ตูม
!
การโจมตีของหลี่ฉิงเฟิงกับเหลิงเสวี่ยปะทะกันและกันก่อให้เกิดพลังทำลายมหาศาลของพลังลมปราณและแผ่กระจายออกไปโดยรอบมันทำให้เลือดในสระปีศาจโลหิตปั่นป่วนจนเกิดคลื่นสูงหลายเมตรและงูสีเลือดกระเซ็นออกมาจากสระ มันเป็นฉากที่ตระการตาทีเดียว
งูสีเลือดบางตัวถูกซัดไปบนแท่นหินโดยคลื่นเลือดจากในสระพวกมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่ฉิงเฟิงปลดปล่อยออกมาและโค้งคำนับด้วยความหวาด สร้างความตกตะลึงให้เหลิงเสวี่ย
สาวกนิกายโลหิตสีชาดที่อยู่ห่างออกไปรู้สึกประหลาดใจจนพวกเขาต้องอ้าปากค้างเพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นการต่อสู้ดุเดือดเช่นนี้
ครืด!
เหลิงเสวี่ยต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่งในขณะที่ฉิงเฟิงยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คู่มือของฉิงเฟิง
ซึ่งในความเป็นจริงฉิงเฟิงใช้เพียงกระบวนท่าที่สามของวิชากระบี่แดงเพลิงคะนองเท่านั้นถ้าหากเขาใช้ท่าที่สี่มันจะดุร้ายเกรี้ยวกราดยิ่งกว่านี้
ใบหน้าของเหลิงเสวี่ยเขียวคล้ำเหมือนใบไม้และดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยความเย็นยะเยือกเขาสังเกตเห็นว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งกว่าเมื่อตอนที่พบกันในสุสานราชายาทิพย์
สามกระบี่รวมหนึ่งเคล็ดวิชากระบี่พายุโลหิต
!!
เหลิงเสวี่ยตะโกนออกมาและเหยียดกระบี่โลหิตสีชาดออกไป
เขาฟาดกระบี่อย่างรวดเร็วถึงสามครั้งติดต่อกันในเวลาชั่วพริบตาปราณกระบี่ทั้งสามรวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียวและฟาดฟันเข้าใส่ฉิงเฟิงด้วยพลังอันไร้ที่ติ
กระบี่ที่รวบรวมพลังกระบี่ทั้งสามไว้ด้วยกันนั้นมีพลังงานมหาศาลและฉีกผ่านอากาศจนเกิดรอยแยกสามรอยทำให้อากาศส่งเสียงแหลมราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดเมื่อยามที่กระบี่สับผ่านมัน
เพลิงจันทร์เงิน
!
ฉิงเฟิงยิ้มและส่งผ่านลมปราณเข้าสู่ตัวกระบี่เขาสับกระบี่ลงมาและก่อเกิดเป็นดวงจันทร์สีเงินขนาดยักษ์
ดวงจันทร์เงินสีแดงขนาดยักษ์นี้ปลดปล่อยพลังงานที่แข็งแกร่งออกมาราวกับว่ามันจะเผาผลาญทุกอย่างให้กลายเป็นเถ้าถ่านมันบดบังรังสีกระบี่ของเหลิงเสวี่ยไว้ภายนอก
ดวงจันทร์สีเงินที่ลุกเป็นไฟสีแดงเดือดคือกระบวนท่าที่4 และมันยังเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดอีกด้วย เพลงกระบี่ทั่วๆไปไม่อาจต้านทานได้เพราะมันเต็มไปด้วยพลังงานมหาศาล
ด้วยความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องในการโจมตีถึงสองครั้งทำให้เหลิงเสวี่ยประสาทเสียเพราะเขาตระหนักได้ว่าหลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน
เหลิงเสวี่ยแกอ่อนแอเกินไป ฉิงเฟิงยิ้มเยาะเย้ยด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
พลังของฉิงเฟิงในตอนนี้ได้ก้าวมาถึงระดับที่ไม่มีใครในขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์สามารถเอาชนะเขายกเว้นปรมาจารย์ของนิกายหรือผู้ฝึกยุทธ์ตบะสูงส่งและสัตว์ประหลาดที่เก็บงำฝีมือ เหลิงเสวี่ยอาจจะดูทรงพลังแต่เมื่อเทียบกับฉิงเฟิงเขาก็ไม่มีค่าอะไร
เพลิงจันทร์เงินของฉิงเฟิงบล็อกการโจมตีของเหลิงเสวี่ยและปราณกระบี่ยังคงพุ่งโค้งออกไปฟันเข้าที่ด้านข้าง
ฉัวะ!
