ชายชาวฝรั่งเศสมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยดวงตาสีฟ้าของเขาอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินฉิงเฟิงกล่าวว่าสามารถช่วยชีวิตลูกสาวของเขาได้
ผมจะให้10 ล้าน, 100 ล้านดอลลาร์เลยถ้าหากคุณช่วยชีวิตลูกสาวผมได้ !
อะไรนะ
!100
ล้านดอลลาร์
ฝูงชนกลั้นลมหายใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ชาวฝรั่งเศสกล่าวหลายๆคนมองไปที่เขาด้วยความตกใจ
หนึ่งดอลลาร์อยู่ที่ประมาณ7 หยวนในขณะนี้ ดังนั้น 100 ล้านดอลลาร์ก็จะกลายเป็น 700 ล้านหยวน !
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวฝรั่งเศสคนนี้จะต้องเป็นอภิมหาเศรษฐีอย่างแน่นอนเขาถึงกล้าที่จะเสนอเงินเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นรางวัล
เย่จวินจ้องมองไปที่ชาวฝรั่งเศสด้วยความชื่นชมจนแทบจะเรียกว่าเขาว่าพ่อเพราะว่าแม้แต่รายได้ประจำปีของเขาอย่างมากก็แค่สองล้านเหรียญในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลโดยไม่นับรายได้ใต้โต๊ะของเขา
แต่เย่จวินก็รู้ว่าเขาคงไม่อาจได้รับเงินก้อนโตนี้แล้วเพราะเขาไม่สามารถรักษาเด็กหญิงคนนี้ได้
เอาละฉันจะรักษาเด็กคนนี้เอง คุณไสหัวไปที่อื่นซะ ฉิงเฟิงยิ้มเยาะเย้ยขณะที่ผลักเย่จวินออกไปและมายืนแทนที่
ฉิงเฟิงไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปในตอนนี้ทุกๆวินาทีมีค่าต่อชีวิตของเธออย่างยิ่งว่าเธอจะอยู่รอดหรือตาย แต่เย่จวินก็พยายามขัดขวางจนกระทั่งฉิงเฟิงจ้องหน้าเขาด้วยแววตาดุร้าย จนในที่สุดเขาจึงยอมหุบปากและถอยไปด้านข้างแต่โดยดี
ฉิงเฟิงเดินไปอยู่ข้างๆเด็กหญิงเขาตระหนักได้ว่าถึงแม้ว่าเธอจะไม่หายใจ แต่หัวใจของเธอยังคงเต้นอยู่อย่างแผ่วๆ
เขาวางมือทั้งสองข้างไว้ที่เอวของเธอและเริ่มสัมผัสชีพจร
เมื่อฉิงเฟิงจับจุดชีพจรของเธอเขาก็เคร่งเครียดขึ้นในทันที เขารู้สึกว่าร่างกายของเด็กหญิงคนนี้แตกต่างจากคนปกติ ชีพจรของเธอเคลื่อนที่เป็นจังหวะอย่างแปลกใหม่มาก
ช่างเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้
ฉิงเฟิงมองเด็กหญิงอย่างลึกซึ้งในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลจากตันเถียนของเธอยามที่เขาสัมผัสชีพจรของเธอ
เหตุผลที่ว่าทำไมพลังของเธอถึงกล่าวได้ว่ามหาศาลก็เป็นเพราะว่ามันให้ความรู้สึกที่คุกคามฉิงเฟิงได้เล็กน้อยในทางเทคนิคแล้วฉิงเฟิงมีพลังในระดับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ คนปกติไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อย แต่ทว่า พลังภายในร่างของเด็กหญิงคนนี้ให้ความรู้สึกที่กดดันต่อเขา
โชคดีที่พลังของเธอดูเหมือนจะถูกสะกดไว้ภายในร่างและยังไม่สามารถใช้งานได้
