เนื่องจากความห่วงใยของเขาที่มีต่อหลินเสวี่ยฉิงเฟิงรีบมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองตงไห่ในทันที เขามาถึงเวลาประมาณทุ่มหนึ่ง
ด้วยความที่เขารีบร้อนมุ่งกลับเมืองตงไห่ผ่านเทือกเขาที่เต็มไปด้วยป่ารกเสื้อผ้าของเขาจึงถูกกิ่งไม้เกี่ยวขาดกระจุยจนมีสภาพราวกับขอทานที่น่าสังเวช คราบดินและสิ่งสกปรกเลอะเต็มไปทั่วร่างกายของเขา
มีหลายคนที่อยู่บนท้องถนนในเมืองตงไห่พวกเขามองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความประหลาดใจเพราะเขาดูราวกับคนป่าที่หลุดออกมาจากถ้ำ
ฉิงเฟิงไม่สนใจสายตาคนรอบข้างขณะที่วิ่งตรงดิ่งไปที่มหาวิทยาลัยแพทย์ตงไห่โทรศัพท์มือถือของเขาพังไปแล้วตอนที่ต่อสู้กับเหล่าศัตรูภายในสุสาน
เมื่อยามเฝ้าหน้าประตูมหาวิทยาลัยเห็นสารรูปฉิงเฟิงเขาก็ขวางไว้และไม่ยอมให้เขาเข้าไป เพราะรูปลักษณ์ที่ดูราวกับคนป่า
วูบ!
ฉิงฟิงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวกับฟ้าผ่าเขาหายตัวไปก่อนที่ยามเฝ้าประตูจะเข้าถึงตัวและมุ่งหน้าไปยังที่พักของจางหยุนเหอในทันที
เฮ้ยไอ้มนุษย์ถ้ำเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว ยามเฝ้าประตูกล่าวความสับสน เขาจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนยังเห็นฉิงเฟิงอยู่เบื้องหน้าอยู่เลย แต่จู่ๆเขาก็หายตัวไป
ในขณะนี้ความเร็วของฉิงเฟิงเร็วกว่าเมื่อก่อนมากไม่เวลาไม่นานเขาก็มาถึงชั้นใต้ดินของอาคารสำนักงานซึ่งเป็นที่พักของจางหยุนเหอ
ก๊อกก๊อก ก๊อก !
ถึงแม้ว่าภายในใจของฉิงเฟิงจะเต็มไปด้วยความกระวนกระวายแต่เขาก็ยังคงรักษามารยาทเขายกมือขึ้นและเคาะประตูก่อนสามครั้ง ศาสตราจารย์จางนี่ผมเอง หลี่ฉิงเฟิง ผมหาเถาวัลย์อีกาดำมาได้แล้ว รบกวนคุณเปิดประตูออกมาด้วย ฉิงเฟิงกล่าวในขณะที่เขายืนอยู่หน้าประตู
จางหยุนเหอรู้สึกตื่นเต้นมากจนทำเครื่องมือทดลองหล่นแตกเมื่อเขาได้ยินเสียงของฉิงเฟิงซึ่งเครื่องมือทดลองเหล่านี้มีราคาแพงมากและเป็นของรักของหวงของจางหยุนเหอ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจข้าวของอีกแล้ว เขารีบไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น
หัวใจของจางหยุนเหอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขฉิงเฟิงบอกกับเขาว่าหาเถาวัลย์อีกาดำที่ช่วยในการรักษาพิษกร่อนกระดูกของเขาได้แล้วเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร
ฉิงเฟิง! เธอหาเถาวัลย์อีกาดำที่ล้ำค่าและสูญพันธุ์ไปแล้วได้แล้วหรือ ! ไหนๆขอฉันดูหน่อยซิ จางหยุนเหอเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์แต่ตอนนี้เขาดูตื่นเต้นมากราวกับเป็นเด็กน้อยได้ของเล่น ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยว่า นี่ครับ จากนั้นเขาก็ส่งเถาวัลย์อีกาดำไปให้จางหยุนเหอ
จางหยุนเหอตรวจสอบเถาวัลย์อีกาดำอย่างพินิจพิเคราะห์มันเป็นเถาวัลย์ที่ยาวประมาณครึ่งเมตรเป็นสีดำทั้งเส้นและแข็งแรงดั่งเหล็กกล้า
เขาลองเอาเล็บกรีดลงบนมันแต่ก็ไม่มีริ้วรอยใดๆแม้แต่น้อย
ฉิงเฟิงเถาวัลย์นี้มันแข็งมากเลย ฉันลองข่วนมันสุดแรงเกิดมันก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย เราจะทำไงดี
ไม่ต้องห่วงครับผมสามารถหักมันได้เดี๋ยวนี้ ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เขาหยิบเถาวัลย์อีกาดำมาและหักมันเป็นสองซีกด้วยมือของเขาทันที
เฮ้ย! จางหยุนเหอมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความประหลาดใจในสายตา
เถาวัลย์นี้แข็งยิ่งกว่าเหล็กเสียอีกไอ้หนุ่มคนนี้มันแรงควายมาจากไหนถึงหักมันได้ง่ายขนาดนี้
!
จางหยุนเหอคิดในใจ
ความจริงแล้วถ้าฉิงเฟิงยังคงอยู่ในขั้นเหนือสวรรค์เขาก็ไม่สามารถหักเถาวัลย์อีกาดำได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากระดับแกรนด์มาสเตอร์เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถที่จะหักเถาวัลย์ได้อย่างง่ายดาย
ศาสตราจารย์จางผมจะช่วยคุณต้มเถาวัลย์เพื่อรักษาพิษกร่อนกระดูก ฉิงเฟิงกล่าว เขาไม่อยากเสียเวลาแม้แต่น้อยนิด หลังจากรักษาจางหยุนเหอเสร็จแล้วเขาจะได้ไปช่วยหลินเสวี่ยต่อในทันที
ตอนนี้ฉิงเฟิงแข็งแกร่งขึ้นมากฝ่ามือของเขาคมกว่ามีด เขาตัดเถาวัลย์ออกเป็นชิ้นเล็กๆอย่างง่ายดาย ฉิงเฟิงแบ่งเถาวัลย์เป็นชิ้นเล็กๆประมาณ1 เซนติเมตรหลายสิบชิ้น จากนั้นเขาก็ใส่น้ำลงไปในหม้อเซรามิกและเริ่มต้มมัน
ในขณะที่เขาต้มเถาวัลย์ฉิงเฟิงก็หยิบตำราสีดำซึ่งเป็นตำราปรุงยาของราชายาทิพย์ขึ้นมาอ่านอย่างระมัดระวัง
ในตำราเล่มนี้มีคำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปอีกทั้งยังอธิบายวิธีการต่างๆในการทำยาทิพย์
นอกจากนี้ตำราเล่มนี้ยังได้อธิบายถึงวิธีการปรุงยาใต้สวรค์,เหนือสวรรค์และไปจนถึงแกรนด์มาสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีสูตรสำหรับปรุงยาแก้พิษ, ยาเสริมความแข็งแกร่งและยาลมปราณอีกด้วย
ในการปรุงยาสามสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หนึ่งส่วนผสม สองเตาปรุงยาและสามการควบคุมเพลิง ฉิงเฟิงนั้นไม่มีแม้แต่ส่วนผสม เตาปรุงยาหรือทักษะการควบคุมเพลิงเพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปรุงยาทิพย์ขึ้นมา เขารู้เพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น
ศาสตร์ในการปรุงยาเป็นสาขาวิชาความรู้ที่ค่อนข้างยากหลังจากผ่านไปสองชั่วโมงฉิงเฟิงอ่านตำราไปได้เพียงไม่กี่หน้าเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยังอ่านไม่จบก็ตาม เขาเริ่มเข้าใจกระบวนการในการปรุงยาบ้างแล้ว
ในการปรุงยาคนๆนั้นจะต้องมีความรู้ทางทฤษฎีที่จำเป็นเกี่ยวกับวิธีการปรุงยาเสียก่อน เพื่อที่จะได้สามารถใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง ถ้าหากฉิงเฟิงหุนหันไปปรุงยาโดยที่ไม่มีความรู้ทางทฤษฎีเขาต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
2ชั่วโมงต่อมา
เถาวัลย์อีกาดำที่ต้มอยู่ในหม้อเซรามิกก็เริ่มมีฟองขึ้นหลังจากการต้มแล้วมันก็ละลายกลายเป็นสารสีดำเหนียว
สารสีดำนี้เหมือนน้ำเชื่อมแต่เป็นสีดำแทนที่จะเป็นสีคาราเมลมันส่งกลิ่นสมุนไพรและกลิ่นขมออกมา ฉิงเฟิงเทสารสีดำนี้จากหม้อและส่งไปให้จางหยุนเหอ
