หลังจากกลืนกินโลหิตของเซียะเย่หยางจือพลังของฉิงเฟิงก็เพิ่มขึ้นจากเหนือสวรรค์ขั้นกลางที่มีพลังหมัด 3500 กิโลกรัม… 4000 4500… 4750
พลังหมัด4750 กิโลกรัมหมายความว่าฉิงเฟิงห่างจากขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ต้องยอมรับว่าในฐานะหนึ่งใน81 ซาตานนอกรีต เลือดของเซียะเย่หยางจือเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ตอนนี้ในเมื่อฉิงเฟิงกลืนกินเลือดของเขาเข้าไปแล้ว พลังของเซียะเย่หยางจือจึงไปหลอมรวมเข้าด้วยกันกับพลังของฉิงเฟิง ผลที่ออกมาทำให้พลังของเขาเพิ่มมากขึ้นจนห่างกับระดับแกรนด์มาสเตอร์อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ฉิงเฟิงกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณนี้พลังของเขาไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อกรได้อีกแล้ว
เหลิงเสวี่ย,เฮลคิง ถึงตาพวกแกแล้ว ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็น ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่า แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินไปฆ่าพวกเขาสองคน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
บะ..บ้าจริง ผลข้างเคียงหลังจากหมดเวลาของพลังสายเลือดปรากฏขึ้นแล้ว
ฉิงเฟิงกุมขมับขณะที่เริ่มเซเขารู้สึกว่าพลังเริ่มถดถอยลง เขาเริ่มเวียนหัวและแทบจะหมดสติได้ทุกเมื่อ
บัดซบ
!
ถ้าฉันมีเวลาอีกสักสิบวินาทีก็ฆ่าพวกมันทั้งหมดได้แล้วเชียว ฉิงเฟิงคิดในใจด้วยความเสียดาย
เขารู้ว่าไม่อาจเสียเวลาอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปเขาต้องรีบหนีทันที เหลิงเสวี่ยและเฮลคิงเริ่มฟื้นฟูพลังกลับคืนมาแล้ว ถ้าหากพวกเขาดูออกว่าฉิงเฟิงกำลังจะหมดสติ พวกเขาต้องลงมือทันทีแน่นอน
ฉิงเฟิงกัดปลายลิ้นให้ความเจ็บปวดช่วยพยุงสติเอาไว้เขาพุ่งไปราวกับสายฟ้าไปที่โลงศพของเซียวหยุนและพบตำราสีดำวางอยู่ข้างๆ
ไม่มีคำพูดใดๆฉิงเฟิงคว้าตำราเล่มนั้นจากนั้นก็เก็บเถาวัลย์อีกาดำไว้อย่างระมัดระวัง สิ่งนี้สำคัญมากต่อหลินเสวี่ย เขาให้ความสำคัญกับมันอย่างมาก
วูบ!
โดยไม่มีความลังเลฉิงเฟิงคว้าสมบัติสองชิ้นนี้และกระโดดขึ้นไปบนอากาศ เขาเหินร่างเหนือแม่น้ำลาวาและลงสู่ริมฝั่งอีกฟากหนึ่ง จากนั้นเขาก็ย้อนกลับทางเดิมและมุ่งหน้าออกสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว ฉิงเฟิงเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วสุดชีวิตเขาเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบเชิงลบจากการกระตุ้นสายเลือด เขาต้องรีบหาที่หลบซ่อนโดยเร็วที่สุด
ในไม่ช้าฉิงเฟิงก็วิ่งออกมาจากนอกปราสาทใต้ดินทันทีที่ออกมาเขาก็สั่นไปทั้งตัวจนแทบจะล้มลงกับพื้น
ไม่…ฉันสลบที่นี่ไม่ได้ ถ้าพวกมันตามมาเจอฉันดับดิ้นแน่ ต้องอดทนไว้ก่อน …
ฉิงเฟิงกัดลิ้นตัวเองอีกครั้งเพื่อให้ตื่นตัวเขาวิ่งไปตามทางจนออกมาถึงเทือกเขาอย่างยากลำบาก
ในที่สุดจากนั้นเขาก็พบหนองน้ำแห่งหนึ่ง
ตูม!
ฉิงเฟิงดำลงไปในหนองน้ำและปกปิดร่องรอยทุกอย่างจากนั้นเขาก็ซ่อนตัวอยู่ใต้บึงพร้อมกับหมดสติไปทันที
ในขณะเดียวกันภายในปราสาทราชายาทิพย์ เหลิงเสวี่ยและเฮลคิงต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความสับสนพวกเขาไม่รู้ว่าทำไมฉิงเฟิงถึงไม่ลงมือ พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างเป็นศัตรูคู่แค้นกันซึ่งต้องฆ่ากันแน่นอนถ้าหากมีโอกาส ทำไมฉิงเฟิงถึงไว้ชีวิตพวกเขา
เหลิงเสวี่ยข้ารู้ละว่าเกิดอะไร หลี่ฉิงเฟิงจะต้องได้รับผลกระทบหลังจากเปิดใช้งานพลังสายเลือดอย่างแน่นอน ตอนนี้มันน่าจะหมดสติไปแล้ว เฮลคิงกล่าวขึ้นมาในทันที เขารู้จักฉิงเฟิงดีทุกซอกทุกมุม
การแสดงออกของเหลิงเสวี่ยเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินคำพูดของเฮลคิงเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า บัดซบ ! ทำไมข้าถึงนึกไม่ถึงนะ ในตอนนั้นมันคงอ่อนล้าจนไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่มันถึงรีบคว้าสมบัติและหนีไปทันที
เหลิงเสวี่ย,พวกเราจะเอายังไงกันต่อดี ตำราปรุงยาและเถาวัลย์อีกาดำอยู่ในมือมันตอนนี้
แน่นอนว่าเราต้องตามล่ามันไปหามัน !ฆ่ามันซะและแย่งสมบัติที่มันมา
ถูกต้องไปตามหามันกันเถอะ เฮลคิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็น จากนั้นเขาและเหลิงเสวี่ยก็ออกจากปราสาททันที
ทั้งคู่เริ่มฟื้นฟูความแข็งแกร่งมาบ้างแล้วและรู้ว่าตอนนี้ฉิงเฟิงกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด มันเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการฆ่าเขา ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
สมบัติล้ำค่าที่สุดในสุสานแกรนด์มาสเตอร์เซียวหยุนก็คือตำราปรุงยาเล่มนั้นมันเป็นตำราปรุงยาที่หายากที่สุดในหัวเซี่ย มันสามารถปรุงยาทิพย์ได้ทุกชนิด ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต่างก็ต้องการมัน
การแสดงออกของลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อแปรเปลี่ยนไปเมื่อพวกเธอได้เห็นเหลิงเสวี่ยและเฮลคิงออกไปไล่ล่าฉิงเฟิงพวกเธอรีบหยิบฉวยสมบัติและตามหลังเหลิงเสวี่ยกับเฮลคิงไปทันที พวกเธอต้องการช่วยฉิงเฟิงหากเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
ส่วนเจียงไป่เต๋าถังหยุนและคนอื่นๆที่เหลือต่างก็หยิบฉวยสิ่งของบางอย่างจากในสุสานและตามหลังมา
บ้าเอ้ย! หลี่ฉิงเฟิงมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมพวกเราถึงหามันไม่เจอ ?
