การแข่งขันในวันนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะมีเหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณเข้ามาปะปนไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามหากมีผู้ฝึกยุทธ์มาข้องเกี่ยวก็จะยิ่งซับซ้อนวุ่นวายมากขึ้น
การแข่งขันของหลี่ฉิงเฟิงกับเย่หยุนซันนั้นไม่ใช่อะไรที่เห็นเหมือนหน้าฉากนอกเหนือไปจากบุญคุณความแค้นระหว่างเย่หยุนซันและจางหยุนเหอแล้ว มันยังเกี่ยวโยงไปถึงเหล่าขั้วอำนาจผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นศัตรูต่อฉิงเฟิงอีกด้วย
กติกาในการตัดสินนั้นใช้เหมือนกันกับก่อนหน้านี้ผู้ที่ทำการรักษาได้ดีที่สุด 5 คนและอาสาสมัครจะคัดจากฝูงชน
ฉิงเฟิงยืนทางซ้ายในขณะที่เย่หยุนซันยืนอยู่ทางขวาพวกเขาจ้องมองซึ่งกันและกันด้วยความเกลียดชัง
ประธานเย่ผมขาหักทั้งสองข้าง คุณรักษาให้ผมได้ไหม ผู้ป่วยรายแรกเข้ามาพร้อมกับวีลแชร์โดยที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนเข็น
เขาคือชายวัยกลางคนอายุราวๆ40ปี ใบหน้าซีดเซียว เมื่อมองดูเขาก็สามารถบอกได้เลยว่าชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บภายใน เส้นลมปราณที่ขาของเขาแตกสลายไร้หนทางฟื้นฟู
ดวงตาของฉิงเฟิงหรี่ลงและมีสีหน้าจริงจังเขาพบว่าชายวัยกลางคนนี้ไม่ใช่คนทั่วไป เขาคือผู้ฝึกยุทธ์โบราณ ขาของเขาไม่ได้หักเพราะอุบัติเหตุจากรถยนต์ แต่เกิดจากน้ำมือคน
ผู้ป่วยอาสาสมัครมีสิทธิ์เลือกว่าจะให้ใครเป็นคนรักษาถึงแม้ว่าฉิงเฟิงต้องการรักษาชายคนนี้ แต่เขากลับเลือกเย่หยุนซัน ฉิงเฟิงจึงไม่อาจทำอะไรได้
เย่หยุนซันยิ้มเล็กน้อยและเดินไปข้างๆชายคนนั้นเขาแสร้งทำเป็นตรวจดูขาทั้งสองของเขาก่อนที่จะพูดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ ผมรักษาได้ ผมจะรักษาคุณด้วยการฝังเข็ม เย่หยุนซันไม่เพียงแค่คล่องแคล่วเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ตะวันตกแต่เขายังคล่องแคล่วในด้านการฝังเข็มอีกด้วย มันทำให้ฉิงเฟิงแปลกใจไม่น้อย
เย่หยุนซันหยิบเข็มเงินเก้าเล่มออกมาในการฝังเข็มนั้นมักจะใช้เข็มเก้าเล่มเพราะมันเป็นเลขนำโชค
อดพูดไม่ได้ว่าเย่หยุนซันมีฝีมือจริงๆมิฉะนั้นเขาคงไม่อาจขึ้นเป็นประธานสมาคมแพทย์ของประเทศได้ เขาหยิบเข็มเก้าเล่มออกมาและฝังไว้บนขาของผู้ป่วยก่อนจะเริ่มทำการนวด
ประมาณสิบนาทีต่อมาเย่หยุนซันก็ถอนเข็มออกและกล่าวว่า ตอนนี้ขาที่หักของคุณหายเป็นปกติดีแล้ว ลองเดินดูสิครับ
ชายวัยกลางคนตัวสั่นเล็กน้อยขณะเดินออกจากรถเข็นเขาเหยียดร่างกายขึ้นและค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุขในขณะที่เขาสัมผัสได้ว่าความสามารถในการเดินของเขากลับคืนมาแล้ว คุณหมอเย่ขอบคุณมาก คุณเป็นหมอเทวะจริงๆที่รักษาขาของผมได้ ชายวัยกลางคนกล่าวกับเย่หยุนซันด้วยความซาบซึ้งบนใบหน้าของเขา
เมื่อฝูงชนได้เห็นชายที่ไม่สามารถแม้แต่จะขยับตัวได้ลุกขึ้นยืนและเดินไปมาทุกคนก็อ้าปากค้างและชมเชยความสามารถทางการแพทย์ของเย่หยุนซัน
ชัยชนะในรอบแรกเป็นของเย่หยุนซัน
จากนั้นผู้ป่วยรายที่สองก็เข้ามาผู้ป่วยคนนี้เป็นโรคหลอดเลือดสมองและอยู่บนเปลหาม
ลูกชายและลูกสาวของเขาอุ้มเขาโดยไม่ได้หันไปมองฉิงเฟิงแม้แต่น้อยพวกเขาตรงดิ่งไปหาเย่หยุนซัน
เย่หยุนซันส่งสายตาเยาะเย้ยไปที่ฉิงเฟิงเป็นนัยๆว่านายมันไร้ความสามารถจนไม่มีผู้ป่วยคนใดอยากให้นายรักษา พวกเขาทุกคนมาหาฉันเพียงคนเดียว
เย่หยุนซันหยิบเข็มเงินทั้งเก้าออกมาอีกครั้งแล้วฝังให้ผู้ป่วยในไม่ช้าดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและตื่นขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าโรคหลอดเลือดสมองของพ่อหายดีจนเขาสามารถลุกขึ้นนั่งพูดคุยได้ลูกๆของพวกเขาก็มีความสุขมากและกล่าวขอบคุณเย่หยุนซันไม่หยุด
รอบที่สองผ่านไปชัยชนะตกเป็นของเย่หยุนซันอีกครั้ง
ประธานเย่ช่างมากความสามารถนักไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงได้เป็นประธานสมาคมแพทย์ของประเทศ !
