วูบ!
ฉิงเฟิงลอยขึ้นไปในอากาศขณะที่อุ้มหลินเสวี่ยไว้ก่อนที่จะก้าวลงบนแท่นหิน
ทำไมแกถึงยังไม่ตายหลี่ฉิงเฟิง ! สีหน้าของเหลิงเสวี่ยเปลี่ยนไปอย่างมากและไม่อยากเชื่อสายตา
มีงูโลหิตนับพันตัวในสระปีศาจและเหลิงเสวี่ยก็รู้ดีว่าพวกมันดุร้ายแค่ไหนหากมีคนตกลงไปย่อมตกตายทันที เป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมันแม้แต่น้อย
เหลิงเสวี่ยสระปีศาจโลหิตไร้ผลต่อฉัน ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
สระปีศาจโลหิตแห่งนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามของนิกายโลหิตสีชาดและยังเป็นพื้นที่ฝึกวิชาสำหรับเคล็ดปีศาจโลหิตมันจะไม่มีผลกับหลี่ฉิงเฟิงได้อย่างไร ! เหลิงเสวี่ยหน้าซีดตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉิงเฟิงพูด
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการยั่วยุนิกายโลหิตสีชาดเหลิงเสวี่ยโกรธเกรี้ยวมากและแทบอดทนรอที่จะฆ่าฉิงเฟิงไม่ไหวอีกต่อไปเพื่อพิสูจน์ว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน !
หลี่ฉิงเฟิงในเมื่อสระปีศาจฆ่าแกไม่ได้งั้นข้าจะลงมือเอง เหลิงเสวี่ยยิ้มอย่างเย็นชาและดุร้าย
เหลิงเสวี่ยและฉิงเฟิงเป็นศัตรูที่จำต้องฆ่ากันเดิมทีเหลิงเสวี่ยวางแผนที่จะหลอกหลินเสวี่ยและพาเธอมาที่นี่เพื่อที่เขาจะได้ใช้เธอไว้กดดันฉิงเฟิงให้กระโดดลงสระปีศาจโลหิต อย่างไรก็ตามมีบางอย่างผิดปกติและไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉิงเฟิงแม้แต่น้อย ดังนั้นเหลิงเสวี่ยจึงตัดสินใจลงมือเอง
คุณชายน้อยกำลังจะต่อสู้กับหลี่ฉิงเฟิงเขาต้องฆ่าชายหนุ่มคนนี้ได้อย่างแน่นอน เหล่าสาวกนิกายโลหิตสีชาดต่างก็แสยะยิ้มกันอย่างดุร้ายในขณะที่เฝ้าดูจากที่ไม่ไกลนัก
ส่วนสาวกนิกายคนที่นำทางฉิงเฟิงมาที่นี่กำลังหลบมุมอยู่ที่ซอกและคอยเฝ้าดูการต่อสู้ของชายทั้งสองคน
ในความคิดของสาวกคนนี้นายน้อยของนิกายนั้นไร้พ่ายและจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
เขตแดนอสูรโลหิต
!
เหลิงเสวี่ยคำรามลั่นในขณะที่ปลดปล่อยเขตแดนแห่งแกรนด์มาสเตอร์ของเขาออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเขตแดนอสูรโลหิตเป็นเขตแดนที่เขาฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ
ภายในรัศมีสิบฟุตเหลิงเสวี่ยก่อทรงกลมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเลือดขึ้น มันเต็มไปด้วยวิญญาณโลหิตอสูรซึ่งสามารถทำให้ผู้ตกอยู่ในเขตแดนสูญเสียสติและทำให้บ้าคลั่ง เหลิงเสวี่ยได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาอสูรโลหิตโดยการดูดเลือดของผู้คนจำนวนมากซึ่งก่อให้เกิดวิญญาณอสรูโลหิตขึ้นจากบรรดาผู้ที่ตายอย่างไม่เต็มใจวิญญาณเหล่านั้นไปรวมตัวกันในร่างของเหลิงเสวี่ยและช่วยให้เขาสามารถสร้างเขตแดนอสูรโลหิตขึ้นมาได้
สีหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นเหลิงเสวี่ยปล่อยเขตแดนอสูรโลหิตออกมาวิญญาณเลือดจากเขตแดนอสูรโลหิตมีความแข็งแกร่งมากจากการที่เหลิงเสวี่ยฆ่าคนไปมหาศาล
เพื่อการฝึกฝนให้เข้าถึงแกรนด์มาสเตอร์ขั้นกลางเหลิงเสวี่ยฆ่าคนไปมากมาย ชายคนนี้สมควรตาย ! ฉิงเฟิงโกรธจัดและตัดสินใจฆ่าชายคนนี้เพื่อแก้แค้นให้ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกฆ่า
เขตแดนเพลิงพินาศ
!