ในที่สุดฉิงเฟิงก็รู้แล้วว่าพ่อแม่ของเด็กหญิงคนนี้ต้องไม่ใช่ตัวตนที่ธรรมดาอย่างแน่นอนชาวฝรั่งเศสคู่นี้ไม่เพียงแค่ร่ำรวยแต่พวกเขายังมีพลังที่น่าเกรงขามจนแม้แต่ส่งผลกระทบต่อฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและตัดสินใจที่จะยังไม่คิดถึงเรื่องนี้ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือการช่วยชีวิตเด็กหญิงคนนี้ก่อน
เขาหยิบเข็มเงินเก้าเล่มออกมาและสอดเข้าบนร่างกายของเด็กหญิงเพื่อห้ามเลือด
หลังจากห้ามเลือดแล้วฉิงเฟิงก็เริ่มต่อกระดูกของเด็กหญิงด้วยเทคนิคการต่อกระดูกของจีน
ซึ่งในขั้นตอนนี้เจ็บปวดมากเด็กหญิงเริ่มขมวดคิ้วและมีสีหน้าเคร่งเครียด คุณสามารถบอกได้เลยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนเพราะขนาดคนที่หมดสติยังออกอาการทางสีหน้าได้เช่นนี้
เด็กหญิงเริ่มหายใจอย่างช้าๆทั้งพ่อและแม่ของเธอตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขามองไปที่ฉิงเฟิงด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
ในขณะเดียวกันใบหน้าของเย่จวินก็มืดมนด้วยความกังวลเขาไม่ได้คาดคิดว่าเด็กหญิงจะเริ่มมีลมหายใจหลังจากที่ฉิงเฟิงฝังเข็มให้เธอ อีกทั้งตอนนี้กระดูกที่หักของเธอก็เริ่มเชื่อมต่อกันใหม่แล้ว อีกไม่นานเธอจะฟื้นขึ้นมาในที่สุด
แต่ฉิงเฟิงก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะให้ความสำคัญกับปฏิกิริยาของคนอื่นเขาควบคุมพลังลมปราณและส่งมันเข้าไปในร่างเธอผ่านปลายเข็มและเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเธอ
แทนที่จะปฏิเสธลมปราณของฉิงเฟิงแต่เด็กหญิงคนนี้กลับดูดซับมันไปทั้งหมดโดยไม่ต่อต้านแม้แต่น้อยซึ่งทำให้ฉิงเฟิงประหลาดใจมาก หลังจากที่ฉิงเฟิงรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเด็กหญิงด้วยพลังลมปราณจนเธอหายแล้วเขาก็รีบถอนพลังกลับทันทีเพราะเธอดูดซับพลังของเขาไม่หยุดราวกับปลิงที่หิวโหย
ตื่นได้แล้ว ฉิงเฟิงลูบหัวเด็กหญิงเบาๆในขณะที่เขากระตุ้นเซลล์ประสาทของเธอ
เด็กหญิงตัวน้อยเปิดตาขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงพึมพำใบหน้าอันหล่อเหลาของฉิงเฟิงก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาเธอเป็นคนแรก
เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าเธอหมดสติไปหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์แต่ตอนนี้เธอกลับเห็นหน้าชายชาวจีนผู้หล่อเหลาคมคายคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะช่วยชีวิตเธอเอาไว้
พี่ใหญ่ขอบคุณที่ช่วยชีวิตหนูไว้นะคะ เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวรอยยิ้มที่สดใส คุณสามารถเห็นลักยิ้มที่น่ารักของเธอได้จากแก้มที่อวบอ้วน เธอเป็นเด็กที่น่าหลงใหลมาก
เด็กหญิงคนนี้สามารถพูดภาษาจีนได้ครอบครัวชาวฝรั่งเศสนี้ช่างน่าเหลือเชื่อมาก ทั้งพ่อแม่ลูกสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล้ว
ฉิงเฟิงยิ้มตอบกลับให้เธอและกล่าวว่า ตอนนี้หนูไม่เป็นไรแล้วนะ กลับบ้านไปพักผ่อนซะและคราวหน้าก็ระวังให้มากกว่านี้
