาฉิงเฟิงด้วยเจตนาฆ่าที่ปรากฏทั่วใบหน้าของเขา ความจริงเขาคิดจะไว้ชีวิตฉิงเฟิงอีกสักพักเพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านกับดักของเขา แต่ตอนนี้เขาต้องกำจัดฉิงเฟิงให้พ้นทางในเมื่อเขาแสดงอาการโอหังขนาดนี้
กู่เจี้ยนหลงชั้นเป็นคนพาหลี่ฉิงเฟิงมาที่นี่ คุณคิดจะทำอะไร
เมื่อได้เห็นลั่วหนี่ชิงเดินออกมาปกป้องฉิงเฟิงฉินเซียนจื่อก็เดินออกมาเช่นกัน เธอกล่าวว่า พวกเราทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อสมบัติในสุสานแกรนด์มาสเตอร์เซียวหยุน ไม่เห็นจำเป็นที่พวกท่านจะต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ฉินเซียนจื่อยิ้มเล็กน้อยเดินไปออกยืนข้างๆฉิงเฟิงเช่นกัน
เมื่อกู่เจี้ยนหลงได้เห็นว่าฉินเซียนจื่อก็ออกหน้าปกป้องฉิงเฟิงอีกคนเขาก็ขมวดคิ้วด้วยความกังวลในสายตาของเขา เขาไม่กลัวลั่วหนี่ชิงแม้แต่น้อย แต่กับฉินเซียนจื่อนั้นไม่เหมือนกันเพราะเธอเป็นธิดาคนโตแห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้และมีสถานะพิเศษ
แต่ยังมีคนหนึ่งที่ไม่ได้กังวลต่อเบื้องหลังของฉินเซียนจื่อซึ่งก็คือเหลิงเสวี่ยนั่นเอง เขาแสยะยิ้มอย่างดุร้ายและเดินออกมาข้างหน้า
เจียงไป่เต๋าได้แอบส่งสัญญาณเสียงเมื่อสักครู่ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมหลี่ฉิงเฟิงถึงสามารถเอาชนะเหลิงเสวี่ยได้ตอนที่อยู่ในภูเขาชะตาฟ้าทั้งๆที่ระดับพลังต่ำกว่าหลายขั้นเนื่องจากเขาเปิดใช้งานพลังสายเลือด ทันทีที่เหลิงเสวี่ยหนีไป ฉิงเฟิงก็หมดแรงในทันที
เหลิงเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้นยินดีมากเมื่อได้ยินคำกล่าวของเจียงไป่เต๋าเขาต้องการจะฆ่าฉิงเฟิงอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็หวาดกลัวต่อพลังอันบ้าคลั่งของฉิงเฟิง ในเมื่อตอนนี้เขารู้ว่าแล้วนั่นเป็นพลังชั่วคราว เขาจึงออกมาโดยไม่ลังเล
ในทันทีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยอันตรายก็กระจายอยู่รอบๆริมแม่น้ำลาวา ทุกคนต่างจ้องมองกันอย่างเป็นปรปักษ์และดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเริ่มขึ้นได้ทุกเวลา
ในอีกมุมหนึ่งเจียงไป่เต๋า ถังหยุนและตูลูธที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็กระชับอาวุธขึ้น พวกเขาต่างมองดูฉิงเฟิงอย่างสนุกสนาน พวกเขาจะมีความสุขมากถ้าหากฉิงเฟิงถูกกู่เจี้ยนหลงและเหลิงเสวี่ยสังหาร
กัวซื่อเว่ยเดินมาหาฉิงเฟิงและกระซิบถามว่า ไอ้หมาหัวเน่า เอาจริงเหรอวะ หลายตีนเลยนะเว้ย… ?