ฉิงเฟิงคำรามอย่างดุร้ายและปลดปล่อยเขตแดนแห่งแกรนด์มาสเตอร์ของเขาขึ้นมามันก่อตัวเป็นทรงกลมเปลวเพลิงขนาดยักษ์ที่มีรัศมีสิบเมตร
ทรงกลมเปลวเพลิงเต็มไปด้วยเปลวไฟที่โหมกระหน่ำและประทุไปด้วยกับคลื่นรังสีความร้อนที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกไฟแผดเผา
ครืน
!
เขตแดนอสูรโลหิตและเขตแดนเพลิงพินาศปะทะชนกันและกันสร้างเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง
แกร่ก
!
เป็นน่าแปลกใจที่เปลวเพลิงแห่งเขตแดนเพลิงพินาศกำลังเผาผลาญเหล่าดวงวิญญาณของอสูรโลหิต
ไฟเป็นศัตรูของน้ำและวิญญาณอสูรโลหิตก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับวิญญาณอสูรแห่งความตายดังนั้นมันจึงสามารถเผาผลาญเขตแดนของเหลิงเสวี่ยได้อย่างง่ายดาย
พรวด
!
เขตแดนอสูรโลหิตถูกเปลวไฟแผดเผาทำให้เหลิงเสวี่ยหน้าซีดในทันทีและกระอักเลือดออกมา
นะ…นี่มันอะไรกัน คุณชายน้อยได้รับบาดเจ็บ
!
เหล่าสาวกนิกายโลหิตสีชาดตกใจมากเมื่อเห็นเหลิงเสวี่ยกระอักเลือดพวกเขาสับสนถึงสาเหตุที่ทำให้คุณชายน้อยของพวกเขาพ่ายแพ้และได้รับบาดเจ็บ
บัดซบ! หลี่ฉิงเฟิง แกเป็นผู้ใช้เขตแดนสายเพลิงงั้นหรือ ! เหลิงเสวี่ยสบถด้วยความขุ่นแค้น
เหลิงเสวี่ยที่ฝึกฝนเขตแดนอสูรโลหิตย่อมรู้ดีว่าเขตแดนสายนี้มีคู่ปรับตามธรรมชาตินั่นก็คือไฟ ดังนั้นผู้ใช้เขตแดนสายไฟจะสามารถเอาชนะเขาได้
หากคู่ต่อสู้เป็นผู้ใช้เขตแดนสายอื่นๆเหลิงเสวี่ยย่อมสามารถเอาชนะคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายอย่างไรก็ตาม เหลิงเสวี่ยคาดไม่ถึงว่าฉิงเฟิงจะเชี่ยวชาญเขตแดนเพลิง
เหลิงเสวี่ยแกสูบเลือดและฆ่าคนมามากมายจนก้าวมาถึงแกรนด์มาสเตอร์ขั้นกลาง แต่มันไร้ค่าสำหรับฉัน แกต้องตาย ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย้ยหยัน
หลี่ฉิงเฟิงอย่าอวดดีนักถึงแม้ทางด้านพลังเขตแดนข้าจะเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่ด้วยเคล็ดวิชาของข้า ข้าเอาชนะเจ้าได้แน่ ! เหลิงเสวี่ยรู้สึกอับอายและโกรธมาก เขาตัดสินใจใช้เคล็ดวิชาที่เพิ่งฝึกสำเร็จเอาชนะฉิงเฟิงให้จมดิน
เช้ง!