แขนขวาของเหลิงเสวี่ยถูกฟันขาดสะบั้นและกระเด็นตกลงไปที่พื้นตามมาด้วยโลหิตฉีดพุ่ง
บัดซบเอ้ย! แกตัดแขนข้า ! เหลิงเสวี่ยสบถออกมาด้วยด้วยความโมโห แขนเป็นอวัยวะส่วนสำคัญบนร่างกายมนุษย์และไม่สามารถเชื่อมต่อได้อีกเมื่อถูกตัดขาด เขาโกรธจนคลั่ง
เหลิงเสวี่ยราวกับสัตว์ร้ายที่โดนกับดักและบาดเจ็บเขารู้ว่าเขาจะตายในไม่ช้าแต่ก็ยังไม่เต็มใจตาย เขาโกรธกริ้ว ตื่นตระหนกและหวาดกลัว
ฉิงเฟิงเพียงมีรอยยิ้มเบาบางต่อคำก้นด่าของเหลิงเสวี่ยเขาไม่อยากเสียพลังงานไปด่าสวน ‘คนใกล้ตาย’
ไปตายได้แล้วเหลิงเสวี่ย ฉิงเฟิงสะบัดกระบี่ไปที่ศีรษะของเหลิงเสวี่ย มันเร็วมากราวกับสายฟ้าที่แผ่ไปทั่วท้องฟ้า
เหลิงเสวี่ยประหลาดใจเมื่อเห็นการโจมตีของฉิงเฟิงเขาพยายามยกกระบี่โลหิตสีชาดขึ้นปัดป้อง อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงนั้นทรงพลังมาก
กระบี่ของเขามาถึงคอของเหลิงเสวี่ยในวินาทีต่อมาตามมาด้วยเปลวเพลิงสีแดงที่เผาไหม้ผิวหนังของเขา
แกฆ่าข้าไม่ได้! ข้าคือนายน้อยของนิกายโลหิตสีชาด เหลิงเสวี่ยรีบกล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแสบร้อนจากกระบี่ของฉิงเฟิง
เฮอะวันนี้ต่อให้เป็นจ้าวนิกายมาเองฉันก็จะฆ่า นับประสาอะไรกับคนชั่วช้าอย่างแก ฉิงเฟิงยิ้มเย้ยหยันด้วยรูปลักษณ์แห่งมือสังหาร ฉัวะ!
กระบี่ของเขาตัดศีรษะออกจากร่างกายของเหลิงเสวี่ยโลหิตไหลออกจากคอที่ไร้ศีรษะ ร่างของเขาส่ายโงนเงนและตกลงไปในสระปีศาจโลหิต
ชู่ววว
งูสีเลือดนับไม่ถ้วนวิ่งเข้าหาร่างกายของเหลิงเสวี่ยเพื่อดูดเลือดของเขาเขากลายเป็นเพียงโครงกระดูกในเวลาไม่นาน
เหล่าสาวกนิกายโลหิตสีชาดเหลือกตาและหมดสติไปเมื่อเห็นนายน้อยเหลิงเสวี่ยของพวกเขากลายเป็นโครงกระดูก
นายน้อยแห่งนิกายโลหิตสีชาดเหลิงเสวี่ย แกรนด์มาสเตอร์ขั้นกลาง ตายแล้ว
ที่รักไปกันเถอะ ฉิงเฟิงช้อนตัวหลินเสวี่ยขึ้นไว้ในอ้อมแขนและกระโดดเหนือสระปีศาจโลหิตจากนั้นก็ร่อนลงบนพื้นที่อีกฝากหนึ่ง
เขาเหลียวหลังกลับไปมองสระปีศาจโลหิตอีกครั้งและพาหลินเสวี่ยออกมาทันที
ถึงแม้ว่ากระบี่โลหิตสีชาดและวิชาอสูรโลหิตจะนับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแต่ฉิงเฟิงก็ไม่คิดจะเก็บมันไว้ เขาจะไม่ฝึกมัน รวมไปถึงไม่ยอมให้คนรอบข้างได้ฝึกมันเป็นแน่ เพราะมันคือวิชานอกรีตที่ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยคำสาป
หยุดอยู่ตรงนั้น! พวกแกกล้าดียังไงมาบุกรุกเขตต้องห้ามของนิกายโลหิตสีชาด พวกแกกำลังหาที่ตาย ! ทันทีที่เดินออกมา ฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยก็ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าสาวกนิกายโลหิตสีชาดมากมาย
พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นศิษย์หลักของนิกายเพราะพวกเขาสวมเสื้อคลุมสีเลือดพวกเขาทั้งหมดมองฉิงเฟิงอย่างดุร้าย
ฉันจะให้เวลาพวกแกทุกคนสามวินาทีในการไสหัวไป! ฉิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พวกเราไป! ฆ่าชายคนนี้ซะ ! หัวหน้าสาวกตะโกนออกมาและพุ่งเข้าหาฉิงเฟิง ภายใต้การนำของสาวกคนแรกคนที่เหลืออีกหลายคนต่างก็วิ่งเข้าหาฉิงเฟิงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ปาบ!
ฉิงเฟิงเหวี่ยงฝ่ามือราวกับกำลังตบยุงและทำให้สาวกคนที่อยู่หน้าสุดระเบิดตายเป็นชิ้นๆในพริบตา
เมื่อได้เห็นฉากนี้สาวกคนอื่นๆก็ไม่ได้ถอยหนีแต่พุ่งเข้าไปหมายจะแก้แค้นให้สาวกคนแรก
เปรี้ยงๆ ๆ
ฉิงเฟิงสะบัดมืออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบและทำให้สาวกทั้งหมดถูกฆ่าตายในชั่วพริบตาบริเวณหน้าถ้ำส่งกลิ่นเหม็นคาวเลือดที่รุนแรงออกมาจนทำให้ผู้คนอยากจะอาเจียน
หลินเสวี่ยเริ่มอาเจียนออกมาทันทีหลังจากได้เห็นฉากนองเลือดที่โหดเหี้ยมนี้เธอเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่เคยเห็นอะไรที่น่ากลัวสยดสยองเช่นนี้มาก่อน
ไปกันเถอะที่รัก ฉิงเฟิงอุ้มเธอขึ้นและเดินออกไป
…………….
พวกเขาออกจากนิกายโลหิตสีชาดลงจากเขาและขึ้นรถบัสไปที่สนามบินเจียงหนาน จากนั้นก็ซื้อตั๋วสองใบและขึ้นเครื่องบินกลับไปที่เมืองตงไห่ทันที
หลินเสวี่ยอิงอ้อมแขนฉิงเฟิงบนเครื่องบินวันนี้เธอกลัวมากหลังจากที่ได้เห็นในสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากมาย ในที่สุดเธอก็เพลียหลับไปในอ้อมแขนของเขา
ฉิงเฟิงไม่รู้ว่าวีรกรรมที่เขาทำทิ้งไว้ในนิกายโลหิตสีชาดนั้นจะส่งผลกระทบแค่ไหนเขาฆ่าเหลิงเสวี่ยและสาวกคนสำคัญของนิกายไปหลายคน หากจ้าวนิกายโลหิตสีชาดกลับมาเขาต้องพิโรธอย่างแน่นอน