โห เธอรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ ? เย่เฮาถามด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้
เย่เฮาได้ฝึกวิชาจากเจ็ดตระกูลลี้ลับเมื่อตอนเขายังเด็กเขามีความสามารถและเอาใจใส่ในการฝึกยุทธ์เป็นอย่างมากจนเขากลายเป็นที่รู้จักกันดีในเหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณ
เย่เฮารู้ว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ต่างก็เป็นคนธรรมดาแม้แต่หน่วยปฏิบัติการพิเศษทางทหารก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่มีทักษะบางอย่างเท่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบเกี่ยวกับการคงอยู่ของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณและนักรบโบราณของฝั่งตะวันตก
เหมียวซิยี้เป็นนักสู้ระดับSS เธอไม่ใช่คู่มือของเย่เฮา โชคดีที่ที่นี่เป็นโรงพยาบาล เย่เฮาจึงไม่สามารถฆ่าเธอได้ แต่ถ้าเป็นที่อื่นเหมียวซิยี้คงตายไปแล้ว
คุณชายเย่แข็งแกร่งมาก เหล่าสมุนทั้งห้าคนที่อยู่ข้างหลังเย่เฮาต่างก็ตะโกนประจบประแจงเพื่อเอาใจเย่เฮา
พวกแกไปเตะผู้หญิงที่เตียงไปให้ไกลๆซะ เย่เฮาออกคำสั่งแก่เหล่าลูกสมุน
ลูกสมุนพยักหน้าและเดินไปทางหลินเสวี่ยพวกเขาพร้อมที่จะโยนเธอออกไปนอกห้องทุกเมื่อ
ทันใดนั้นเองเสียงที่ดุร้ายอย่างโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น
ใครหน้าไหนมันกล้าแตะต้องภรรยาของฉัน!
ฉิงเฟิงและจางหยุนเหอเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลพอดีภาพแรกที่เข้าสายตาของพวกเขาก็คือชายหลายคนรุมล้อมที่เตียงของหลินเสวี่ย
ไอ้พวกบัดซบ! ถ้าฉันมาช้ากว่านี้มันคงโยนเธอออกไปนอกห้อง
ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความเดือดดาล
ไอ้น้องเอ็งเป็นใครวะ อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน ลูกสมุนคนหนึ่งกล่าวด้วยความรังเกียจ
เย่เฮาเป็นคนที่หยิ่งยะโสด้วยเบื้องหลังที่ทรงอำนาจเขาชอบข่มเหงคนอ่อนแอ ดังนั้นเหล่าลูกสมุนของเขาจึงติดนิสัยเช่นนี้ไปด้วยหลังจากที่ติดตามเย่เฮา
ฉิงเฟิงหน้าบึ้งตึงขมวดคิ้วแน่นในขณะที่เขาเดินไปหาลูกสมุนคนที่พูดฉิงเฟิงสะบัดมือตบหน้าชายคนนั้นโดยไร้คำพูดคำจาทันที
เปรี้ยง!
ใบหน้าของลูกสมุนบวมเป่งและฟันหลุดจากปากด้วยฝ่ามือของฉิงเฟิงร่างของเขาลอยละลิ่วกระแทกเข้ากับผนังและล้มลงหมดสติไปทันที
แกเป็นใคร ไม่พูดไม่จาแต่ลงมือทำร้ายคน อยากตายนักหรือไง !? เย่เฮากล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เป็นดั่งคำพูดที่ว่าไว้ตีหมาต้องดูเจ้าของ ลูกสมุนเหล่านี้เป็นลูกน้องของเย่เฮา พวกเขาทำตามคำสั่งของเย่เฮา ในเมื่อตอนนี้หมาของเขาถูกทำร้ายก็เป็นธรรมดาที่เย่เฮาจะต้องแก้แค้น
ฉิงเฟิงเพิกเฉยต่อคำพูดของเย่เฮาแต่เดินไปหาเหมียวซิยี้แทนและถามว่า
ซิยี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
นายท่านคะเรื่องมันเป็นแบบนี้… เหมียวซิยี้กล่าวขณะที่เธออธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ฉิงเฟิงฟัง
ความรู้สึกของฉิงเฟิงมืดมนลงหลังจากได้ฟังคำบรรยายจากเหมียวซิยี้เขาคิดไม่ถึงว่าเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขาไม่อยู่ เจียวซูจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ และเย่จวินขึ้นเป็นรับตำแหน่งแทน เพื่อที่จะเอาใจเย่เฮาและตามใจภรรยา เย่จวินจึงไล่หลินเสวี่ยออกจากห้องผู้ป่วย
ที่จริงแล้วต่อให้พวกเขาไม่ไล่หลินเสวี่ยออกฉิงเฟิงก็คิดจะย้ายโรงพยาบาลอยู่แล้วเพราะเขาพาหลินเสวี่ยมารักษาที่นี่ก็เพราะมิตรภาพที่มีต่อเจียวซู ในเมื่อตอนนี้เจียวซูไม่ได้มีหน้าที่ใดๆในโรงพยาบาลนี้ ฉิงเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ
ซิยี้พ่อตา แม่ยาย พวกเราไปโรงพยาบาลแห่งอื่นกันเถอะ ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เขาเดินไปอุ้มหลินเสวี่ยขึ้นมาด้วยแววตาอ่อนโยน จากนั้นเขาก็เริ่มเดินออกจากโรงพยาบาล
เนื่องจากเธออยู่ในภาวะหมดสติใบหน้าของหลินเสวี่ยจึงซีดเซียว ผิวพรรณของเธอไม่ได้เปล่งปลั่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว กลายเป็นค่อนข้างมืดมนซึ่งทำให้หัวใจของฉิงเฟิงรู้สึกบีบรัด
เฮ้ยแกยังไม่ตอบคำถามฉันเลย แกจะไปไหนหลังจากทำร้ายคนของฉัน เย่เฮาถามด้วยใบหน้ามืดครึ้มขณะที่เขาปิดกั้นทางออกของฉิงเฟิง
หลีกไป! ฉิงเฟิงตะโกน เขาอารมณ์ไม่ดีและเป็นกังวลต่อหลินเสวี่ย เขาต้องการรักษาให้เธอฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด
เฮอะไอ้ลูกเต่า กล้าขึ้นเสียงงั้นเหรออยากเจ็บตัวนักสินะ เย่เฮากล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็นในขณะที่กำลังจะลงมือต่อฉิงเฟิง
นายท่านระวัง ! เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์ที่แข็งแกร่งมาก เหมียวซิยี้กล่าวเตือนฉิงเฟิง เธอถูกเขาตบกระเด็นด้วยฝ่ามือเดียวทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขา
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเตือนของเหมียวซิยี้เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยามที่อยู่ในสุสานแกรนด์มาสเตอร์ เขาถูกรายล้อมไปด้วยเหล่ายอดยุทธ์เหนือสวรรค์นับไม่ถ้วน แต่ก็ยังฆ่าพวกมันมาแล้วมากมาย ระดับเย่เฮาผู้นี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อย
เย่เฮาเดินลมปราณและเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ร่างกายของฉิงเฟิงหมัดของเขาเปี่ยมพลังมหาศาลและเจาะทะลุอากาศ
ใบหน้าของเหมียวซิยี้เต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเธอได้เห็นพลังของเย่เฮาส่วนลูกน้องของเย่เฮาต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นคุณชายแสดงฝีมือ พวกเขาได้จินตนาการสภาพที่เละเทะของฉิงเฟิงหลังจากโดนหมัดนี้ไว้ในใจแล้ว
เปรี้ยง!
ฉิงเฟิงโอบหลินเสวี่ยไว้ด้วยแขนข้างเดียวเขาเอียงตัวเล็กน้อยและเหยียดขาขวาออกไปเตะเข้าใส่หน้าอกของเย่เฮาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าตามมาด้วยเสียงดังลั่น
อ้ากกกกก!
เย่เฮาร้องครวญครางออกมาซี่โครงหักหลายซี่และร่างลอยกระเด็นชนเพดานและล้มลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง จากนั้นเขาก็หมดสติไป
อะไรเนี่ย
คุณ….คุณชายแพ้
!
ผู้คนรอบข้างโดยเฉพาะลูกสมุนของเย่เฮาต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเย่เฮาพ่ายแพ้ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ คนอื่นๆอาจจะไม่รู้ว่าเย่เฮาแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ลูกสมุนของเขารู้ดีเพราะติดตามเย่เฮามานาน คุณชายของเขาเป็นยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์ที่แม้แต่คู่ต่อสู้ที่มีพลังเท่ากันเขายังเอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้เขาจะถูกทำร้ายหมดสติด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว
ริมฝีปากรูปเชอรี่ของเหมียวซิยี้กลายเป็นรูป‘O’ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความชื่นชมและประหลาดใจ เธอคิดในใจว่า
นายท่านแข็งแกร่งขึ้นมากเขาทรงพลังกว่าเดิมนับร้อยเท่า
!
เหมียวซิยี้คิดไม่ถึงเลยว่านายท่านของเธอแค่ออกท่าง่ายๆก็ทำให้เย่เฮาพ่ายแพ้หมดรูปอย่างอนาถขนาดนี้
พวกเราไปกันได้แล้ว ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ เขาไม่ได้มองเย่เฮาอีกต่อไปและอุ้มหลินเสวี่ยเดินออกจากโรงพยาบาลประชาชน
จากนั้นเขาก็ขับรถพาทุกคนไปโรงพยาบาลแพทย์ตงไห่
โรงพยาบาลแพทย์ตงไห่เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองตงไห่เจ้าของคืออาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยแพท์จางเหมียวชุนนั่นเอง อีกทั้งเขายังเป็นผู้อำนวยการสมาคมแพทย์แผนจีนแห่งเมืองตงไห่อีกด้วย
ระหว่างทางฉิงเฟิงได้โทรบอกให้จางเมียวชุนมารอพวกเขาที่หน้าทางเข้าเรียบร้อยแล้ว
โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนตงไห่นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบททางตอนเหนือของเมืองตงไห่พวกเขามาถึงจุดหมายภายในเวลา 30 นาที
เมื่อพวกเขามาถึงจางเหมียวชุนก็ได้ออกมาต้อนรับเองและพาพวกเขาไปยังแผนกVIP ที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลอีกด้วย ภายในห้องวีไอพี
หลินเสวี่ยสวมชุดนอนสีขาวและนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบงันใบหน้าของเธอซีดเซียวและดวงตาของเธอปิดสนิทเหมือนเพียงแค่หลับไป
ศาสตราจารย์จางคุณสามารถเริ่มทำการรักษาเธอเลยได้ไหมครับ
ฉิงเฟิงถามอย่างกระวนกระวายในขณะที่มองจางหยุนเหอ
จางหยุนเหอพยักหน้าและกล่าวว่า ได้สิ
จากนั้นจางหยุนเหอก็ใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหลินเสวี่ยอย่างเต็มรูปแบบและเขาก็ยืนยันอีกครั้งว่าเธออยู่ในสภาวะสะกดจิตตนเองหลังจากได้รับความทุกข์ทรมานทางจิตใจเป็นอย่างมาก