เมื่อไม่นานมานี้เหลิงเสวี่ยเพิ่งสูบเลือดผู้คนเป็นจำนวนมากและมันไม่เพียงแค่ทำให้ระดับพลังของเขาทะยานพรวดพราดแต่เขายังได้เรียนรู้เคล็ดวิชากระบี่โลหิตสีชาดอีกด้วย เขาชักกระบี่สีแดงเลือดออกมาและพาดไว้เหนือหน้าอกของเขา
กระบี่สีแดงเลือดเล่มนี้ยาวสามฟุตและกว้างสองนิ้วพื้นผิวของตัวกระบี่เปล่งแสงสีแดงและดูแปลกตาเป็นพิเศษ
กระบี่เล่มนี้ดื่มเลือดของผู้คนมานับไม่ถ้วนและกลายเป็นกระบี่ชั่วร้าย
ฉิงเฟิงหัวเราะเมื่อเขาเห็นว่าเหลิงเสวี่ยใช้กระบี่ฉิงเฟิงได้ฝึกฝนกระบี่ท่าทั้ง 4 ของเคล็ดวิชากระบี่แดงเพลิงคะนองสำเร็จ และวิชาของเขาก็แข็งแกร่งมาก
ฉิงเฟิงรู้สึกว่าเหลิงเสวี่ยกำลังรนหาที่ตายเมื่อมาประชันกับเขาในเชิงกระบี่
เช้ง!
ฉิงเฟิงชักกระบี่ออกมาและตัวกระบี่ก็เปล่งแสงสีแดงสว่างไสวขึ้นเขาถ่ายเทลมปราณไปที่ตัวกระบี่จนตัวกระบี่นั้นเกิดคลื่นลมปราณของเปลวเพลิงฉาบไว้เป็นจำนวนมาก
ฉิงเฟิงตระหนักได้ว่าพลังของเหลิงเสวี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมากภายในเวลาสั้นๆจนมีพลังในระดับเดียวกับเขา
เหตุผลที่ฉิงเฟิงสามารถประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านระดับอย่างรวดเร็วก็เพราะพลังสายเลือดส่วนเหลิงเสวี่ยนั้นเพิ่มระดับพลังด้วยการดูดเลือดของผู้คนเพื่อช่วงชิงแก่นแท้โลหิตของผู้อื่นเพื่อทะลวงผ่าน วิธีการของเขาช่างชั่วร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ
กระบี่พายุโลหิตแดง!
เหลิงเสวี่ยตะโกนอย่างดุดันเขาชักกระบี่ออกมาวาดผ่านอากาศจนเป็นสองซีก
พายุหมุนจากกระบี่ของเหลิงเสวี่ยนี้ก่อตัวขึ้นด้วยกระบี่โลหิตสีชาดและตัดผ่านอากาศมันเต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้ายที่ทำให้ผู้คนสูญเสียความคิดและจิตใจถ้าหากสูดลมหายใจเข้าไป ฉิงเฟิงก้าวไปข้างหน้าและวาดกระบี่เป็นโล่ป้องกันให้หลินเสวี่ยที่อยู่ข้างหลังของเขา
จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าในฉับพลันและฟาดฟันออกไปด้วยกระบี่ในมืออย่างเหี้ยมหาญลมปราณเพลิงแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตกเพลิงที่ร้อนระอุขนาดใหญ่
วิชานี้เรียกว่า คลื่นเพลิงโหมกระหน่ำ ซึ่งสามารถก่อตัวเป็นน้ำตกสีแดงเพลิงอันร้อนระอุขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยลมปราณเพลิงที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
น้ำตกเพลิงแผดเผาและแยกอากาศออกจากกันก่อนที่จะปะทะกับพายุโลหิตอย่างรุนแรงกลุ่มโลหิตขนาดใหญ่สาดกระเซ็นไปทั่วราวกับพลุสีแดงและตามมาด้วยเสียงดังสนั่น