เสียสติ
คิ้วของฉิงเฟิงตึงขึ้นหลังจากได้ยินที่ฉินเซียนจื่อกล่าวแววตาของเขากลายเป็นจริงจัง
ฉิงเฟิงก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งและรู้ว่าการเสียสติระหว่างการฝึกนั้นหมายถึงอะไรมันเกิดขึ้นเมื่อผู้ฝึกใช้ทางลัดเพื่อเพิ่มพลัง ถ้าหากผู้ฝึกทำไม่สำเร็จ สุขภาพจิตและร่างกายจะได้รับความเสียหาย (ธาตุไฟเข้าแทรก ประมาณนั้นครับ)
มันเป็นอันตรายอย่างยิ่งเมื่อผู้ฝึกยุทธ์เกิดอาการบ้าคลั่งถ้าหากคนผู้นั่นไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เขาอาจจะตาย
คุณหนูฉินผมมีวิธีการปรุงยาอายุวัฒนะ แต่ไม่มีวัตถุดิบหรอกนะ
อย่ากังวลไปข้าจะจัดเตรียมให้ท่านเอง
ดีเลยคุณต้องเตรียมวัตถุดิบไว้หายชุดหน่อย ผมมีแค่วิธีการ แต่ยังไม่มีประสบการณ์และอาจจะต้องเสียวัตถุดิบไปบ้าง ฉิงเฟิงกล่าว
จากนั้นเขาก็เอาปากกาและกระดาษเขียนวัตถุดิบนับร้อยชนิดวัตถุดิบเหล่านี้ใช้ในการสกัดยาอายุวัฒนะและเป็นวัตถุดิบของโอสถ มันซับซ้อนมาก
เหตุผลที่ฉิงเฟิงต้องการวัตถุดิบจำนวนมากก็เพราะเขาจะต้องทดลองก่อนซึ่งมันย่อมล้มเหลวในช่วงแรกๆอย่างแน่นอนและจะต้องทำให้สูญเสียวัตถุดิบ มีเพียงหลังจากเขาได้รับประสบการณ์ที่เขาต้องการจนเพียงพอแล้ว เขาจึงจะสกัดยาอายุวัฒนะได้
ฉินเซียนจื่อรวดเร็วมากเธอรีบออกไปเตรียมวัตถุดิบตามที่ฉิงเฟิงลิสต์รายการไว้
วัตถุดิบที่ฉิงเฟิงเขียนมานั้นต่างก็เป็นของล้ำค่าอย่างยิ่งมันจะต้องเก่าและมีคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน มันต้องเก็บจากป่าตามธรรมชาติและไม่สามารถผลิตเองได้
อดพูดไม่ได้ว่าตำหนักโห่วเย่อหวงตี้นั้นมั่งคั่งอย่างมากฉินเซียนจื่อสามารถหาวัตถุดิบส่วนใหญ่ได้จากภายในคลังของนิกาย มีเพียง 3 อย่างเท่านั้นที่เธอไม่มี
วัตถุดิบทั้งสามอย่างนั้นคือดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์, ผลไม้แห่งเพลิงและแก้วมังกร
เมื่อฉินเซียนจื่อทิ้งวัตถุดิบลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้ว
คุณหนูฉินยาอายุวัฒนะต้องใช้ส่วนผสม 9 ชนิด แต่คุณมีเพียงแค่ 6 ยังขาด ดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์ ผลไม้แห่งเพลิงและแก้วมังกร ฉิงเฟิงถอนหายใจและกล่าว
สีหน้าของฉินเซียนจื่อเปลี่ยนไปและกล่าวว่า วูฟคิง ทั้งสามอย่างนั้นเป็นวัตถุดิบในตำนานและคนส่วนใหญ่เพียงแค่เห็นมันจากในบันทึกเท่านั้น พวกเราไม่มีเบาะแสของมันเลย
ฉิงเฟิงพยักหน้าและเข้าใจดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์เติบโตขึ้นข้างทางเข้านรก (Entrance of Hell ที่ไหนวะนั่น ) ผลไม้แห่งเพลิงโตขึ้นในภูเขาไฟ และแก้วมังกรที่เป็นตำนานนั้นปรากฏขึ้นเพียงข้างๆถ้ำมังกรเท่านั้น
ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ทรงอำนาจมากก็จริงอยู่แต่พวกเขาไม่ใช่ผู้ที่มาจากสวรรค์หรือผู้ปกครองโลกในเงามืด มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่สามารถหาวัตถุดิบล้ำค่าทั้งสามชนิดนี้ได้
(หลังๆคนเหล่านี้จะมีบทเกริ่นไปตอนนี้เดี๋ยวจะงงกัน)
คุณหนูฉินถ้าหากไม่มีส่วนผสมทั้งสาม โอกาสสำเร็จก็จะลดลงมากและประสิทธิภาพเหลือเพียงหนึ่งในห้าเท่านั้นนะ มันอาจจะช่วยยืดอายุของพ่อคุณได้แค่ประมาณเดือนเดียว
ฉิงเฟิงกล่าว
ในการสกัดยาอายุวัฒนะจำเป็นต้องใช้ส่วนผสม9 ชิ้น วัตถุดิบที่ขาดไป 3 อย่างนั้นสำคัญที่สุด ฉิงเฟิงทำได้เพียงใช้วัตถุดิบอื่นทดแทน แต่สุดท้ายผลที่ได้ก็จะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับยาที่สมบูรณ์ วูฟคิงยืดไปได้เพียงหนึ่งเดือนก็ยังดี พวกเราจะหาวัตถุดิบที่ขาดภายในหนึ่งเดือนนี้
ฉินเซียนจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงขอบคุณ
เธอคิดว่าพ่อของเธอจะตายอย่างแน่นอนและไม่คิดว่าชีวิตของเขาจะยืดออกไปได้อีกหนึ่งเดือนซึ่งมันดีพอสำหรับเธอแล้วช่วงเวลาที่เหลือยังพอให้เธอทำอะไรได้บ้าง
หลังจากฉิงเฟิงคุยกับฉินเซียนจื่อจบเขาก็เริ่มการทำยาอายุวัฒนะ เขาเริ่มจากพื้นฐานที่สุดก่อนเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ปรุงยา
มีปัจจัยสำคัญสามประการที่จำเป็นในการปรุงยาหลักๆก็คือเตาปรุงยา วัตถุดิบและไฟ
ตอนนี้เขาได้เตาปรุงยาและวัตถุดิบมาแล้วสิ่งเดียวที่เขาขาดก็คือไฟ
ฉิงเฟิงบอกแก่ฉินเซียนจื่อให้นำศิลาแลงจำนวนมากมาให้และใส่พวกมันไว้ใต้เตาปรุงยา ศิลาแลงเป็นหินที่สามารถติดไฟได้มันก่อตัวขึ้นหลังจากที่ภูเขาไฟปะทุ มันเป็นสีแดงและอาจปล่อยอุณหภูมิที่มีความร้อนสูงมากถึงพันองศา มันเพอร์เฟ็คมากในการปรุงยา
ฉิงเฟิงจุดไฟใส่พวกมันอุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นทันที
เขาเริ่มด้วยการปรุงยาระดับเบสิกก่อนเขาใส่โสม หลินจือและส่วนผสมอื่นๆลงไปในเตาปรุงยา
เขาดำเนินการตามขั้นตอนในตำราและเริ่มต้นได้ดีแต่ในระหว่างกลางขั้นตอน ฝาปิดเตาก็ลอยขึ้นและส่วนผสมก็ระเบิดออกด้วย
เขาล้มเหลว
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วแน่นเขาล้มเหลวในครั้งแรก แม้แต่การปรุงยาระดับเบสิกสุดก็ตาม เขาพบว่ามันยากเย็นกว่าที่คิดมากจนเขาล้มเหลว
แต่ฉิงเฟิงก็ไม่ยอมแพ้เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องยากในการปรุงยา เพราะถ้าหากมันทำง่าย ทุกคนคงจะเป็นนักปรุงยากันหมดแล้ว
ถึงแม้ฉิงเฟิงจะได้รับคำแนะนำจากตำราและข้อความที่จารึกไว้ข้างเตาแต่เขาก็สามารถพัฒนาได้อย่างช้าๆ โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากอาจารย์ใดๆ
หลังจากความล้มเหลวครั้งแรกฉิงเฟิงไม่ได้เริ่มปรุงยาครั้งที่สองต่อในทันที แต่เขาหยุดเพื่อคิดถึงเหตุผลที่ทำให้เขาล้มเหลว
เขากำลังทบทวนและนึกถึงสิ่งที่เขาพลาดไปในระหว่างกระบวนการและต้องการรู้ว่าข้อผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นที่ใด
ความล้มเหลวนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายตราบเท่าที่เขาสามารถหาจุดผิดพลาดและปรับปรุงในครั้งต่อไป
…
ที่เชิงเขากู่เจิ้นเทียน ถังเจียงเฮอและเตี๋ยจงเทียนต่างก็กำลังรอคอย
ทุกคนจะต้องแปลกใจแน่ถ้าพวกเขาพบว่าผู้นำตระกูลใหญ่และจ้าวนิกายต่างก็รอคอยเพื่อสังหารหลี่ฉิงเฟิงเพียงคนเดียว
ท่านกู่ทำไมหลี่ฉิงเฟิงถึงยังไม่ออกมาอีก ใบหน้าของเตี๋ยจงเทียนมืดมนมาก
เขารออยู่ที่นี่เป็นเวลานานมากแล้วเพื่อที่จะฆ่าฉิงเฟิงแต่ฉิงเฟิงกลับหลบซ่อนตัวอยู่ในวิลล่าและไม่ออกมาเสียที ซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดมาก
จู่เจิ้นเทียนมองไปที่วิลล่าและกล่าวว่า จากข้อมูลที่ข้าได้มา หลี่ฉิงเฟิงกำลังปรุงยาอยู่ในภายวิลล่าเทียนซาน มันน่าจะกำลังปรุงยาอายุวัฒนะให้แก่จ้าวตำหนักโห่วเย่อหวงตี้
ปรุงยา
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปพวกเขาต่างรู้ว่าฉิงเฟิงได้ตำราปรุงยาจากในสุสานราชายาทิพย์เซียวหยุน แต่ไม่รู้ว่าตำรานี้มีวิถีแห่งการปรุงยาอายุวัฒนะด้วย พวกเขาต่างก็ต้องการสิ่งนั้น ดังนั้น มันยิ่งมีเหตุผลที่ต้องฆ่าฉิงเฟิงเพิ่มขึ้นอีก ท่านหัวหน้าตระกูลกู่ข้าคิดว่าพวกเราควรจะใช้กำลังบุกเข้าไปฆ่าหลี่ฉิงเฟิงซะและชิงตำราปรุงยาของมันมา เจียงเชียนเต๋ากล่าว
คิ้วของกู่เจิ้นเทียนขมวดแน่นและกล่าวว่า สถานที่นี้อยู่ในอาณาเขตของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ ถ้าหากบุกเราใช้กำลังบุกเข้าไปฆ่าคน จ้าวตำหนักย่อมไม่ยินดีเป็นแน่ พวกเราจะกลายเป็นศัตรูกับพวกเขาซะเปล่าๆ ข้าเกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย