หลี่ฉิงเฟิงเจ้าจงออกมารับความตายซะ !
ทันใดนั้นเองฉิงเฟิงก็ได้ยินเสียงตะโกนดังออกมาจากนอกห้อง มันดังมากและได้ยินไกลเป็นไมล์
ฉิงเฟิงวางยาอายุวัฒนะไว้ข้างๆอย่างระมัดระวังและเดินออกไปข้างนอก
ดวงอาทิตย์ขึ้นและทำให้พื้นดินอุ่นมันผ่านไปอีกวันแล้ว
กู่เจิ้นเทียนเจียงเชียนเต๋า ถังเจียงเฮอและเตี๋ยจงเทียน ต่างก็รอคอยฉิงเฟิงอยู่ที่ตีนเขามาตลอดทั้งคืน แต่ฉิงเฟิงก็ยังไม่ลงเขามาเสียที พวกเขาไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป
ถ้าหากจ้าวตำหนักโห่วเย่อยังคงแข็งแรงปกติพวกเขาคงไม่กล้าขึ้นมา แต่พวกเขาได้ข่าวมาว่าจ้าวตำหนักธาตุไฟเข้าแทรกระหว่างการบ่มเพาะปลูกและอยู่ในสภาพวิกฤติ ดังนั้นพวกเขาเลยบุกเข้ามา
ท่านหัวหน้าตระกูลพวกท่านเหยียบย่างอยู่บนพื้นที่ของตำหนักโห่วเย่อและห้ามมิให้มีการต่อสู้ สิ่งที่พวกท่านกำลังทำอยู่นี่หมายความว่าอย่างไร
ฉินเซียนจื่อยืนอยู่ด้านหน้าวิลล่าและกล่าว
คุณหนูฉินพวกเราทุกคนมีเรื่องต้องสะสางกับหลี่ฉิงเฟิงแต่เขากลับหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่และไม่ยอมออกมา ดังนั้นพวกเราจึงต้องบุกเข้ามา เตี๋ยจงเทียนเกลียดชังฉิงเฟิงมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงบอกเจตนาของเขาออกมาทันที
คนที่เหลือต่างก็พยักหน้าและเห็นด้วยกับสิ่งที่เตี๋ยจงเทียนกล่าวถ้าหากเป็นเพียงแค่พวกเขาเพียงตระกูลเดียวคงไม่กล้าเปิดศึกกับตำหนักโห่วเย่อเช่นนี้ แต่จากความร่วมมือของหัวหน้าตระกูลทั้งหลายทำให้พวกเขาไม่กริ่นเกรงอีกต่อไป
ฉินเซียนจื่อสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะเธอดูออกว่าการที่พวกเขากล้าบุกเข้ามาแสดงว่าต้องรู้อาการป่วยของพ่อเธอมิฉะนั้นพวกเขาคงไม่แสดงออกโจ้งแจ้งเช่นนี้
แล้วฉินเซียนจื่อจะยอมมอบฉิงเฟิงให้พวกเขาหรือไม่
ย่อมไม่ใช่แน่นอนเธอต้องการให้ฉิงเฟิงทำยาอายุวัฒนาเพื่อช่วยชีวิตพ่อของเธอ ถ้าหากฉิงเฟิงตาย พ่อของเธอก็ตายเช่นกัน
หลี่ฉิงเฟิงเป็นแขกของตำหนักเราถ้าพวกท่านไม่ถอยไปก็ถือว่าเป็นศัตรูของพวกเรา หากบาดเจ็บล้มตายก็อย่ามาโทษว่ากัน ฉินเซียนจื่อกล่าวข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม
หัวหน้าตระกูลกู่หัวเราะและกล่าวว่า คุณหนูฉิน ถ้าหากบิดาของท่านเป็นคนพูดและเขายังคงแข็งแรง พวกเราย่อมมิกล้าและให้ความเคารพ แต่เพียงแค่ลำพังเจ้าคนเดียวจะทำอะไรพวกเราได้ เจ้ายังไม่ใช่คู่มือของพวกเรา คนอื่นๆที่อยู่ข้างๆต่างก็เริ่มหัวเราะเยาะเช่นเดียวกันพวกเขาทุกคนต่างก็มาจากกองกำลังที่แตกต่างกันและเป็นยอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าฉินเซียนจื่อจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ แต่เธอก็อยู่แค่เพียงขั้นเหนือสวรรค์เท่านั้นและไม่ได้อยู่ในสายตาแกรนด์มาสเตอร์เหล่านี้แม้แต่น้อย
ใบหน้าของฉินเซียนจื่อเย็นยะเยือกและไม่พอใจมากแต่เธอก็รู้ดีว่าลำพังเพียงแค่เธอนั้นไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะรับมือเหล่าผู้นำตระกูลพวกนี้ได้
ปู่ฉินโปรดขวางพวกเขาไว้ อย่าให้พวกเขาทำอะไรหลี่ฉิงเฟิงได้
ฉินเซียนจื่อกล่าวกับชายชราข้างๆเธอ
ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นเขาคือคนเดียวกับที่รับผิดชอบในการแลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่านั่นเอง
ถึงแม้ว่าเขาจะชราแล้วแต่เขาก็ทรงพลังมากเขามีสถานะที่สูงมากในตำหนักและเป็นถึงแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลาย
อาวุโสฉินก้าวออกมาและกล่าวว่า วิลล่าแห่งนี้เป็นอาณาเขตของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าทำตัวเหิมเกริมได้เป็นอันขาด
กู่เจิ้นเทียนยิ้มและกล่าวว่า ข้าได้ยินชื่อเสียงและพลังของท่านมานาน วันนี้สบโอกาสขอข้าดูหน่อยเถอะว่าที่เขาเล่าลือกันนั้นเป็นจริงหรือไม่
อาวุโสฉินกางฝ่ามือออกและสร้างการระเบิดขึ้นในอากาศมันกลายเป็นวังวนขนาดมหึมาที่มีเสียงร้องคึกคะนองดังลั่น
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งจากฝ่ามือของอาวุโสฉินกู่เจิ้นเทียนก็มีสีหน้าจริงจัง เขาชกหมัดเข้าปะทะกับฝ่ามือของอาวุโสฉิน
เปรี้ยง
!!!!