เหลิงเสวี่ยกล่าวพวกเขาตามหาทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่พบร่องรอยของฉิงเฟิงแม้แต่น้อย
พวกเขาแม้กระทั่งเดินตามหาจนถึงหนองน้ำที่ฉิงเฟิงหมดสติอยู่แต่ฉิงเฟิงปกปิดกลิ่นอายเอาไว้ก่อนหมดสติจึงทำให้พวกเขาตรวจจับไม่พบ หลังจากหาดูรอบๆแล้ว พวกเขาก็ย้ายไปพื้นที่อื่น
เทือกเขานี้เป็นเทือกเขาขนาดมโหฬารการหาคนๆหนึ่งในเวลาสั้นๆจึงเป็นเรื่องยากมาก
ใต้หนองน้ำฉิงเฟิงได้เข้าสู่สภาวะที่แปลกประหลาด สิ่งสกปรกภายในร่างกายของเขาถูกขับออก จุดความดันและเส้นลมปราณเปิดออก ผิวหนังและอวัยวะภายในของเขาแข็งแรงและแข็งแกร่งขึ้นราวกับเหล็กกล้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด….
ภายใต้หนองน้ำจระเข้ตัวหนึ่งว่ายเข้าหาฉิงเฟิงเมื่อมันเห็นวัตถุสีดำ
จระเข้ตัวนี้มีความยาวมากกว่าสามเมตรและปกคลุมไปด้วยผิวหนังที่หนาฟันของมันแหลมคมมาก มันสามารถฉีกคอคุณเป็นชิ้นๆได้ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว
นี่มันมนุษย์
จระเข้คิดอยู่ในหัวมันเคยกินมนุษย์มาก่อนในอดีต ซึ่งมนุษย์ผู้โชคร้ายคนนั้นเดินทางมาหาสมบัติในเทือกเขาแห่งนี้และผลัดตกน้ำจนถูกจระเข้ตัวนี้กินไปในที่สุด
นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ว่ามนุษย์ผู้นี้ไม่หายใจเขาก็ไม่มีส่วนไหนแตกต่างจากมนุษย์คนอื่น บางทีมันอาจจะตายไปแล้ว ข้าจะกินมันเดี๋ยวนี้ละ
!
จระเข้ยักษ์คิดในใจอย่างกระหายเลือดมันเปิดกรามขนาดใหญ่และงับฉิงเฟิงในทันที
หวืด!
ทันใดนั้นเองฉิงเฟิงก็เปิดตาขึ้นและคว้าไปที่ฟันที่แหลมคมของจระเข้ยักษ์ด้วยสองนิ้ว
เป๊าะ!
ฉิงเฟิงออกแรงบีบเล็กน้อยจนฟันที่แหลมคมของจระเข้หักในพริบตามันเริ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
โอ้พระเจ้า
!
มนุษย์ผู้นี้น่ากลัวมาก
จระเข้คิดอย่างหวาดกลัวและจะว่ายน้ำหนีไป
จะหนีรึเจ้าสัตว์เดรัจฉาน ตาย ! ฉิงเฟิงเหวี่ยงหมัดและระเบิดร่างของจระเข้ในทันที
ฉิงเฟิงฟื้นตัวจากผลกระทบที่เกิดจากการเปิดใช้งานพลังสายเลือดแล้วจระเข้ยักษ์เพียงตัวเดียวย่อมไม่ใช่คู่มือของเขา
จากนั้นฉิงเฟิงก็ขึ้นมาจากใต้หนองน้ำเขาเดินไปที่แม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆเพื่อทำความสะอาดร่างกายก่อนจะเดินออกจากเทือกเขา
ในตอนนี้ฉิงเฟิงอยู่ห่างจากขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้นเขาสามารถฆ่าเหลิงเสวี่ยและเฮลคิงได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอไปตามหาพวกมัน เขาต้องรีบกลับไปที่เมืองตงไห่เพื่อช่วยหลินเสวี่ย
แน่นอนว่าในการรักษาหลินเสวี่ยฉิงเฟิงต้องไปหาศาสตราจารย์จางหยุนเหอก่อน เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอย่างบ้าคลั่งเพื่อมุ่งหน้าไปหาจางหยุนเหอ ทุกครั้งที่เท้าของเขาสัมผัสพื้นดินเขาก็ห่างจากจุดเดิมไปนับสิบๆเมตร !