จางหยุนเหอจิบเล็กน้อยเพราะมันขมมากอย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยที่เรื้อรังมานานของเขา เขาพยายามกลั้นใจดื่มจนหมด
เมื่อสารสีดำที่ต้มจากเถาวัลย์อีกาดำเริ่มละลายและเข้าสู่ร่างกายของจางหยุนเหอมันก็เปลี่ยนเป็นพลังงานสีดำและเริ่มซ่อมแซมร่างกายของเขา
ถ้าหากมีกล้องจุลทรรศน์อยู่ก็จะเห็นได้อย่างชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในร่างกายของจางหยุนเหอสารพิษสีขาวจากพิษกร่อนกระดูกภายในร่างกายของเขาค่อยๆละลายออกไปโดยเถาวัลย์อีกาดำ
จางหยุนเหอรู้สึกอบอุ่นในร่างกายของเขาและร่างกายของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเมื่อฤทธิ์ของเถาวัลย์อีกาดำเริ่มลงมาถึงขาของเขา เนื้อเยื่อที่พุกร่อนก็เริ่มฟื้นตัว
แน่นอนว่าการฟื้นฟูกระดูกเป็นกระบวนการที่เจ็บปวดอย่างสุดแสนใบหน้าของจางหยุนเหอเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน เหงื่อเม็ดโป้งหล่นลงมาจากหน้าผากของเขา เล็บของเขาจิกเข้าไปในฝ่ามือฝังลึกจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ถึงแม้ว่าจะมีอาการเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่จางหยุนเหอก็กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด เขาเริ่มมีความรู้สึกเล็กน้อยที่ขาแล้ว
กระดูกของเขาถูกเยียวยาเลือดไหลเวียนผ่านขาและเส้นชีพจรก็ถูกเยียวยาเช่นกัน ขาของจางหยุนเหอเริ่มฟื้นตัวช้าๆ
จางหยุนเหอเจ็บปวดมากจนมีหลายครั้งที่เขาเกือบจะหมดสติไปเมื่อฉิงเฟิงได้เห็นความเจ็บปวดของจางหยุนเหอ เขาก็รีบฝังเข็มที่ขาของจางหยุนเหอทันทีเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด
ฉิงเฟิงรู้ว่าเขาจำเป็นต้องฝังเข็มช่วยและห้ามให้จางหยุนเหอหมดสติโดยเด็ดขาดเพราะฤทธิ์ของเถาวัลย์อีกาดำจะลดทอนลงถ้าหากผู้ใช้ไม่ได้สติ หนึ่งชั่วโมงต่อมาจางหยุนเหอก็ได้ดูดซึมสารจากเถาวัลย์อีกาดำจนหมดเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาอบอุ่นและรู้สึกสบายขึ้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังและกระดูกของเขากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
จางหยุนเหอดันตัวเองขึ้นจากรถเข็นและค่อยๆชันตัวขึ้นพยายามจะยืนเนื่องจากเขาไม่ได้ยืนมาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัวให้ยืนอย่างมั่นคง
ศาสตราจารย์จางผมช่วยคุณขจัดพิษกร่อนกระดูกและทำให้ขาของคุณหายสนิทดีแล้ว คุณช่วยไปทำให้ภรรยาของผมฟื้นขึ้นมาหน่อยได้ไหม ฉิงเฟิงถามอย่างใจจดใจจ่อ