ถูกต้องเขาได้รักษาผู้ป่วยจนหายไปสองคนแล้วในขณะที่หลี่ฉิงเฟิงยังไม่ได้รักษาใครแม้แต่คนเดียวเลย ชัดเจนว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นพวกหลอกลวงไร้ความสามารถ !
ใช่มันจบแล้วสำหรับหลี่ฉิงเฟิง ถ้าเขาแพ้อีกครั้งเขาต้องคุกเข่าขมาต่อประธานเย่
ผู้คนรอบๆต่างก็พูดคุยกันและมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยสายตาเยาะเย้ย เย่หยุนซันเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศและมีชื่อเสียงมากในเมืองเทียนจิงเขาได้รักษาผู้ป่วยมากมายนับไม่ถ้วน ทุกคนล้วนเชื่อใจเขาและไม่มีใครให้โอกาสฉิงเฟิงเลย
หลินเสวี่ยและลั่วหนี่ชิงยืนชมการแข่งขันอยู่ไกลๆโดยพวกเธอทั้งคู่ต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีนักพวกเธออยู่ฝ่ายฉิงเฟิง การที่ได้เห็นเขาแพ้สองรอบติดก็ทำให้พวกเธอเป็นห่วง
มิสลั่วคุณคิดว่าสามีของชั้นจะสามารถเอาชนะเย่หยุนซันได้หรือเปล่าคะ หลินเสวี่ยหันไปมองลั่วหนี่ชิงและถาม
เมื่อได้ยินคำว่าสามีลั่วหนี่ชิงก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ไม่ต้องห่วงค่ะมิสหลินชั้นเชื่อมั่นในตัวเขา ลั่วหนี่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลินเสวี่ยก็พยักหน้าและกล่าวว่า ใช่ ชั้นก็เชื่อมั่นในตัวเขาเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะแพ้ไปแล้วสองครั้งแต่หลินเสวี่ยก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจเพราะเธอเชื่อว่าสามีของเธอนั้นคือที่สุดในทุกๆด้าน !
หึหึเด็กน้อยเอ๋ย ถ้าคุณแพ้ผมอีกครั้ง คุณก็จะต้องคุกเข่าให้ผม เย่หยุนซันกล่าวกับฉิงเฟิงด้วยความเย่อหยิ่ง
ฉันไม่แพ้หรอก ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างมั่นใจ
เขารู้ว่าเขาไม่อาจแพ้ได้ในรอบที่สามไม่เช่นนั้นการแข่งขันจะจบลงทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับความมั่นใจของฉิงเฟิงเย่หยุนซันก็แสยะยิ้มอย่างเย็นชา มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉิงเฟิงจะชนะเพราะเขาติดสินบนผู้ป่วยทั้งห้าคนอย่างลับๆ
จากนั้นผู้ป่วยรายที่สามก็เดินออกมาเป็นชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบปีที่มีผมขาว เขาตัวสั่นในขณะที่กำลังเดินจนดูเหมือนว่าเขาอาจจะล้มลงได้ในทุกวินาที
ในเมื่อเย่หยุนซันติดสินบนไว้เขาจึงเดินตรงดิ่งไปหาเพื่อขอรับการรักษา
เมื่อเห็นชายชราคนนี้กำลังเดินมาหาเขาใบหน้าของเย่หยุนซันก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารู้ว่าทันทีที่เขารักษาชายชราคนนี้เสร็จ เขาจะเป็นผู้ชนะทันที
วูบ
!!
ในช่วงเวลานั้นฉิงเฟิงเคลื่อนไหวในทันที เขารวดเร็วราวกับลมกระโชกแรงและปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชายชราในพริบตา
เนตรแห่งราชันหมาป่า
!
ฉิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำในขณะที่ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและเข้าควบคุมจิตใจของชายชราในทันที
หลังจากนั้นฉิงเฟิงก็บอกกับชายชราผู้นั้นทางจิตว่าให้เลือกรับการรักษาจากเขา จากความเร็วของเขาแม้แต่แกรนด์มาสเตอร์ที่อยู่ในงานก็ยังเห็นเพียงแค่เงา ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ พวกเขารู้สึกได้เพียงเหมือนมีลมกระโชกแรงเท่านั้น
ฉิงเฟิงมั่นใจว่าเย่หยุนซันต้องเล่นตุกติกด้วยการเตี๊ยมกับผู้ป่วยมาก่อนการแข่งขันดังนั้นเขาจึงต้องใช้วิธีพิเศษในการดึงตัวผู้ป่วยมารับการรักษาจากเขา
หึในเมื่อแกโกง งั้นฉันก็จะเอาบ้างละกัน
ฉิงเฟิงคิดในใจนี่เป็นวิธีเดียวที่เขาสามารถจัดการกับคนสารเลวอย่างเย่หยุนซันได้
หลังจากถูกควบคุมจิตใจโดยฉิงเฟิงชายชราก็กล่าวขึ้นมาว่า ผมเป็นโรคหัวใจ ผมขอเลือกหลี่ฉิงเฟิง
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราใบหน้าของเย่หยุนซันก็บูดบึ้งไปด้วยความโกรธและตกใจ ไอ้แก่บัดซบแกรับสินบนจากฉันแต่กลับไปขอให้หลี่ฉิงเฟิงรักษาได้อย่างไร