วังวนสีดำทั้งสองก่อตัวขึ้นจากการปะทะของหมัดและฝ่ามือพลังอันรุนแรงกำลังเปล่งประกายออกมาและพัดหินและทรายจนปลิวกระเด็น
อาวุโสฉินและกู่เจิ้นเทียนต่างก็ถอยหลังไปคนละก้าวทั้งคู่อยู่ในขั้นปลายเช่นเดียวกันและมีความแข็งแกร่งสูสีกัน
แต่ถ้ากล่าวให้เจาะจงอาวุโสฉินแข็งแกร่งกว่าเพียงเล็กน้อยแต่เขาอายุร่วม 80 ปีแล้วสภาพร่างกายจึงโรยราไปตามวัย ส่วนกู่เจิ้นเทียนเพิ่งอายุ 40 กว่าปีเป็นช่วงระยะเวลาที่ดีที่สุดและสมบูรณ์พร้อม
อาวุโสฉินสามารถเผชิญหน้ากับกู่เจิ้นเทียนได้อย่างสูสีถึงแม้โครงสร้างร่างกายของเขาจะดูอ่อนแอแต่ด้านพลังลมปราณอาวุโสฉินก็เหนือกว่า
กู่เจิ้นเทียนจึงขวางทางอาวุโสฉินไว้และกล่าวกับหัวหน้าตระกูลคนอื่นๆว่า พวกท่านล่วงหน้าไปก่อน ฆ่าหลี่ฉิงเฟิงให้ได้
ถังเจียงเฮเจียงเชียนเต๋าและเตี๋ยจงเทียนพยักหน้าและเดินเข้าไป แต่ทันใดนั้นเอง ลั่วหนี่ชิงและพ่อของเธอก็ปรากฏตัวและขวางทางพวกเขาไว้
ลั่วอี้ซานพวกเราจะฆ่าหลี่ฉิงเฟิง ท่านมาขวางทางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
สีหน้าของถังเจียงเฮอเปลี่ยนไปและกล่าวขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว
ลั่วอี้ซานยิ้มอย่างสงบและกล่าวว่า หลี่ฉิงเฟิงเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลลั่ว ข้าย่อมปกป้องเขาอยู่แล้ว
ถ้าท่านจะออกหน้าปกป้องมันงั้นการต่อสู้ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถังเจียงเฮอยิ้มเย้ยและเดินไปหาลั่วอี้ซาน
ครู่ต่อมาทั้งสองแกรนด์มาสเตอร์ก็เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือดพวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นผู้นำตระกูลของหนึ่งในสี่ตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเทียนจิงและมีพลังสูสีกัน ไม่มีสามารถตัดสินผลได้ในเวลาสั้นๆ
เจียงเชียนเต๋าและเตี๋ยจงเทียนหันไปมองหน้ากันและมุ่งหน้าไปต่อเพื่อฆ่าฉิงเฟิง
ลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อพยายามจะขวางทางพวกเขาแต่พวกเธอก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเนื่องจากระดับพลังแตกต่างกันอย่างมาก
แต่เมื่อพวกเขากำลังจะเดินเข้าไปในวิลล่าเสียงของฉิงเฟิงก็ดังออกมา
โห สองยอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์ตกอับถึงขั้นต้องลงมือกับผู้เยาว์แถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย ฉันรู้สึกอับอายแทนพวกคุณจริงๆ ฉิงเฟิงกล่าวเย้ยหยันและเดินออกมาจากวิลล่า
วูฟคิงพวกเขาเป็นหนึ่งใน 81 แกรนด์มาสเตอร์และแข็งแกร่งมาก คุณหนีไป
ใบหน้าที่งดงามของลั่วหนี่ชิงเปลี่ยนไปและรีบร้องเตือนให้ฉิงเฟิงหนี
ฉิงเฟิงส่ายหัวและกล่าวกับลั่วหนี่ชิงว่า ไม่ต้องกังวลนัก พวกเขาเป็นแค่ขนมเค้ก ฉันจะใช้พวกเขาเป็นที่ลับกระบี่
อะไรนะ
ขนมเค้ก เจียงเชียนเต๋าและเตี๋ยจงเทียนต่างก็โกรธจนควันออกหูพวกเขาเป็นแกรนด์มาสเตอร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอย่างสูงแต่วันนี้กลับถูกเด็กรุ่นหลังผู้หนึ่งมองราวกับเป็นเศษขยะ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารและต้องการฆ่าฉิงเฟิงมากขึ้นไปอีก
หลี่ฉิงเฟิงวันนี้ข้าจะหั่นแกเป็นชิ้นๆ ! เตี๋ยจงเทียนขบฟันด้วยความโกรธ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
หลายคนๆก็พูดแบบนี้กับฉันแต่คนเหล่านั้นลงนรกไปหมดแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย ฉันจะส่งพวกคุณไปลงนรกให้ไปอยู่ร่วมกันกับลูกชายและลูกสาวของคุณ
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มแต่ใบหน้าของเขากลายเป็นจริงจัง
นับตั้งแต่ที่เขาได้เข้าสู่ขอบเขตแห่งแกรนด์มาสเตอร์ฉิงเฟิงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขารู้สึกว่าเขาสามารถเอาชนะใครก็ได้ในตอนนี้