เขารู้ถึงจุดประสงค์ของฉิงเฟิงในการเข้ามาในสุสานแกรนด์มาสเตอร์ถ้าหากปะทะแตกหักกันในตอนนี้ก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้ หลินเสวี่ยจะไม่ฟื้นหากฉิงเฟิงไม่ได้เถาวัลย์อีกาดำกลับไป
เมื่อคิดถึงหลินเสวี่ยฉิงเฟิงก็ถอนหายใจ หากไม่ได้ติดตรงที่ว่าต้องนำเถาวัลย์อีกาดำไปช่วยหลินเสวี่ย ลำพังเขาคนเดียวย่อมไม่มีทางถอยให้คนเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงต้องยอมข่มอารมณ์ไว้ชั่วคราว
เอาล่ะๆฉันกลัวพวกแกแล้ว … ฉันจะช่วยพวกแกแก้กับดักแม่น้ำลาวา
ฉิงเฟิงเดินถอยหลังและกล่าวด้วยท่าทางยอมจำนน
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าฉิงเฟิงไม่มีทางออกแต่เขาก็กำลังคิดถึงแผนในการเก็บพวกเขาทีละคนอยู่ในใจ กู่เจี้ยนหลงและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกยินดีที่เห็นว่าฉิงเฟิงยอมจำนนแต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉิงเฟิงนั้นมีแผนอยู่ในใจแล้ว
ก็ไปซะทีสิ! ไปหาทางแก้กับดักแม่น้ำลาวาซะแล้วชั้นจะไว้ชีวิตแกอีกสักพัก ขืนลีลาอีกชั้นจะจับแกลงแม่น้ำลาวาให้เป็นขี้เถ้าเลย เตี๋ยชุ่ยหลันกล่าวพร้อมกับมองไปที่ฉิงเฟิงอย่างดุร้าย
ในหมู่คนกลุ่มนี้ผู้ที่ชิงชังฉิงเฟิงมากที่สุดก็คือเตี๋ยชุ่ยหลันและเฮลคิง แต่เฮลคิงนั้นต่างไปจากอดีต เขาสุขุมขึ้นหลังจากการตายของศิษย์พี่ทั้งสอง เขาจะไม่ทำอะไรต่อฉิงเฟิงจนกว่าจะมั่นใจ 100 % ว่าฉิงเฟิงหมดสภาพแล้วเท่านั้น แต่เตี๋ยชุ่ยหลันที่วางท่าโอหังและเลือดร้อนเช่นนี้มักจะเป็นแถวหน้าที่ตายก่อนเสมอ
มะ…มิสเตี๋ย ใจเย็นๆก่อนสิ อย่าเพิ่งฆ่าฉันเลย ฉันจะรีบไปหากลไกแก้กับดักเดี๋ยวนี้แหละ ฉิงเฟิงกล่าว เขาแสร้งทำเป็นหวาดกลัวลนลาน ในขณะที่ในใจเขากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างรุนแรง เขาคิดในใจว่า
นังบ้าฉันจะปล่อยให้เธอได้ใจไปก่อนแล้วจะเตะเธอลงลาวาทีหลัง โทษฐานที่มาทำตัวโอหังต่อหน้าฉัน
!
ฉิงเฟิงเดินมาถึงริมแม่น้ำลาวาและค่อยๆเลาะไปเขาพบว่าแม่น้ำลาวาอยู่ในรูปแบบตัวอักษร S ส่วนโลงศพและสุสานของเซียวหยุนตั้งอยู่ตรงกลาง
หลุมฝังศพ
ประกายแห่งความคิดพาดผ่านสายตาของเขาฉิงเฟิงสัมผัสได้ว่ากับดักน่าจะถูกซ่อนไว้ในหลุมฝังศพซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตของราชายาทิพย์ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่สนใจหลุมฝังศพหลังจากอ่านข้อความในนั้น
ฉิงเฟิงเจ้าจงจำไว้ให้ดี สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่สะดุดตานั้นในบางครั้งกลับมีแนวโน้มอย่างมากที่จะซุกซ่อนความลับที่สำคัญบางอย่างเอาไว้
นี่คือคำสอนที่เขาได้รับจากราชาอสูรมีดวายุอาจารย์ของเขา
ฉิงเฟิงเดินกลับมาที่หลุมฝังศพและเดินไปรอบๆทำให้คนที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็มองไปที่หลุมฝังศพเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไรที่น่าสนใจ
หลี่ฉิงเฟิงมัวทำอะไรกับหลุมฝังศพตรงนี้ รีบไปหาทางแก้กับดักซะ !
เตี๋ยชุ่ยหลันออกคำสั่งกับฉิงเฟิงด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น
เธอมองฉิงเฟิงเหมือนคนที่ตายไปแล้วดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ตราบใดที่ฉิงเฟิงหาทางแก้กับดักสุดท้ายนี้ได้ เธอจะลงมือฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นให้น้องชายของเธอทันที
ไม่ต้องห่วงมิสเตี๋ยฉันกำลังหาทางอยู่ ฉิงเฟิงกล่าว
จากนั้นเขาก็เดินไปรอบๆหลุมฝังศพสามรอบและหยุดที่ด้านหลังหลุมฝังศพ เขาตบด้านหลังของมันเก้าครั้ง
เลข9 ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวเลขที่ใหญ่ที่สุดซึ่งแสดงถึงสถานะและชื่อเสียงที่โดดเด่นที่สุด เพราะฉะนั้นทั้งจักรพรรดิและเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างก็ชื่นชอบเลขนี้เป็นพิเศษ เมื่อพิจารณาว่าราชายาทิพย์ได้เหยียบย่างไปถึงจุดสุดยอดแห่งขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์แล้ว ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าเขาจะต้องใช้เลขนี้เพื่อเสริมดวงชะตาถ้าหากเขาต้องการทะลวงผ่านไปยังขอบเขตที่สูงกว่า
ฟุ่บ!
เมื่อหลุมฝังศพถูกแตะครบเก้าครั้งโซ่เหล็กสีดำก็พุ่งออกจากหลุมฝังศพโดยตรง มันพุ่งลอยเข้าไปในปราสาทที่อยู่อีกฝั่งแม่น้ำลาวาและเจาะลึกเข้าไปอย่างรุนแรง
โซ่เหล็กนี้เป็นตัวเชื่อมต่อหลุมฝังศพกับปราสาทนั่นเองมันทำหน้าที่เป็นสะพานโซ่เหนือแม่น้ำลาวาสีแดงเดือด !
เยี่ยมมากในที่สุดแกก็หาทางผ่านกับดักนี้จนได้ ไปเลย แกไปสำรวจสะพานก่อนคนแรก เตี๋ยชุ่ยหลันออกคำสั่งให้ฉิงเฟิงเดินนำเพื่อสำรวจ
โซ่เหล็กนี้มีความหนาเท่ากับข้อมือมนุษย์แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันแข็งแรงพอหรือไม่ ในกรณีที่โซ่มันเก่าเกินไปหรือเสื่อมสภาพก็เป็นไปได้ว่า จะตกลงไปสู่แม่น้ำลาวาข้างล่างซึ่งจะต้องตายอย่างแน่นอน ฉิงเฟิงแสร้งทำเป็นกลัวและเดินบนสะพานโซ่เหล็ก
หลังจากนั้นเตี๋ยชุ่ยหลันก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนสะพานโซ่ตามหลังฉิงเฟิงเช่นกันแต่เมื่อพวกเขาไปได้ครึ่งทาง เจตนาฆ่าก็ปรากฏบนดวงตาของเตี๋ยชุ่ยหลัน และเธอก็เหยียดเท้าขวาออกเตะไปที่ฉิงเฟิงทันที เธอหมายจะทำให้ฉิงเฟิงตกลงไปในแม่น้ำลาวาเบื้องล่าง !