คู่รักชาวฝรั่งเศสมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความซาบซึ้งเมื่อพวกเขาได้เห็นว่าลูกสาวปลอดภัยและหายดีแล้วคนพ่อเดินไปโค้งคำนับ (การคำนับแบบ Bowdown ที่เคยอธิบายไปตอนที่เบอร์ดนาร์ดมาพบฉิงเฟิงครั้งแรกในงานเลี้ยงของหลิวหรูหยาน)
การโค้งคำนับเช่นนี้เป็นการให้ความเคารพนับถืออย่างสุดซึ้งในยุโรปผู้คนจะโค้งคำนับเช่นนี้ให้กับคนที่ขอบคุณอย่างสุดขั้วหัวใจเท่านั้น
ฉิงเฟิงโบกมือและกล่าวว่า การช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของผม นี่คือสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว คุณไม่ต้องมากมารยาทนักหรอก
พ่อของเด็กหญิงมองฉิงเฟิงด้วยความเคารพและกล่าวว่า คุณช่างเป็นหมอที่น่านับถือยิ่งนัก ผมชื่อโพไซดอนและนี่คือ 100 ล้านดอลลาร์ที่ผมพูดไว้
โพไซดอนกล่าวพร้อมกับส่งบัตรเครดิตไปให้ฉิงเฟิง นี่เป็นบัตรเครดิตจาก Citibank และสามารถใช้ได้ทั่วโลกครับ
ฉิงเฟิงไม่อยากรับเพราะเขาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองแต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับมันจากการโน้มน้าวของโพไซดอน
รอบที่ห้าหลี่ฉิงเฟิงเป็นผู้ชนะ ! จางเหมียวชุนลุกขึ้นยืนและประกาศผลด้วยความตื่นเต้นในทันที
เมื่อจางเหมียวชุนพูดจบทั่วทั้งล็อบบี้ต่างก็ระเบิดเสียงสนทนากันออกมา
หลี่ฉิงเฟิงเอาชนะประธานสมาคมแพทย์เมืองตงไห่ได้จริงๆ!
นี่เรื่องจริงใช่มั้ย ฉันไม่เคยคาดหวังเลยว่าเขาจะชนะ
เย่จวินต้องกลายเป็นผู้ที่ถูกหัวเราะเยาะแน่เขาแพ้เด็กหนุ่มอายุ 20 กว่าปีเอง
ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเดิมพันระหว่างหลี่ฉิงเฟิงและเย่จวินในเมื่อตอนนี้ฉิงเฟิงเป็นผู้ชนะไปแล้ว พวกเขาไม่อาจอดใจรอได้ว่าเย่จวินจะจบเรื่องนี้อย่างไร
แน่นอนว่าเย่จวินย่อมได้ยินสิ่งที่ฝูงชนพูดคุยกันเขาตัวสั่นสะท้านจนแทบจะหมดสติ
นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง
เด็กหญิงคนนั้นหยุดหายใจไปแล้วแน่ๆหลี่ฉิงเฟิงทำอย่างไรถึงทำให้เธอกลับมามีชีวิตได้อีก
เย่จวินคิดในใจด้วยความสับสน
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครจะมอบคำอธิบายให้แกผู้แพ้
เย่จวินถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว คุกเข่าขอขมาศาสตราจารย์จางหยุนเหอและคืนตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงพยาบาลให้เจียวซูซะ
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างสงบและไร้ความปราณี ใบหน้าของเย่จวินเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินที่ฉิงเฟิงกล่าวเขาไม่อยากคุกเข่าเพราะนั่นจะเป็นการทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างที่สุด
เย่จวินหันไปมองจางหม่านหลีและหวังว่าเธอจะช่วยเขาได้เนื่องจากเธอเป็นภรรยาของประธานสมาคมแพทย์ของประเทศ เธอมีอิทธิพลที่นี่
